ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนนี้ (12พ.ย.) โดยในช่วงท้ายของการประชุม นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนฯ ได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบเรื่อง คณะรัฐมนตรีขอให้สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาว่า การดำเนินการสรรหากรรมการป้องกับและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ว่าทางสำนักเลขาธิการวุฒิสภาได้แจ้งต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ยืนยันเรื่ององค์ประชุมว่าครบนั้น เป็นหน่วยงานที่อยู่ในฐานะเลขานุการของการประชุม ไม่มีหน้าที่วินิจฉัยว่า เรื่องนี้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หรือองค์ประชุมครบหรือไม่ ซึ่งสมควรให้เป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบข้อเท็จจริง
จากนั้นได้มีสมาชิกลุกอภิปรายเสนอแนะ เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ โดย ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลต่างเห็นว่า ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย เพราะไม่ใช่หน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรจะทำหน้าที่ชี้ขาด ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ถอนเรื่องนี้ออกไปก่อน ซึ่งนายสามารถได้ชี้แจงว่า ขอถอนเรื่องนี้ไปก่อน เพื่อให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาในข้อกฎหมายต่อไป หากเห็นว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างองค์กร ก็จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยัง ได้ลงมติให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สหกรณ์ ที่ ครม.เสนอด้วยคะแนนเอกฉันท์ 256 เสียง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา 36 คน พิจารณาแปรญัตติ 14 วัน
จากนั้นได้มีสมาชิกลุกอภิปรายเสนอแนะ เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ โดย ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลต่างเห็นว่า ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย เพราะไม่ใช่หน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรจะทำหน้าที่ชี้ขาด ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ถอนเรื่องนี้ออกไปก่อน ซึ่งนายสามารถได้ชี้แจงว่า ขอถอนเรื่องนี้ไปก่อน เพื่อให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาในข้อกฎหมายต่อไป หากเห็นว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างองค์กร ก็จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยัง ได้ลงมติให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สหกรณ์ ที่ ครม.เสนอด้วยคะแนนเอกฉันท์ 256 เสียง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา 36 คน พิจารณาแปรญัตติ 14 วัน
