นางสดศรี สัตยธรรม กกต. กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้ โฟนอินเข้ามาผ่านการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจรว่า ตนไม่อยากแสดงความคิดเห็นอะไร และศาลก็ได้ตัดสินไปแล้ว การเมืองขณะนี้กำลังร้อนแรง ก็ต้องดูกันไป เราต้องประคับประคองกันไปเพื่อให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า กกต. จะลาออก 3 คน เพื่อที่จะไม่สามารถจัดให้มีการเลือกตั้งได้ นางสดศรี กล่าวว่า ข่าวนี้มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ คมช.ยังอยู่ ซึ่งในสมัยนั้นก็ได้มีการมาพูดจากัน แต่คราวนี้ยังไม่มีใครติดต่อมาหาตน และเท่าที่ทราบกกต.ท่านอื่นๆ ก็ยังจะยังคงทำหน้าที่ต่อไป ไม่เห็นมีใครที่จะแสดงท่าที่อยากจะลาออก
ขอยืนยันว่า กกต.ทั้งหมดยังไม่มีใครถอดใจ ถ้าถอดใจก็คงลาออกไปตั้งแต่ตอนโน้นแล้ว ในส่วนของตน ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกเสียจากเขาไม่อยากให้เราอยู่ ขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ ก็ต้องทำหน้าที่ต่อไป ไม่ว่าจะอย่างไร
**ปรับผู้บริหารระดับสูง 8 ตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต.ได้มีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง จำนวน 8 ราย เนื่องจากมีความประสงค์ที่จะขอย้ายตัวเอง รายชื่อที่ได้มีการปรับเปลี่ยน ประกอบด้วย 1. นายปกครอง สุนทรสุทธิ์ จากตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ กลับไปเป็นรองเลขาธิการ สำนักงานด้านกิจการพรรคการเมือง เหมือนเดิม หลังจากที่โดนย้ายมา เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูล ซึ่งก็ได้มีการสอบสวนแล้วว่า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง แต่ก็หนีความรับผิดชอบไม่ได้ เลยต้องโดนย้ายในตอนนั้น สลับกับ 2. นายสมศักดิ์ สุริยะมงคล มาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ขอย้ายตัวเอง
นอกจากนี้ ยังได้มีการโยกย้ายตำแหน่งในระดับผู้อำนวยการสำนัก (ผอ.) ได้แก่ 3.นาย วรภัทร วงศ์ปราโมทย์ จาก ผอ.สำนักสนับสนุนการเลือกตั้ง ได้มีการแสดงความจำนงของย้ายตัวเอง เนื่องจาก มีปัญหาเรื่องการประมูลบัตรเลือกตั้ง โดยได้ไปเป็นผู้ตรวจการคณะกรรมการการเลือกตั้ง และได้ให้ 4. นาย ประสิทธิ์ ไกรสิงห์เดชา ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาการเลือกตั้ง มารับหน้าที่ โดยนาย ประพันธ์ นัยโกวิท กกต. เป็นผู้เสนอให้มาดำรงตำแหน่งนี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ 5. นายไพบูลย์ ร่วมสุข ผอ.สำนักนโยบายและแผน ก็ได้ทำหนังสือขอแสดงความจำนงด้วยเช่นกันว่า มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ทำให้ 6.นายชลรัช ผิวพรรณ ผอ.สำนักการมีส่วนร่วม เข้ามาทำหน้าที่แทน ทั้งนี้ยังมี 7. นายไพฑูรย์ ภัทรประเสริฐ ผอ.สำนักเลขานุการคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ 8. นายธีระศักดิ์ วิจิตรอินทรามาศ ผอ.สำนักบริหารทั่วไป ก็ได้ไปเป็นผู้ตรวจการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง
ดังนั้นทำให้ตำแหน่ง ผอ.สำนักได้ว่างลงหลายตำแหน่ง ทำให้ กกต.ได้มีการพูดคุยกันว่า ในส่วนของตำแหน่ง ผอ.ที่ว่างลงนั้น ได้มีการเสนอจาก กกต.ท่านหนึ่งระบุว่า อยากให้มีการไปสอบการบริหารงานจาก กพ. มาก่อน แล้วค่อยมาแสดงวิสัยทัศน์ กับ กกต.ทั้ง 5 คน อีกทีหนึ่ง การนำเสนอครั้งนี้ ก็เพื่อที่ไม่ต้องการให้มีการครหาว่าเป็นการเล่นพรรคเล่นพวก และต้องการที่จะแก้ปัญหาเรื่องของการวิ่งเต้น ซึ่งวิธีนี้ก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เพราะอาจจะเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน นอกจากนี้ อาจจะได้คนเข้ามาแบบทำงานไม่เป็นก็ได้ เป็นพวกเก่งแต่ทฤษฏี แต่ปฏิบัติไม่เป็น ซึ่งก็มีให้เห็นเป็นจำนวนมากใน กกต.นี้ เมื่อครั้งที่ผ่านมาก็ได้มีการสอบรับพนักงานกันเข้ามา ซึ่งก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ที่กกต.กลางก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะเอาแบบใหน
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า กกต. จะลาออก 3 คน เพื่อที่จะไม่สามารถจัดให้มีการเลือกตั้งได้ นางสดศรี กล่าวว่า ข่าวนี้มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ คมช.ยังอยู่ ซึ่งในสมัยนั้นก็ได้มีการมาพูดจากัน แต่คราวนี้ยังไม่มีใครติดต่อมาหาตน และเท่าที่ทราบกกต.ท่านอื่นๆ ก็ยังจะยังคงทำหน้าที่ต่อไป ไม่เห็นมีใครที่จะแสดงท่าที่อยากจะลาออก
ขอยืนยันว่า กกต.ทั้งหมดยังไม่มีใครถอดใจ ถ้าถอดใจก็คงลาออกไปตั้งแต่ตอนโน้นแล้ว ในส่วนของตน ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกเสียจากเขาไม่อยากให้เราอยู่ ขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ ก็ต้องทำหน้าที่ต่อไป ไม่ว่าจะอย่างไร
**ปรับผู้บริหารระดับสูง 8 ตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต.ได้มีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง จำนวน 8 ราย เนื่องจากมีความประสงค์ที่จะขอย้ายตัวเอง รายชื่อที่ได้มีการปรับเปลี่ยน ประกอบด้วย 1. นายปกครอง สุนทรสุทธิ์ จากตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ กลับไปเป็นรองเลขาธิการ สำนักงานด้านกิจการพรรคการเมือง เหมือนเดิม หลังจากที่โดนย้ายมา เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูล ซึ่งก็ได้มีการสอบสวนแล้วว่า ไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง แต่ก็หนีความรับผิดชอบไม่ได้ เลยต้องโดนย้ายในตอนนั้น สลับกับ 2. นายสมศักดิ์ สุริยะมงคล มาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ขอย้ายตัวเอง
นอกจากนี้ ยังได้มีการโยกย้ายตำแหน่งในระดับผู้อำนวยการสำนัก (ผอ.) ได้แก่ 3.นาย วรภัทร วงศ์ปราโมทย์ จาก ผอ.สำนักสนับสนุนการเลือกตั้ง ได้มีการแสดงความจำนงของย้ายตัวเอง เนื่องจาก มีปัญหาเรื่องการประมูลบัตรเลือกตั้ง โดยได้ไปเป็นผู้ตรวจการคณะกรรมการการเลือกตั้ง และได้ให้ 4. นาย ประสิทธิ์ ไกรสิงห์เดชา ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาการเลือกตั้ง มารับหน้าที่ โดยนาย ประพันธ์ นัยโกวิท กกต. เป็นผู้เสนอให้มาดำรงตำแหน่งนี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ 5. นายไพบูลย์ ร่วมสุข ผอ.สำนักนโยบายและแผน ก็ได้ทำหนังสือขอแสดงความจำนงด้วยเช่นกันว่า มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ทำให้ 6.นายชลรัช ผิวพรรณ ผอ.สำนักการมีส่วนร่วม เข้ามาทำหน้าที่แทน ทั้งนี้ยังมี 7. นายไพฑูรย์ ภัทรประเสริฐ ผอ.สำนักเลขานุการคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ 8. นายธีระศักดิ์ วิจิตรอินทรามาศ ผอ.สำนักบริหารทั่วไป ก็ได้ไปเป็นผู้ตรวจการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง
ดังนั้นทำให้ตำแหน่ง ผอ.สำนักได้ว่างลงหลายตำแหน่ง ทำให้ กกต.ได้มีการพูดคุยกันว่า ในส่วนของตำแหน่ง ผอ.ที่ว่างลงนั้น ได้มีการเสนอจาก กกต.ท่านหนึ่งระบุว่า อยากให้มีการไปสอบการบริหารงานจาก กพ. มาก่อน แล้วค่อยมาแสดงวิสัยทัศน์ กับ กกต.ทั้ง 5 คน อีกทีหนึ่ง การนำเสนอครั้งนี้ ก็เพื่อที่ไม่ต้องการให้มีการครหาว่าเป็นการเล่นพรรคเล่นพวก และต้องการที่จะแก้ปัญหาเรื่องของการวิ่งเต้น ซึ่งวิธีนี้ก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เพราะอาจจะเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน นอกจากนี้ อาจจะได้คนเข้ามาแบบทำงานไม่เป็นก็ได้ เป็นพวกเก่งแต่ทฤษฏี แต่ปฏิบัติไม่เป็น ซึ่งก็มีให้เห็นเป็นจำนวนมากใน กกต.นี้ เมื่อครั้งที่ผ่านมาก็ได้มีการสอบรับพนักงานกันเข้ามา ซึ่งก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ที่กกต.กลางก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะเอาแบบใหน