xs
xsm
sm
md
lg

อัดรัฐบาลวิปริตป้อง “แม้ว” ‘สมชาย’ทำมึนผู้ดีถอนวีซ่า จี้เลิกพาสปอร์ต-ลากคอติดคุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน/อินดิเพนเดนท์/Inquirer.net - "สมชาย" เล่นบทถนัดแกล้งโง่จะถาม “ทักษิณว่าลำบากไหม” หลังอังกฤษถอนวีซ่า ปัดตอบถอนพาสปอร์ตแดง อดีตเอกอัครราชทูตไทยสอนมวย ชี้อังกฤษยอมรับหลักนิติธรรม-นิติรัฐของไทย ขณะที่รัฐบาลสมชายทำไม่รู้ไม่ชี้ถือว่าวิปริต-น่าอับอาย จี้ต้องยกเลิกพาสปอร์ต แม้ว-เมีย เพื่อกดดันให้กลับมารับโทษเท่านั้น “ถาวร” อัดอัยการแก้ตัวล่วงหน้ายันอังกฤษถอนวีซ่าช่วยลากคอผู้ร้ายหลบหนีคุกง่ายขึ้น สื่อผู้ดีแฉอังกฤษยกเหตุผลต้องคดีทำผิดจริงจึงห้ามเข้าประเทศ เผย “ทักษิณ” กำลังร่อนเร่ไปทั่วโลก ขณะที่ฟิลิปปินส์ปฏิเสธข่าวอดีตนายกรัฐมนตรีไทยซุ่มเงียบบินสู่มะนิลา ดักรอ “น้องเขย”

จากกรณีอังกฤษยกเลิกวีซ่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร โดยสถานทูตอังกฤษในไทยได้ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์(อีเมล์)ถึงคณะกรรมการดำเนินงานด้านธุรกิจการบิน (Airport Operations Committee: AOC) หรือ เอโอซีเพื่อแจ้งให้กับสายการบินสมาชิกได้ทราบว่า สำนักงานพรมแดนสหราชอาณาจักร ได้ยกเลิกวีซ่าเข้าสหราชอาณาจักรที่ถือโดยบุคคลสัญชาติไทยคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หนังสือเดินทางไทยหมายเลข D215863 และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร หนังสือเดินทางไทยหมายเลข D206635 เพราะวีซ่าที่ประทับในหนังสือเดินทางดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป และขอแนะนำสายการบินทั้งหลายว่าอย่าได้นำผู้โดยสารทั้งสองคนเข้าสหราชอาณาจักรตามที่ “ผู้จัดการรายวัน”นำเสนอไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนนั้น

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เมื่อวาน(วันเสาร์ที่ 8 พ.ย.) ก็พูดไปสองรอบแล้วว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลอังกฤษ เราไปวิพากษ์วิจารณ์อะไรไม่ได้ เมื่อถามว่ารู้สึกยังไงที่พ.ต.ท.ทักษิณและครอบครัวต้องลำบากขึ้น นายสมชาย กล่าวว่า "เดี๋ยวต้องไปถามก่อนว่าลำบากไหม"

ส่วนกระแสข่าวที่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปฟิลิปปินส์ช่วงที่นายกไปที่นั่นเหมือนกัน นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เกี่ยว การเดินทางครั้งนี้มีการตกลงเป็นแรมเดือนแล้ว ในการที่จะไปเยือนฟิลิปปินส์ในฐานะนายกในกลุ่มอาเซียน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไปประเทศลาวมาแล้ว ดังนั้นก็ไม่เกี่ยวกัน ทั้งนี้นายสมชายจะเดินทางไปเยือนประเทศฟิลิปปินส์ในวันที่ 10-11พ.ย. นี้ เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย

เมื่อถามว่าจะดำเนินการยึดพาสปอร์ตแดงหรือไม่ นายสมชาย ปฏิเสธที่จะตอบและขึ้นรถออกไปทันที

**อดีตเอกอัครราชทูตสอนมวย
นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทยหลายประเทศ กล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแสดงว่า แม้แต่อังกฤษยังเห็นความสำคัญของหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่รัฐบาลไทยกลับไม่ทำอะไร คนที่เป็นนักโทษ ถูกพิพากษาแล้วรัฐบาลยังไม่ยึดพาสปอร์ตคืน อย่าว่าแต่ถือพาสปอร์ตแดงแม้แต่พาสปอร์ตธรรมดาก็ด้วยต้องยึดคืนให้หมด ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไทยไม่เคารพกฎหมายและไม่ทำตามหลักนิติรัฐ

“ไม่มีประเทศไหนให้นักโทษ ผู้ต้องโทษถือพาสปอร์ตเดินทางไปไหนมาไหนได้ ถือเป็นเรื่องที่วิปริตมาก ทักษิณไม่มีสิทธิถือหนังสือเดินทางแม้แต่ฉบับเดียว และในทางปฏิบัติจริงๆ แล้ว เมื่อถอนพาสปอร์ตแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานต้องไปขอ CI หรือ Certificate of Identity ที่สถานทูตไทยในประเทศนั้นๆ เพื่อให้สามารถเดินทางกลับไทยได้อย่างเดียว ไม่มีสิทธิ์ไปโน่นมานี่ทั้งสิ้น แต่การถอนพาสปอร์ตดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ได้เป็นคนไทย คุณยังคงมีสัญชาติไทยอยู่ เหมือนกับกรณีที่คนทำพาสปอร์ตหายในต่างประเทศ ก็ต้องขอ CI ที่สถานทูตเพื่อเดินทางกลับประเทศ”

นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ยังให้ความเห็นด้วยว่า รัฐบาลอังกฤษอาจมองเห็นก็ได้ว่า “สมการอำนาจ” ของการเมืองไทย ณ เวลานี้คงจะเปลี่ยนแปลง โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่น่าจะกลับมามีอำนาจได้อีก เพราะการตัดสินใจระงับวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมานดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือภาคประชาชนของไทยที่ต่อสู้กับระบอบทักษิณ โดยช่วยยืนยันถึงความยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรมของไทย

“เขายังเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอังกฤษที่มีมาช้านานอย่างน้อย 300 ปี ทั้งในส่วนของราชวงศ์ รัฐบาล ประชาชน ภาคเอกชน และผลประโยชน์ที่อังกฤษมีในไทยจำนวนมหาศาล เขาไม่เอาสิ่งเหล่านี้ไปเสี่ยงกับคนคนเดียว ก็คือทักษิณ” นายสุรพงษ์กล่าว

**จี้รัฐบาลยกเลิกพาสปอร์ตแม้วทุกเล่ม
ด้าน นายกษิต ภิรมย์ รองนายกรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ กล่าวว่า การยกเลิกวีซ่าเป็นเรื่องของรัฐบาลอังกฤษไม่ได้เกี่ยวกับไทย แต่การนำตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมานกลับมาไม่ว่าทั้ง 2 คนจะอยู่ประเทศไหน สำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงการต่างประเทศก็ต้องแจ้งไปประเทศนั้น เพื่อขอให้ส่งตัวกลับมา เพราะทั้ง 2 คน เป็นผู้ร้าย ทั้งนี้ ไม่ว่าประเทศนั้นจะมีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ก็ตามสามารถขอไปได้ และอยู่ที่ดุลพินิจของประเทศนั้น รวมถึงข้อมูลของสำนักงานอัยการสูงสุดจะให้ข้อมูลไป และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

“การนำตัวทั้ง 2 คนกลับมานั้นมันไม่ใช่เรื่องยากหรือง่าย แต่เป็นเรื่องของขั้นตอนซึ่งมีเยอะ อยู่ที่ทางเราจะให้ข้อมูลไปแค่ไหน รวมถึงประเทศนั้นๆ มีกฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ ส่วนเรื่องประเทศอังกฤษมันจบแล้ว เพราะทั้ง 2 คนเข้าไม่ได้ เขาจะไม่พิจารณายกเลิกเพื่อหักหน้าตัวเอง เราไม่ต้องไปหนักอกแทนเขา เพราะความหนักอกอยู่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนเรื่องการขอลี้ภัยการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณนั้นเป็นคนละเรื่องกัน เพราะเป็นเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณจะไปประเทศนั้นและขอรัฐบาลของเขา แต่วันนี้ขอลำบากแล้ว”

เมื่อถามว่าส.ส.พรรคพลังประชาชนระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณยังมีพาสปอร์ตสีน้ำเงิน นายกษิต กล่าวว่า ถึงมีพาสปอร์ตเป็นร้อยเล่มถ้าประเทศนั้นไม่ให้เข้า ก็เข้าไม่ได้ ทั้งนี้ ทางการไทยควรยกเลิกพาสปอร์ตทางการทูตของพ.ต.ท.ทักษิณ เพราะศาลตัดสินแล้วมีฐานะเป็นผู้ร้าย ส่วนพาสปอร์ตธรรมดาก็แล้วแต่ แต่ถ้ายกเลิกหมดจะทำให้ไม่มีเอกสารเดินทางก็จะทำให้พ.ต.ท.ทักษิณและภริยากลับมาที่ประเทศไทย

เมื่อถามต่อว่าหน่วยราชการไทยที่เกี่ยวข้องไม่ได้ดำเนินการจริงจังตามขั้นตอนการปฏิบัติ สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้หรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ที่ส่วนราชการไทยไม่ทำอะไรก็รู้อยู่ ซึ่งสามารถดำเนินการฐานละเว้นการปฏิบิตหน้าที่ได้ แต่ตอนนี้ก็ต้องดูว่าสำนักงานอัยการสูงสุดทำหนังสือขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศต่างๆ หรือไม่อย่างไร แล้วถึงจะมาพิจารณากัน

**ชี้ทักษิณ-เมียเร่รอนไปเรื่อยๆ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีทำเนียบรัฐบาลว่า เรื่องนี้ถือว่าเป็นนัยที่สำคัญมาก เพราะจะส่งผลให้หลายประเทศในยุโรปต้องทำเหมือนกัน เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศอังกฤษไม่ได้ทั้งที่ได้ลงทุนซื้อบ้านเตรียมลงหลักปักฐานเอาไว้มากทำให้ต้องเริ่มต้นเป็นสัมภเวสีอย่างแท้จริง เหมือนที่ พ.ต.ท.ทักษิณโกหกเอาไว้ตอนโฟนอินว่าครอบครัวแตกแยก พ่อไปทาง แม่ไปทาง ลูกไปทาง แต่ตอนนั้นมีภาพถ่ายยืนยันว่ายังอยู่ด้วยกันทั้งครอบครัว

นายสนธิ คาดว่า ขณะนี้แหล่งที่พักของพ.ต.ท.ทักษิณและภรรยาคงจะเลาะตะเข็บประเทศไทยไปเรื่อยๆ กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบอ้างว่ามีประเทศนั้นประเทศนี้ต้องการให้ไปเป็นพลเมืองว่า ถ้าลองไล่เรียงแต่ละประเทศแล้วก็จะมี เช่น โตโก แอฟริกากลาง ซึ่งคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่มีวันไปอยู่เป็นอันขาด

“ คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชอบกินไวน์ราคาแพง ชอบบรรยากาศยุโรป ดังนั้นการจะไปอยู่ประเทศแถบเอเซีย ไม่ว่าจะเป็นจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือไปสิงคโปร์ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็อยากรู้ว่าผู้นำสิงคโปร์อยากเป็นศัตรูกับคนไทยอีกครั้งหรือเปล่า หรืออาจจะไปประจำอยู่ที่กรุงพนมเปญก็ได้”

**ทักษิณควรกลับมาติดคุก
ด้าน ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการตบหน้ากระทรวงการต่างประเทศของไทย และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ฉาดใหญ่ แต่นายสมชายยังไม่รู้ตัว ทำเป็นประสาทช้าเมื่อวานยังให้สัมภาษณ์ว่าไม่ทราบเรื่องนี้ ตนคิดว่าประเทศอังกฤษมีความฉลาดมาก ยิงกระสุนทีเดียวได้นก 4 ตัว ไม่ต้องส่งผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ต้องพิจารณาเรื่องลี้ภัย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอังกฤษ แม้จะคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศของตัวเองเป็นหลักก็ตาม แต่ก็มีความเข้าในระบอบประชาธิปไตยที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เห็นการต่อสู้เห็นการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่ถูกต้อง พันธมิตรฯ ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ รวมถึงแพทย์ไทย 100 คนที่จบจากอังกฤษ ได้มีหนังสือไปที่สถานทูตอังกฤษและรัฐบาลอังกฤษ รวมถึงแผนดาวกระจาย ที่ตนเชื่อว่ามีผลอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน เชื่อว่าประเทศจีนเขาก็ยึดเอาสถาบันกษัตริย์ของเรา

นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า อังกฤษเลือกเวลาถอนหนังสือเดินทาง พ.ต.ท.ทักษิณได้เหมาะสม ในจังหวะที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปโฟนอินนอกประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นการล้มล้างความมั่นใจของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ไปคุยโม้ว่าสนิทสนมกับโทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประเทศอังกฤษเขาปกครองระบอบประชาธิปไตย ยึดกฎหมายเป็นหลัก ไม่ได้ยึดตัวบุคคล

ทั้งนี้เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะไปอยู่ต่างประเทศยากลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในเครือจักรภพของอังกฤษ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะกลับมาติดคุกสัก 1 ปี และขอพระราชทานอภัยโทษ ไม่ใช่จู่ๆ จะมาขอพระราชทานอภัยโทษ และการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เรื่องนี้จะเป็นบทเรียนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อ

“ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งสัญญาณเล่นเกมแรงขึ้น มีการปลุกมวลชน โดยใช้ยุทธศาสตร์ป่าล้อมเมืองที่เขายังสามารถยึดอำนาจรัฐบาลที่เป็นตัวแทนหรือนอมินีได้อยู่ โดยมีเสาหลักอยู่ที่ระบบราชการ ทั้งตำรวจ กองทัพ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอที่บางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจหรือยังคงติดระบบอุปถัมภ์ของระบอบทักษิณ เมื่อสมัยครองอำนาจ 5-6 ปีที่ผ่านมา ผมอยากฝากถึงกองทัพว่า อย่าอ้างว่าทหารต้องอยู่ในวินัย ไม่มีอำนาจหน้าที่ ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว เท่ากับว่าทหารทรยศต่อตนเอง และประเทศชาติ” นายปราโมทย์ กล่าว

**ถาวรติงอัยการแก้ตัวล่วงหน้าลากคอทักษิณ
นายถาวร เสนเนียม
รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่อัยการออกมาระบุว่าการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยจะยากขึ้น หลังจากที่อังกฤษถอนวีซ่าพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ความจริงจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เพราะปกติประเทศอังกฤษส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนยากมาก ดังนั้นเมื่อรัฐบาลอังกฤษไม่สมัครใจให้คนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณและภริยาอยู่ในประเทศต่อไป ถือว่าเป็นโชคดีของประเทศไทยที่จะมีโอกาสเริ่มต้นขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนในประเทศอื่น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายที่ต้องคำพิพากษาศาล โดยให้เริ่มต้นตรวจสอบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ที่ประเทศใดมีสนธิสัญญาระหว่างกันหรือไม่ ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณหนีไปอยู่ประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญา ก็ให้ใช้การตกลงต่างตอบแทนกับประเทศนั้น ๆ ว่า หากต้องการให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะส่งให้ในวันข้างหน้า ก็พร้อมที่จะดำเนินการให้ แลกกับการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณมารับโทษในไทย ซึ่งจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป

ส่วนการสืบหาที่อยู่ของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายถาวร กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องยากเพราะเป็นคนดังและรวยหนีไปที่ไหนก็เป็นข่าว และฝากบอกไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุดอย่าแก้ตัวล่วงหน้าว่าเอาตัวพ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดีลำบาก แต่ต้องใช้ความรู้ทางด้านกฎหมายในฐานะทนายแผ่นดิน ใช้อำนาจรัฐแทนประชาชนอย่างจริงจังดำเนินการเรื่องนี้ ที่สำคัญคือหน่วยราชการหลายหน่วย โดยฉพาะหน่วยงานด้านกฎหมายจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พ.ต.ท.ทักษิณและนายกฯซึ่งเป็นน้องเขย จึงมักจะลูบหน้าปะจมูก ดังนั้นขอให้คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นบุคคลธรรมดาที่ถูกพิพากษาให้จำคุก ต้องไม่เลือกปฏิบัติใช้มาตรฐานเดียวกับบุคคลธรรมดาอื่น ๆ การที่อัยการพูดเช่นนั้นเป็นการแก้ตัวล่วงหน้าปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัวเอง

“ผมคิดว่าต่อจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะหนีอย่างหัวซุกหัวซุน เพราะกรรมตามทันเห็นชัดมาก พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มก่อกรรมทำเข็ญกับประเทศชาติตั้งแต่ปี 2544 มาถึงวันนี้ถือว่ากรรมตามเร็วเพราะมีชีวิตรับกรรมที่จะต้องทรมานทางใจอีกนาน ที่สำคัญจะสำนึกผิดรับโทษและก่อกรรมดีกับประเทศชาติหรือไม่เท่านั้น หากยอมกลับตัวเป็นคนดีสังคมไทยก็พร้อมให้อภัย แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกระทำกับประเทศไทยในทางร้ายหนักข้อขึ้น ทั้งกับสถาบัน กระบวนการยุติธรรมและเศรษฐกิจชาติ แม้หลายคนจะบอกให้เข้าใจหมาจนตรอก แต่ผมคิดว่านี่เป็นคนไม่ใช่หมาต้องมีจิตสำนึกรู้ดีรู้ผิดรู้ชอบ แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้น แต่จากนิสัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในทางรุนแรงมากขึ้น แต่เชื่อผลกรรมมีจริง ถ้าหากไม่ลดราวาศอกก็จะยิ่งมีกรรมมากขึ้น และจะส่งผลไปถึงคนใกล้ชิดด้วย ไม่ว่าจะเป็นนายสมชายและน้องสาวตัวเอง ซึ่งก็กำลังรับกรรมอยู่ ดังนั้นถ้าทำตัวเป็นสุนัขจนตรอกก็เท่ากับไม่สำนึก และไม่ควรได้รับการให้อภัย”นายถาวร กล่าว

นายถาวร ยังเรียกร้องให้ รัฐบาลส่งสัญญาณไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ไปให้การกับกระบวนการยุติธรรมเร็วขึ้น เพื่อแสดงว่าได้ปฏิบัติงานในฐานะดูแลรักษากติกาบ้านเมืองอย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง และในส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด ก็ต้องเร่งดำเนินการในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ในสถานะที่ต้องมาดำเนินคดีในไทย ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่านายสมชายไม่ซื่อบื้อไม่เลือกที่รักมักที่ชังไม่ทำตัวเป็นคนโง่ เพราะทุกคนรู้ดีว่านายสมชายไม่ใช่คนโง่ เป็นถึงอดีตผู้พิพากษามีประสบการณ์ด้านการเมืองมานาน ไม่ใช่คนโง่แต่แกล้งทำเป็นซื่อบื้อ เช่น บอกว่ายังไม่รู้เรื่องอังกฤษยกเลิกวีซ่า ถ้าไม่รู้จริงก็ไม่ควรเป็นนายกฯ แต่ถ้าแกล้งทำเป็นโง่ ก็ไม่เหมาะเป็นนายกฯของคนไทยเหมือนกัน โดยทางการไทยควรยกเลิก พาสปอร์ตของทักษิณทั้งหมด คงเหลือไว้เพียงแค่การเป็นพลเมืองไทยเท่านั้น

**สื่ออังกฤษบอก "แม้ว"วิ่งวุ่นหาปท.ใหม่ลี้ภัย
หนังสือพิมพ์อินดิเพนเดนต์ ของอังกฤษฉบับวานนี้(9)รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย และอดีตเจ้าของสโมสารแมนเชสเตอร์ซิตี ต้องตกอยู่ในสภาพวิ่งวุ่นเพื่อหาดินแดนแห่งใหม่ในโลกนี้ ที่จะสามารถใช้เป็นสถานที่พำนักหลบภัยได้ หลังจากถูกทางการอังกฤษยกเลิกวีซ่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

อินดิเพนเดนต์บอกว่า กระทรวงมหาดไทยอังกฤษได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ในกรุงเทพฯว่า ได้ตัดสินใจยกเลิกวีซ่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ผู้เป็นภริยา เรื่องนี้ดูเหมือนจะเกิดขึ้นหลังจากเขาถูกศาลไทยพิพากษาว่ามีความผิดฐานใช้อำนาจในทางมิชอบระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คำตัดสินความผิดของเขาคราวนี้ เป็นเพียงแค่การพลิกผันครั้งล่าสุดในช่วงเวลาแห่งอาชีพอันเต็มไปด้วยความปั่นป่วนของนักการเมืองผู้เต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาดผู้นี้ ซึ่งได้ถูกโค่นลงจากตำแหน่งด้วยการรัฐประหารอย่างปราศจากการเสียเลือดเนื้อในปี 2549

สื่อชื่อดังแดนผู้ดีฉบับนี้ระบุต่อไปว่า ในช่วงของการพลัดถิ่น พ.ต.ท.ทักษิณใช้เวลาส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักร โดยเขาทั้งยื่นขอลี้ภัยทางการเมือง, ซื้อบ้านในย่านเซอร์เรย์, และซื้อทีมฟุตบอลให้กับตัวเอง แต่ตอนนี้เขาต้องเผชิญการติดคุกหากเดินทางกลับประเทศไทย และก็ไม่สามารถเดินทางเข้าอังกฤษได้อีก ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจึงกำลังจำเป็นจะต้องหาที่อยู่ใหม่ รายงานหลายกระแสในคืนวันเสาร์(8)ชี้ว่า เขากำลังเดินทางระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์

นอกจากนั้น อินดิเพนเดนต์บอกว่า มหาเศรษฐีด้านการสื่อสารผู้นี้ยังไปอยู่ที่ฮ่องกงบ่อยๆ โดยที่ฮ่องกงนี้เองที่เขาโทรศัพท์เข้ามาปราศรัยกับผู้สนับสนุนทางการเมืองของเขาในประเทศ และบอกว่า "ไม่มีใครเอาผมกลับบ้านได้เว้นแต่พระบารมีที่จะทรงเมตตา หรือพี่น้องประชาชน"

ข่าวอังกฤษตัดสินใจห้าม พ.ต.ท.ทักษิณเข้าประเทศ ปรากฏออกมาภายหลังสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรในกรุงเทพฯส่งอีเมล์ฉบับหนึ่งถึงสายการบินทุกแห่งในประเทศไทย แนะนำพวกเขาว่าอย่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณหรือภริยา โดยสารเครื่องบินเดินทางมายังสหราชอาณาจักร ทางกระทรวงมหาดไทยอังกฤษเองยังไม่ให้ความเห็นอะไรเกี่ยวกับการตัดสินใจในเรื่องนี้ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศไทยบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ ยืนยันว่าทางการอังกฤษได้ยกเลิกวีซ่าของคนทั้งสองแล้วจริงๆ

**ฟิลิปปินส์ไม่เชื่อทักษิณไปมะนิลา
ทางด้าน Inquirer.net ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ฟิลิปปินส์เอนไควเรอร์ ได้นำเสนอรายงานข่าวฉบับวานนี้(9)ของหนังสือพ์ฉบับนี้ ซึ่งบอกว่า ทางเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ ต่างแสดงความสงสัยไม่เชื่อถือ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งต้องดิ้นรนหาที่หลบภัยใหม่ภายหลังถูกอังกฤษเพิกถอนวีซ่า กำลังเดินทางไปยังฟิลิปปินส์ในวันเสาร์(8) เพื่อขอลี้ภัยที่ประเทศนี้

พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้บอกว่า ไม่เคยได้รับการติดต่อไม่ว่าอย่างเป็นทางการหรือในเชิงทาบทาม ว่า พ.ต.ท.ทักษิณกำลังจะบินมายังกรุงมะนิลาในช่วงสุดสัปดาห์ 8-9 พฤศจิกายน

ฟิลิปปินส์เอนไควเรอร์กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ไหนเมื่อวันเสาร์(8) ยังไม่เป็นที่ทราบกัน แต่หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นของไทย ได้อ้าง ส.ส.ผู้หนึ่งกล่าวว่า มี ส.ส.จากภาคอิสานจำนวนหนึ่งจะเดินทางไปพักผ่อนในฟิลิปปินส์สุดสัปดาห์นี้(8-9) และอาจจะได้พบกับอดีตนายกรัฐมนตรีที่นั่น ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณถูกระบุว่าได้จัดการเรื่องให้มีการพบปะกันนี้โดยทางโทรศัพท์

ทว่า คลาโร คริสโตบัล โฆษกกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ หัวเราะเยาะรายงานข่าวนี้และบอกว่าเป็นเพียง "ข่าวลือ" พร้อมกับบอกว่าเจ้าหน้าที่ไทยเพียงคนเดียวที่กำลังจะเดินทางไปที่กรุงมะนิลา คือ นายกรัฐมนตรี สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่กำหนดจะเยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการในวันจันทร์(10)

เขากล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีสมชายเยือนฟิลิปปินส์ในสัปดาห์นี้ จึงทำให้ "ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้" ที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะมาที่กรุงมะนิลา นอกจากนั้น ฟิลิปปินส์ก็จะไม่ใช่เป็นทางเลือกที่ฉลาดที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้เป็นที่ลี้ภัย เนื่องจากฟิลิปปินส์เป็นเพื่อนบ้านและก็เป็นพันธมิตรของประเทศไทย คริสโตบัลกล่าวย้ำ

ด้าน เออูอาร์โด เออร์มิตา เลขาธิการฝ่ายบริหารทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ บอกว่า เขาไม่ทราบเลยว่า พ.ต.ท.ทักษิณหรือเจ้าหน้าที่ไทยคนใดมีแผนการเดินทางมาที่กรุงมะนิลา และไม่ได้มีกำหนดการใดๆ ที่จะเข้าพบประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย พร้อมกับย้ำว่า ประธานาธิบดีอาร์โรโยจะเดินทางไปสหรัฐฯในวันจันทร์(10)อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เออร์มิตาได้แถลงแก้ว่า ได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์แล้วว่า นายกรัฐมนตรีสมชายกำลังจะเดินทางมาที่กรุงมะนิลา
กำลังโหลดความคิดเห็น