ASTV –ผลสอบ กบข. ไม่คืบ บอร์ดเฉพาะกิจขอยืดเวลาสอบออกไปอีก 30 วัน อ้างติดวันหยุดยาว ตรวจสอบข้อมูลไม่เต็มที่ ขณะที่บอร์ดใหญ่ไม่กังวล ยังมั่นใจผลสอบโปร่งใส ส่วนตัวแทน ปปท. ก็ไม่ติดใจ พร้อมเดินทำความเข้าใจกับสมาชิกควบคู่ คาด 19 พ.ค.นี้ สรุปผลสอบได้ ล่าสุด เบรกการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะอสังหาฯ หวั่นวิกฤคเศรษฐกิจเล่นงาน
นายพิสิฐ ลีลาวชิโรภาศ รองผู้ว่าการ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หนึ่งในคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการเฉพาะกิจที่ต้องขึ้นมาตรวจผลการบริหารเงินลงทุนของกบข. ตั้งแต่ปี 2551 ได้รายงานว่า ผลการตรวจสอบล่าสุดของคณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นมายังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากในช่วงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก ทำให้การตรวจสอบข้อมูลทำได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น จึงได้เลื่อนการสรุปผลการตรวจสอบออกไปอีก 30 วัน โดยจะรายงานผลให้ทราบอีกครั้งในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้
อย่างไรก็ตาม จากรายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่มีประเด็นใดที่น่าเป็นห่วง ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ที่เข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์ร่วมในการตรวจสอบครั้งนี้เอง ก็พอใจ และไม่มีปัญหาแม้ว่าจะขยายเวลาการตรวจสอบออกไปอีก 30 วัน
ส่วนการยึดเวลาการตรวจสอบออกไปดังกล่าว จะสร้างความคลางแคลงใจให้กับสมาชิกที่ต้องการทราบผลสอบโดยเร็วนั้น นายพิสิฐกล่าว การที่ผลสอบออกมาเร็วแต่ตอบคำถามไม่ได้ ก็คงเป็นผลดีต่อทั้งกบข.เอง และสมาชิก ซึ่งการเลื่อนออกไปนั้น ก็เป็นเหตุผลด้วยความจำเป็นด้านเวลา ซึ่งส่วนตัวมองว่าเหมาะสมแล้ว เพราะตัวแทนในส่วนของ ปปท.เอง ก็เข้ามาสังเกตการณ์ด้วยอยู่แล้ว
“เรื่องนี้เป็นเรื่องของผลตอบแทนของสมาชิก ต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างดีและรอบคอบ และต้องปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญ ดั้งนั้น ต้องใช้เวลาบ้างอยู่แล้ว ประกอบกับมีการเปิดทางให้ขยายเวลาได้อีก 30 อยู่แล้ว”นายพิสิฐกล่าว
อย่างไรก็ตาม การทำงานของกบข.เป็นหน่วยงานอิสระ ซึ่งคณะกรรมการกองทุนเองก็มาจากตัวแทนของสมาชิกจากหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่เลือกเข้ามา ดังนั้น การตอบคำถามของสมาชิกคงไม่มีปัญหา และคงไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซงได้
ทั้งนี้ กระบวนการลงทุนของกบข.ทุกขั้นตอน เป็นไปอย่างโปร่งใส แต่กระบวนการบริหารเงินลงทุนอาจจะมีความเสี่ยงบ้าง แต่ที่ผ่านมา คณะกรรมการการลงทุนเองก็พยายามลดความเสี่ยงลงให้เหลือน้อยที่สุด
นายพิสิฐกล่าวด้วยว่า นอกจากคณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อมูลแล้ว ยังมีส่วนหนึ่งที่ทำหน้าที่เร่งประชาสัมพันธ์และทำความใจให้กับสมาชิก เพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนของกบข.ควบคู่ไปด้วย ซึ่งเป็นการทำงานคู่ขนานกัน
สำหรับการลงทุน ในขณะนี้มีการพูดถึงว่าในเดือนเมษายนนี้ บางอย่างอาจจะต้องชะลอการลงทุนเอาไว้ก่อน เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนยังไม่มีอะไรดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม กบข.เองมีเป้าหมายการลงทุนอยู่แล้ว แต่ในช่วงนี้ คงต้องดูความเสี่ยงเป็นหลัก เพราะอนุกรรมการด้านการลงทุนของกบข.เอง ก็ไม่ต้องการรับความเสี่ยงเช่นกันโดยการลงทุนให้หุ้น ช่วงนี้จะเน้นลงทุนเฉพาะตัวที่ไม่มีความเสี่ยง หรือได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะ กบข.เอง ก็ดีรับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวนี้เช่นกัน ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่มีการชะลอออกไปก่อน เช่น การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ หรืออสังหาริมทรัพย์เป็นต้น ในขณะที่การลงทุนในต่างประเทศเอง ปัจจุบันยังมีความเสี่ยงและผันผวนอยู่ ดังนั้น กบข.จึงต้องชะลอการลงทุนในต่างประเทศเอาไว้ด้วยเช่นกัน เพื่อรอให้สถานการณ์นั่งมากขึ้นกว่านี้ก่อน
“การลงทุนที่ต้องตัดสินใจโดยเร็ว อนุกรรมการมีสิทธิตัดสินใจลงทุนได้ทันที เพราะหากช้าเกินไป อาจจะเสียผลประโยชน์ได้ แต่การตัดสินใจดังกล่าว จะเน้นดูความเสี่ยงก่อนเป็นหลัก”นายพิสิฐกล่าว
ส่วนการที่มีสมาชิกเสนอให้แก้กฎหมายเพื่อให้ข้าราชการสามารถนำเงินออกมาได้ หรือ นั้น ต้องบอกว่า หลักในการบริหารเงินบำเหน็จบำนาญ ของกบข. เป็นระบบที่เป็นสากลอยู่แล้ว ดังนั้น หากจะมีการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง จะต้องคำนึกถึงการออมระยะยาวด้วย ซึ่งหากจะเอาเงินในอนาคตออกมาใช้ก่อน ก็อาจะกระทบต่อเงินลงทุนด้วย
นายพิสิฐ ลีลาวชิโรภาศ รองผู้ว่าการ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หนึ่งในคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการเฉพาะกิจที่ต้องขึ้นมาตรวจผลการบริหารเงินลงทุนของกบข. ตั้งแต่ปี 2551 ได้รายงานว่า ผลการตรวจสอบล่าสุดของคณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นมายังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากในช่วงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก ทำให้การตรวจสอบข้อมูลทำได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น จึงได้เลื่อนการสรุปผลการตรวจสอบออกไปอีก 30 วัน โดยจะรายงานผลให้ทราบอีกครั้งในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้
อย่างไรก็ตาม จากรายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่มีประเด็นใดที่น่าเป็นห่วง ซึ่งในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ที่เข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์ร่วมในการตรวจสอบครั้งนี้เอง ก็พอใจ และไม่มีปัญหาแม้ว่าจะขยายเวลาการตรวจสอบออกไปอีก 30 วัน
ส่วนการยึดเวลาการตรวจสอบออกไปดังกล่าว จะสร้างความคลางแคลงใจให้กับสมาชิกที่ต้องการทราบผลสอบโดยเร็วนั้น นายพิสิฐกล่าว การที่ผลสอบออกมาเร็วแต่ตอบคำถามไม่ได้ ก็คงเป็นผลดีต่อทั้งกบข.เอง และสมาชิก ซึ่งการเลื่อนออกไปนั้น ก็เป็นเหตุผลด้วยความจำเป็นด้านเวลา ซึ่งส่วนตัวมองว่าเหมาะสมแล้ว เพราะตัวแทนในส่วนของ ปปท.เอง ก็เข้ามาสังเกตการณ์ด้วยอยู่แล้ว
“เรื่องนี้เป็นเรื่องของผลตอบแทนของสมาชิก ต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างดีและรอบคอบ และต้องปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญ ดั้งนั้น ต้องใช้เวลาบ้างอยู่แล้ว ประกอบกับมีการเปิดทางให้ขยายเวลาได้อีก 30 อยู่แล้ว”นายพิสิฐกล่าว
อย่างไรก็ตาม การทำงานของกบข.เป็นหน่วยงานอิสระ ซึ่งคณะกรรมการกองทุนเองก็มาจากตัวแทนของสมาชิกจากหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่เลือกเข้ามา ดังนั้น การตอบคำถามของสมาชิกคงไม่มีปัญหา และคงไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซงได้
ทั้งนี้ กระบวนการลงทุนของกบข.ทุกขั้นตอน เป็นไปอย่างโปร่งใส แต่กระบวนการบริหารเงินลงทุนอาจจะมีความเสี่ยงบ้าง แต่ที่ผ่านมา คณะกรรมการการลงทุนเองก็พยายามลดความเสี่ยงลงให้เหลือน้อยที่สุด
นายพิสิฐกล่าวด้วยว่า นอกจากคณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อมูลแล้ว ยังมีส่วนหนึ่งที่ทำหน้าที่เร่งประชาสัมพันธ์และทำความใจให้กับสมาชิก เพื่อให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนของกบข.ควบคู่ไปด้วย ซึ่งเป็นการทำงานคู่ขนานกัน
สำหรับการลงทุน ในขณะนี้มีการพูดถึงว่าในเดือนเมษายนนี้ บางอย่างอาจจะต้องชะลอการลงทุนเอาไว้ก่อน เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนยังไม่มีอะไรดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม กบข.เองมีเป้าหมายการลงทุนอยู่แล้ว แต่ในช่วงนี้ คงต้องดูความเสี่ยงเป็นหลัก เพราะอนุกรรมการด้านการลงทุนของกบข.เอง ก็ไม่ต้องการรับความเสี่ยงเช่นกันโดยการลงทุนให้หุ้น ช่วงนี้จะเน้นลงทุนเฉพาะตัวที่ไม่มีความเสี่ยง หรือได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะ กบข.เอง ก็ดีรับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวนี้เช่นกัน ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่มีการชะลอออกไปก่อน เช่น การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ หรืออสังหาริมทรัพย์เป็นต้น ในขณะที่การลงทุนในต่างประเทศเอง ปัจจุบันยังมีความเสี่ยงและผันผวนอยู่ ดังนั้น กบข.จึงต้องชะลอการลงทุนในต่างประเทศเอาไว้ด้วยเช่นกัน เพื่อรอให้สถานการณ์นั่งมากขึ้นกว่านี้ก่อน
“การลงทุนที่ต้องตัดสินใจโดยเร็ว อนุกรรมการมีสิทธิตัดสินใจลงทุนได้ทันที เพราะหากช้าเกินไป อาจจะเสียผลประโยชน์ได้ แต่การตัดสินใจดังกล่าว จะเน้นดูความเสี่ยงก่อนเป็นหลัก”นายพิสิฐกล่าว
ส่วนการที่มีสมาชิกเสนอให้แก้กฎหมายเพื่อให้ข้าราชการสามารถนำเงินออกมาได้ หรือ นั้น ต้องบอกว่า หลักในการบริหารเงินบำเหน็จบำนาญ ของกบข. เป็นระบบที่เป็นสากลอยู่แล้ว ดังนั้น หากจะมีการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง จะต้องคำนึกถึงการออมระยะยาวด้วย ซึ่งหากจะเอาเงินในอนาคตออกมาใช้ก่อน ก็อาจะกระทบต่อเงินลงทุนด้วย
