วานนี้ (21 ต.ค.) เวลา 08.30 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ตรวจดูความเรียบร้อยการรื้อเวทีปราศรัยที่ตั้งอยู่บนสะพานมัฆวานรังสรรค์ ซึ่งได้รื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงเหลือเต็นท์ของกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินนอก รวมถึงแนวยางรถยนต์ที่ยังไม่ได้รื้อถอน จึงยังไม่สามารถเปิดการจราจรได้ นอกจากนี้ ยังได้กำชับกับหน่วยรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่รับผิดชอบบริเวณดังกล่าวให้รื้อถอนให้เป็นระเบียบ เพื่อเตรียมเปิดเส้นทางถนนราชดำเนินนอก สำหรับงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
จากนั้นเวลา 10.00 น.พล.ต.จำลอง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ที่ประชุมแกนนำได้มีมติร่วมกันให้รื้อเวทีและเต็นท์ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ให้แล้วเสร็จก่อนเช้ามืด วันที่ 23 ต.ค.นี้ เพื่อเปิดถนนราชดำเนินนอก ให้เป็นเส้นทางเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันปิยะมหาราช
ส่วนวันที่ 14-19 พ.ย.จะยังคงเปิดเส้นทางถนนราชดำเนินนอก เพื่อให้ราชวงศ์ใช้เป็นเส้นทางเสด็จในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แต่ระหว่างหลังวันที่ 23 ต.ค.ถึง 14 พ.ย. พันธมิตรฯจะกลับเข้ามาปักหลักบริเวณดังกล่าวอีกหรือไม่นั้น ทางแกนนำจะต้องประชุมอีกครั้ง ซึ่งอาจจะเปิดถนนยาว ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ถึง 19 พ.ย.เลยก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการรื้อเวทีครั้งนี้จะเป็นการสุ่มเสี่ยงที่ฝ่ายตรงข้ามจะเข้ามาทำร้ายพวกเราได้ โดยเฉพาะวันนี้ที่เป็นวันตัดสินคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นวันที่ล่อแหลมที่จะมีความรุนแรงเกิดขึ้น
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงเหตุระเบิดบริเวณหน้าบ้านนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรงที่ต้องสอบสวน โดยเฉพาะสถานการณ์เช่นนี้ ตำรวจต้องเข้ามาดูแลและระวังบุคคลสำคัญในองค์กรตุลาการและศาล ซึ่งจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เนื่องจากตำรวจมีงบประมาณและเครื่องมือ
ส่วนที่หลายฝ่ายของมองว่าอาจเกิดความรุนแรงภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำตัดสินคดีที่ดินรัชดานั้น ตนไม่ทราบว่า คำตัดสินจะออกมาเป็นเช่นไร ดังนั้น จึงไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ แต่ยืนยันเราชุมนุมมา 100 กว่าวันไม่เป็นห่วงเรื่องความรุนแรง เพราะถ้าเป็นห่วง คงกลับบ้านไปนอนแล้ว อย่างไรก็ตามทางพันธมิตรฯขอฟังตัดสินก่อนจึงจะมีการประชุมเพื่อกำหนดท่าที สำหรับการเคลื่อนไหวด้วยยุทธวิธีดาวกระจายตอนนี้ยังไม่มีการเสนอเข้าที่ประชุม
เชื่อ ส.ส.ร.3 ยัดไส้แก้รัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการความพยายามที่จะตั้ง ส.ส.ร.3 ของรัฐสภา พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พันธมิตรฯไม่หวังพึ่ง ส.ส.ร. มานานแล้ว รวมทั้งการประชุมร่วมกันของทั้ง 4 ฝ่าย ก็ไม่ชอบธรรม เพราะไม่ครบองค์ประกอบ เนื่องจากประธานวุฒิสภา และฝ่ายค้าน ไม่เข้าร่วมด้วย ดังนั้น จะเป็นการทำเพื่อส่วนร่วมได้อย่างไร อีกทั้งการกำหนดเวลาการทำงานของ ส.ส.ร.ถึง 8 เดือน มีแต่ความเสียหาย โดยเฉพาะต้องเสียเงินให้ ส.ส.ร.คนละ 1 แสนต่อเดือน โดยไม่ได้อะไรเลย นอกจากดึงเวลาอยู่ในอำนาจของรัฐบาลต่อไปเท่านั้น
นอกจากนี้ สังคมยังตั้งข้องสงสัยว่า จะมีการหมกเม็ดแอบแฝงแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง เพราะขณะนี้ยังไม่มีใครออกมายืนยันว่า จะมีมาเสนอการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 190, 237 และ 309 หรือไม่
เมื่อถามว่าจุดยืนของพันธมิตรฯคือต่อต้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากรัฐสภายังพยายามแก้ไข พันธมิตรฯ จะมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จุดยืนของพวกเราคือ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ได้บอกว่ามาตราเดียว หรือบางส่วน เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากประชามติ 14.7 ล้านเสียง และความผิดไม่ได้เกิดจากรัฐธรรมนูญ แต่เกิดจากนักการเมือง ส่วนจะมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ ต้องมีการประชุมอีกครั้ง
เผยผู้ชุมนุมกว่า10บาดเจ็บแผลเน่า
นายพิภพ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกองทัพธรรมที่รับผิดชอบในการดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรง ในวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาได้แจ้งว่า ในจำนวนผู้บาดเจ็บกว่า 300 ราย มีผู้บาดเจ็บประมาณ 10 ราย ที่ตอนแรกมีเพียงบาดแผลผื่นแดง แต่ภายหลังบาดแผลเริ่มเน่าและพบสะเก็ด และสารเคมีเข้าฝังเข้าในบาดแผล ซึ่งแพทย์ก็มองไม่เห็น ทำให้ต้องใช้เวลาในการรักษา 2-3 เดือน จึงเห็นว่า เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธร้ายแรงเกินความจำเป็นเข้าสลายการชุมนุม จึงต้องมีการสอบสวนในเรื่องนี้
ส่วนกรณีของนายสมเลิศ เกษมสุขประการ อายุ 56 ปี ที่หัวใจวายเสียชีวิตภายในทำเนียบรัฐบาลนั้น ทางแกนนำได้ติดต่อกับครอบครัวแล้ว โดยจะเข้าร่วมในงานศพ และจะจัดสรรเงินช่วยเหลือต่อไป
ขณะที่ พล.ต.จำลอง กล่าวเสริมอีกว่า สำหรับผู้บาดเจ็บที่มีบาดแผลไม่เป็นปกติ จนยากต่อการรักษา ทางพันธมิตรฯมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญพิเศษด้านศัลยกรรมเข้ามาดูแลอยู่แล้ว แต่หลังจากนี้อยากขอแพทย์จาก ร.พ.ในสังกัด กทม.อาทิ ร.พ.วชิรพยาบาล และ ร.พ.ตากสิน ส่งแพทย์เข้ามาดูแลวันละ 2 คน และพยาบาล 4 คน เพื่อดูแลผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ
เฮ!ลั่นทำเนียบแทบแตก"แม้ว"ติดคุก
เวลา 14.00 น.บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯผู้ชุมนุมต่างใจจดจ่ออยู่ที่ทีวีตามจุดต่างๆ ในทำเนียบฯ ที่ถ่ายทอดสดเสียงจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และต่างจับกุมวิพากษ์วิจารณ์กันว่า คำตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไร
เวลา 15.45 น.ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำตัดสินคดีที่ดินรัชดาภิเษกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ตกเป็นจำเลย โดยตัดสินให้จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ จำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณรอบทำเนียบฯ และในทำเนียบฯ ต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ ต่างวิ่งมาบริเวณหน้าเวทีปราศรัย ยืนเต้น ชูมือตบ พร้อมตะโกน ว่า"ติดคุกๆๆๆ" อย่างพร้อมเพียง
ขณะเดียวกันนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ นายวีระ สมความคิด, นายการุณ ใสงาม ได้ขึ้นไปบนเวที พร้อมกับโห่ร้องกับผู้ชุมนุมวิ่งไปวิ่งมาบนเวทีด้วยความดีใจและตีกลองที่อยู่บนเวที จากนั้นนายสมเกียรติ กล่าวว่า ขอให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯทุกคนจงเจริญ ขณะนี้พวก นปก.300 คนที่ไปเชียร์ที่หน้าศาลเป็นลมหมดทุกคนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ขณะที่ นายวีระ กล่าวเสริมว่า ชัยชนะ เป็นของประชาชน และเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีผู้บริจาคให้ ตนขอมอบให้ ASTV จากนั้นพิธีกรได้ขึ้นมาบนเวที อ่านรายชื่อผู้ที่บริจาคให้กับเอเอสทีวี นายสมเกียรติ นายวีระ อย่างต่อเนื่อง และเป็นจำนวนมาก
"วีระ"ชี้คำพิพากษาพิสูจน์"แม้ว"ชั่ว
นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน และแนวร่วมพันธมิตรฯ ซึ่งมีส่วนร่วมในการฟ้องดำเนินคดีนี้มาตั้งแต่ต้น ได้กล่าวบนเวทีที่ทำเนียบฯหลังจากทราบคำตัดสินของศาลฎีกาฯสั่งจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปีว่า จากคำตัดสินดังกล่าวทำให้มั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นชั่วโดยสันดาน และยังมีอีกหลายคดีที่ทยอยเข้ามา
นายวีระ กล่าวต่อว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องผ่านการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน แต่บางหน่วยงานไม่ได้ทำหน้าที่ คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พร้อมทั้งเรียกร้องให้ช่วยกันปรบมือขอบคุณคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทุกคน โดยเฉพาะนายอุดม เฟื่องฟุ้ง ซึ่งเป็นอดีตประธานอนุกรรมการตรวจสอบในเรื่องนี้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปิดทองหลังพระคอยส่งหลักฐานมาให้
"คำตัดสินของศาลในครั้งนี้พิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่าคุณทักษิณ ไม่ใช่คนดี แต่เป็นอาชญากร ทำความชั่วทั้งที่เป็นนายกฯ และไม่ใช่บกพร่องโดยสุจริต แต่เป็นความชั่วโดยสันดาน และเป็นประวัติศาสตร์ที่เอานายกฯเข้าคุกได้" นายวีระ กล่าว และว่า แม่ว่าในครั้งนี้จะมีความพยายามวิ่งเต้นศาลฎีกาแต่ไม่มีผล
"สนธิ"ชี้จำคุก"ทักษิณ"หมดทางลี้ภัย
เวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีที่ทำเนียบฯกล่าวว่า วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ที่ศาลพิพากษาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และจะมีความหมายต่อพลังศีลธรรมเป็นอย่างยิ่ง เพราอย่าว่าแต่จำคุก 2 ปีเลย แค่ 2-3 เดือนก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นแล้ว
นายสนธิ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับเวรกรรมจากกระบวนการยุติธรรมในยุคที่มีน้องเขยเป็นนายกรัฐมนตรีและมีพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล และสาเหตุที่ต้องหนีเพราะรู้ล่วงหน้าถึงคำพิพากษาว่าจะออกมาแบบนี้และว่าต่อไปในทางสากลจะตำหนิประเทศไทยไม่ได้แล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกรังแก
นายสนธิ กล่าวว่า เวลานี้เรายังมีสองสถาบันที่ยังเป็นหลักคือ ทหารกับสถาบันตุลาการ แต่ถ้าวันใดสองสถาบันนี้ถูกซื้อได้พวกเราก็อยู่ในประเทศนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องจับตาให้ดี ดังนั้นจึงอย่าได้วางใจ
นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้รายงานข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณติดคุก 2 ปีเพราะคอรัปชั่นและเป็นครั้งแรกที่สื่อฝรั่งก็เข้าใจแล้วแม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะออกมาไม่ยอมรับและกล่าวหาว่าถูกกลั่นแกล้งและที่พูดแบบนี้เพราะซื้อศาลไม่ได้ แต่ก็พูดไม่ได้เต็มปากเพราะมีรัฐบาลของน้องเขย ซึ่งเป็นอดีตผู้พิพากษาและยังเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมถึง 7 ปี ดังนั้น ทำไมถึงยังต้องติดคุก เพราะเป็นความผิดที่ปฏิเสธไม่ได้
"ดังนั้น วันนี้ของคุณทักษิณ จึงไม่เหมือนเมื่อวานแล้ว อีกทั้งบุญเก่าก็ได้หมดแล้ว ต่อไปก็เหลือแต่เวรกรรม" นายสนธิ ระบุพร้อมกับตั้งข้อสังเกตเรื่องของผลการลงมติของคณะผู้พิพากษาแต่บอกว่าจะไม่พูดเรื่องนี้
นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้นอกจากใช้หลักนิติรัฐแล้วในทางธรรมถือว่ากรรมใดใครก่อก็ต้องรับไป และว่าถ้าคดีที่ดินรัชดาฯต้องติดคุก ต่อไปคดีเงินกู้เอ็กซิมแบงก์ก็ต้องติดคุกด้วย
"วันนี้ทักษิณจะลี้ภัยด้วยข้อหาอะไร เพราะติดคุกในยุครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ชอบอ้างกันนักไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ในยุคของการรัฐประหาร และฝากถึงคุณสมชาย และคุณเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ว่าเวรกรรมมีจริง และฝากถึงคุณทักษิณที่ยังมีลูกอีก 3 คนที่ถูกดำเนินคดีหลายข้อหาจะต้องรับทุกข์ในบั้นปลาย รวมทั้งคนที่ขายแผ่นดินจะต้องพินาศฉิบหายแน่นอน" นายสนธิ ระบุ
"สุริยะใส"หวั่นฝ่ายหนุน"แม้ว"แข็งข้อ
ที่สะพานมัฆวานฯ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาฯพิพากษาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จำคุก 2 ปีว่า การที่ศาลพิพากษาเช่นนี้เป็นการตอกย้ำการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯตั้งแต่ปี 48 เป็นเรื่องของจริยธรรมในการใช้อำนาจและจะเป็นบรรทัดฐานในการวางหลักปฎิบัติ เพื่อแก้ปัญหาในจริยธรรมของนักการเมือง ซึ่งเป็นต้นตอของการคอร์รัปชั่นและการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง และอยากเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาสู้คดีและเคารพคำพิพากษาของศาลร่วมทั้งอยากให้กลุ่มที่สนับสนุนไม่ออกมาต่อต้านคำพิพากษาของศาล เพราะเมื่อไหร่ที่ออกมาปฎิเสธคำพิพากษาเท่ากับไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม เมื่อกระบวนการยุติธรรมถูกปฎิเสธ ถูกต่อต้านจากคนในสังคมความสมานฉันท์จะไม่เกิดขึ้น
"ผมคิดว่ารัฐบาล และ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงของคำพิพากษาเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการหลี้ภัยและอยากให้สื่อมวลชน สถาบันทางวิชาการ องค์กร ภาคส่วนต่างๆ ใช้คำพิพากษาเพื่ออธิบาย ขยายความ ให้คนทั้งประเทศได้เห็นข้อเท็จจริงว่า ระบอบทักษิณ ได้สร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองและพันธมิตรฯไม่ได้มีอคติกับอดีตนายกฯ"
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาปฎิเสธคำพิพากษาและกล่าวทำนองว่ารู้คำพิพากษาล่วงหน้า ชี้ให้เห็นว่าเมื่อไหร่อดีตนายกฯไม่มั่นใจว่าจะชนะจะไม่ยอมขึ้นศาลจะใช้วิธีเดียวก็คือซื้อศาล โดยการติดสินบน เมื่อติดสินบนไม่ได้ จึงต้องลี้ภัย ที่ออกมาปฎิเสธว่าไม่เคยขอลี้ภัยในอังกฤษ ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ยืนยันว่าอดีตนายกฯทำเรื่องขอหลี้ภัยนานกว่า 1 เดือนแล้ว แต่รัฐบาลอังกฤษไม่อนุมัติและโอกาสที่รัฐบาลอังกฤษจะให้ลี้ภัยเป็นเรื่องที่ยากมาก ยิ่งศาลตัดสินในวันนี้ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ อัยการสูงสุด เร่งประสานงานกับประเทศอังกฤษเพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมา รับโทษจำคุก 2 ปี ตนคิดว่าไม่ได้มากอะไรและเป็นจุดเริ่มต้นของความสมานฉันท์
แกนนำ พธม.นัดกำหนดท่าทีวันนี้
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า จุดยืนของพันธมิตรฯยังคงเป็นการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด คำพิพากษาครั้งนี้ถือว่าเป็นชัยชนะของคนไทยทั้งประเทศที่สร้างบรรทัดฐานที่ดีงามไว้ แต่เป้าหมายของพันธมิตรฯคือการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน พันธมิตรฯก็จะเดินหน้าต่อไป และอยากเรียกร้องไปยัง กลุ่ม นปก.อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ตนคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้น่าเป็นห่วงว่า จะมีการบิดเบือนคำพิพากษาของศาลและก่อความรุนแรงในจังหวัดต่างๆ อยากให้ฝ่ายความมั่นคงและทหารออกมาจับตาความเคลื่อนไหว ส่วนพันธมิตรฯจะมีการประชุมแกนนำทั้งรุ่น 1 รุ่น 2 เป็นการภายในที่บ้านพระอาทิตย์ เวลา 11.00 น.และจะมีการประกาศแถลงการณ์อีกครั้งในช่วงเย็นวันนี้ (22 ต.ค.) บนเวที
"การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาปฎิเสธคำพิพากษาของศาล อย่างทันควันเป็นการส่งสัญญาให้กับกลุ่มต่างๆ ที่สนับสนุนและเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ว่า จำเป็นต้องเคลื่อนไหวต่อไป พันธมิตรฯเองก็จะจับตามองกลุ่มที่เคลื่อนไหว และผมเชื่อว่ามีความเป็นได้ที่จะก่อความรุนแรง" นายสุริยะใส กล่าว
"ยุวรัตน์"ยอมรับปาหี่สอบโจรไม่มีผล
นายยุวรัตน์ กมลเวชช หนึ่งในคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 กล่าวถึงความคืบหน้าในการสืบสวนข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า ขณะนี้ได้ให้อนุกรรมการทั้ง 5 คณะไปเก็บรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆทั้งหมด ทั้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายประชาชน สื่อสารมวลชน สถานีวิทยุโทรทัศน์ เพื่อนำมาสรุปเป็นข้อมูลนำเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่โดยจะมีการรายงานความคืบหน้า และประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ในวันที่ 3 พ.ย.ที่บ้านมนังคศิลา
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวจะเป็นการรายงานการประชุมความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ขอยืนยันว่า คณะกรรมการชุดนี้ไม่มีอำนาจชี้ถูกชี้ผิดเหมือน ป.ป.ช.คณะกรรมการเพียงทำหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลเหมือนเป็นการทำประวัติศาสตร์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "สำหรับกรอบเวลา 15 วัน ผมขอเรียนว่าไม่สามารถที่จะกำหนดกรอบให้แล้วเสร็จตามที่นายกฯระบุได้" นายยุวรัตน์ กล่าว
มีรายงานในที่ประชุม ครม.ว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้หยิบยกเรื่องความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการเยียวยา และช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหาย กรณีเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องได้รายงานในที่ประชุมครม. ถึงผลการประชุมของคณะกรรมการฯ ในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบบาดเจ็บในการชดเชยด้านการเงินและจิตใจ โดยกรอบอัตราค่าชดเชย จะนำเสนอจะนำเสนอในที่ประชุม ครม.วันที่ 28 ต.ค.นี้
ยันไม่มีใครลาออกจากคณะกก.
คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์การสลายกลุ่มผู้ชุมนุม บริเวณรัฐสภา วันที่ 7 ต.ค.กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีคณะกรรมการสอบสวนฯ บางคนลาออกว่า ยังไม่ทราบ แค่ได้รับทราบจากข่าวเช่นกัน สำหรับตนยังไม่ได้ลาออก แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการฯ เนื่องจากติดราชการ
สำหรับแนวทางการทำงานของคณะกรรมการฯเพียงเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือหาคนผิด คุณพรทิพย์ กล่าวว่า ทราบเพียงว่ามีการตั้งคณะอนุกรรมการ ซึ่งคงจะเป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงก่อนแล้วจึงนำไปพิจารณา ส่วนกรณีที่นายกฯ และ ครม.เห็นว่าควรรอฟังผลสรุปของคณะกรรมมการฯ ภายใน 15 วันก่อนตัดสินใจทางการเมือง คิดว่าจะทำงานได้ทันหรือไม่ คุณพรทิพย์ กล่าวว่า เท่าที่นายกฯ บอกกับคณะกรรมการนั้น ไม่ได้กำหนดเวลา ให้อิสระเต็มที่ที่จะทำงาน
"ดิฉันไม่ได้ยินว่านายกฯบอกว่าให้เวลา 15 วัน ได้ยินแต่ว่าให้อิสระเต็มที่ และให้ไปรวบรวมข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม นายกฯยังไม่เคยมาพูดอะไรกับดิฉัน และการตั้งคณะกรรมการนั้น ประธานปรีชา เป็นคนรวบรวมชื่อแล้วจึงเสนอ ส่วนเรื่องข่าวที่ว่า มีคนถอนตัวนั้นก็ยังไม่ทราบ" คุณพรทิพย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่สังคมรอการชี้ผิดถูกจากคณะกรรมการฯ อยู่คิดว่าจะสามารถลดความกดดันในสังคมลงได้บ้างหรือไม่ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ได้กำหนดว่าให้เป็นผู้ชี้ผิดถูก แต่ให้ไปรวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อนำมาเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งที่สังคมคงต้องมาดู เพราะมีหลายแห่งตั้งคณะกรรมการในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นมา คงต้องนำข้อเท็จจริงจากหลายด้านมาประกอบกัน
เมื่อถามว่าในการทำรายงานเสนอนายกฯ และครม.คณะกรรมการฯจะสรุปหรือไม่ว่าใครเป็นคนสั่งการให้สลายการชุมนุม คุณพรทิพย์ กล่าวว่า คงต้องไป เรียนถามจากประธานคณะกรรมการฯ แต่ถ้าถามตน คิดว่าคงไม่ได้สรุปตรงนั้น เมื่อถามอีกว่าคิดว่า 15 วันเพียงพอที่จะสรุปได้หรือไม่ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า "15 วันไม่ทันหรอกค่ะ เพราะยังไม่มีการประชุมอย่างเป็น ทางการแม้แต่ครั้งเดียว" เมื่อถามว่า ทางคณะกรรมการต้องหาคนที่สั่งการในการประชุม ครม.คืนวันที่ 6 ต.ค.หรือไม่ คุณพรทิพย์กล่าวว่า"ไม่ทราบ อยู่ที่ที่ประชุม"
จากนั้นเวลา 10.00 น.พล.ต.จำลอง และนายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล โดย พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ที่ประชุมแกนนำได้มีมติร่วมกันให้รื้อเวทีและเต็นท์ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ให้แล้วเสร็จก่อนเช้ามืด วันที่ 23 ต.ค.นี้ เพื่อเปิดถนนราชดำเนินนอก ให้เป็นเส้นทางเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันปิยะมหาราช
ส่วนวันที่ 14-19 พ.ย.จะยังคงเปิดเส้นทางถนนราชดำเนินนอก เพื่อให้ราชวงศ์ใช้เป็นเส้นทางเสด็จในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แต่ระหว่างหลังวันที่ 23 ต.ค.ถึง 14 พ.ย. พันธมิตรฯจะกลับเข้ามาปักหลักบริเวณดังกล่าวอีกหรือไม่นั้น ทางแกนนำจะต้องประชุมอีกครั้ง ซึ่งอาจจะเปิดถนนยาว ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ถึง 19 พ.ย.เลยก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการรื้อเวทีครั้งนี้จะเป็นการสุ่มเสี่ยงที่ฝ่ายตรงข้ามจะเข้ามาทำร้ายพวกเราได้ โดยเฉพาะวันนี้ที่เป็นวันตัดสินคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นวันที่ล่อแหลมที่จะมีความรุนแรงเกิดขึ้น
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงเหตุระเบิดบริเวณหน้าบ้านนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจโดยตรงที่ต้องสอบสวน โดยเฉพาะสถานการณ์เช่นนี้ ตำรวจต้องเข้ามาดูแลและระวังบุคคลสำคัญในองค์กรตุลาการและศาล ซึ่งจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เนื่องจากตำรวจมีงบประมาณและเครื่องมือ
ส่วนที่หลายฝ่ายของมองว่าอาจเกิดความรุนแรงภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำตัดสินคดีที่ดินรัชดานั้น ตนไม่ทราบว่า คำตัดสินจะออกมาเป็นเช่นไร ดังนั้น จึงไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ แต่ยืนยันเราชุมนุมมา 100 กว่าวันไม่เป็นห่วงเรื่องความรุนแรง เพราะถ้าเป็นห่วง คงกลับบ้านไปนอนแล้ว อย่างไรก็ตามทางพันธมิตรฯขอฟังตัดสินก่อนจึงจะมีการประชุมเพื่อกำหนดท่าที สำหรับการเคลื่อนไหวด้วยยุทธวิธีดาวกระจายตอนนี้ยังไม่มีการเสนอเข้าที่ประชุม
เชื่อ ส.ส.ร.3 ยัดไส้แก้รัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการความพยายามที่จะตั้ง ส.ส.ร.3 ของรัฐสภา พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พันธมิตรฯไม่หวังพึ่ง ส.ส.ร. มานานแล้ว รวมทั้งการประชุมร่วมกันของทั้ง 4 ฝ่าย ก็ไม่ชอบธรรม เพราะไม่ครบองค์ประกอบ เนื่องจากประธานวุฒิสภา และฝ่ายค้าน ไม่เข้าร่วมด้วย ดังนั้น จะเป็นการทำเพื่อส่วนร่วมได้อย่างไร อีกทั้งการกำหนดเวลาการทำงานของ ส.ส.ร.ถึง 8 เดือน มีแต่ความเสียหาย โดยเฉพาะต้องเสียเงินให้ ส.ส.ร.คนละ 1 แสนต่อเดือน โดยไม่ได้อะไรเลย นอกจากดึงเวลาอยู่ในอำนาจของรัฐบาลต่อไปเท่านั้น
นอกจากนี้ สังคมยังตั้งข้องสงสัยว่า จะมีการหมกเม็ดแอบแฝงแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง เพราะขณะนี้ยังไม่มีใครออกมายืนยันว่า จะมีมาเสนอการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 190, 237 และ 309 หรือไม่
เมื่อถามว่าจุดยืนของพันธมิตรฯคือต่อต้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากรัฐสภายังพยายามแก้ไข พันธมิตรฯ จะมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จุดยืนของพวกเราคือ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ได้บอกว่ามาตราเดียว หรือบางส่วน เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากประชามติ 14.7 ล้านเสียง และความผิดไม่ได้เกิดจากรัฐธรรมนูญ แต่เกิดจากนักการเมือง ส่วนจะมีการเคลื่อนไหวหรือไม่ ต้องมีการประชุมอีกครั้ง
เผยผู้ชุมนุมกว่า10บาดเจ็บแผลเน่า
นายพิภพ กล่าวว่า ขณะนี้ทางกองทัพธรรมที่รับผิดชอบในการดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรง ในวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมาได้แจ้งว่า ในจำนวนผู้บาดเจ็บกว่า 300 ราย มีผู้บาดเจ็บประมาณ 10 ราย ที่ตอนแรกมีเพียงบาดแผลผื่นแดง แต่ภายหลังบาดแผลเริ่มเน่าและพบสะเก็ด และสารเคมีเข้าฝังเข้าในบาดแผล ซึ่งแพทย์ก็มองไม่เห็น ทำให้ต้องใช้เวลาในการรักษา 2-3 เดือน จึงเห็นว่า เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธร้ายแรงเกินความจำเป็นเข้าสลายการชุมนุม จึงต้องมีการสอบสวนในเรื่องนี้
ส่วนกรณีของนายสมเลิศ เกษมสุขประการ อายุ 56 ปี ที่หัวใจวายเสียชีวิตภายในทำเนียบรัฐบาลนั้น ทางแกนนำได้ติดต่อกับครอบครัวแล้ว โดยจะเข้าร่วมในงานศพ และจะจัดสรรเงินช่วยเหลือต่อไป
ขณะที่ พล.ต.จำลอง กล่าวเสริมอีกว่า สำหรับผู้บาดเจ็บที่มีบาดแผลไม่เป็นปกติ จนยากต่อการรักษา ทางพันธมิตรฯมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญพิเศษด้านศัลยกรรมเข้ามาดูแลอยู่แล้ว แต่หลังจากนี้อยากขอแพทย์จาก ร.พ.ในสังกัด กทม.อาทิ ร.พ.วชิรพยาบาล และ ร.พ.ตากสิน ส่งแพทย์เข้ามาดูแลวันละ 2 คน และพยาบาล 4 คน เพื่อดูแลผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ
เฮ!ลั่นทำเนียบแทบแตก"แม้ว"ติดคุก
เวลา 14.00 น.บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ทำเนียบฯผู้ชุมนุมต่างใจจดจ่ออยู่ที่ทีวีตามจุดต่างๆ ในทำเนียบฯ ที่ถ่ายทอดสดเสียงจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และต่างจับกุมวิพากษ์วิจารณ์กันว่า คำตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไร
เวลา 15.45 น.ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำตัดสินคดีที่ดินรัชดาภิเษกที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ตกเป็นจำเลย โดยตัดสินให้จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ จำคุกเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณรอบทำเนียบฯ และในทำเนียบฯ ต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ ต่างวิ่งมาบริเวณหน้าเวทีปราศรัย ยืนเต้น ชูมือตบ พร้อมตะโกน ว่า"ติดคุกๆๆๆ" อย่างพร้อมเพียง
ขณะเดียวกันนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ นายวีระ สมความคิด, นายการุณ ใสงาม ได้ขึ้นไปบนเวที พร้อมกับโห่ร้องกับผู้ชุมนุมวิ่งไปวิ่งมาบนเวทีด้วยความดีใจและตีกลองที่อยู่บนเวที จากนั้นนายสมเกียรติ กล่าวว่า ขอให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯทุกคนจงเจริญ ขณะนี้พวก นปก.300 คนที่ไปเชียร์ที่หน้าศาลเป็นลมหมดทุกคนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ขณะที่ นายวีระ กล่าวเสริมว่า ชัยชนะ เป็นของประชาชน และเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีผู้บริจาคให้ ตนขอมอบให้ ASTV จากนั้นพิธีกรได้ขึ้นมาบนเวที อ่านรายชื่อผู้ที่บริจาคให้กับเอเอสทีวี นายสมเกียรติ นายวีระ อย่างต่อเนื่อง และเป็นจำนวนมาก
"วีระ"ชี้คำพิพากษาพิสูจน์"แม้ว"ชั่ว
นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน และแนวร่วมพันธมิตรฯ ซึ่งมีส่วนร่วมในการฟ้องดำเนินคดีนี้มาตั้งแต่ต้น ได้กล่าวบนเวทีที่ทำเนียบฯหลังจากทราบคำตัดสินของศาลฎีกาฯสั่งจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปีว่า จากคำตัดสินดังกล่าวทำให้มั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นชั่วโดยสันดาน และยังมีอีกหลายคดีที่ทยอยเข้ามา
นายวีระ กล่าวต่อว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องผ่านการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน แต่บางหน่วยงานไม่ได้ทำหน้าที่ คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พร้อมทั้งเรียกร้องให้ช่วยกันปรบมือขอบคุณคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทุกคน โดยเฉพาะนายอุดม เฟื่องฟุ้ง ซึ่งเป็นอดีตประธานอนุกรรมการตรวจสอบในเรื่องนี้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ปิดทองหลังพระคอยส่งหลักฐานมาให้
"คำตัดสินของศาลในครั้งนี้พิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่าคุณทักษิณ ไม่ใช่คนดี แต่เป็นอาชญากร ทำความชั่วทั้งที่เป็นนายกฯ และไม่ใช่บกพร่องโดยสุจริต แต่เป็นความชั่วโดยสันดาน และเป็นประวัติศาสตร์ที่เอานายกฯเข้าคุกได้" นายวีระ กล่าว และว่า แม่ว่าในครั้งนี้จะมีความพยายามวิ่งเต้นศาลฎีกาแต่ไม่มีผล
"สนธิ"ชี้จำคุก"ทักษิณ"หมดทางลี้ภัย
เวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีที่ทำเนียบฯกล่าวว่า วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ที่ศาลพิพากษาจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และจะมีความหมายต่อพลังศีลธรรมเป็นอย่างยิ่ง เพราอย่าว่าแต่จำคุก 2 ปีเลย แค่ 2-3 เดือนก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นแล้ว
นายสนธิ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับเวรกรรมจากกระบวนการยุติธรรมในยุคที่มีน้องเขยเป็นนายกรัฐมนตรีและมีพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล และสาเหตุที่ต้องหนีเพราะรู้ล่วงหน้าถึงคำพิพากษาว่าจะออกมาแบบนี้และว่าต่อไปในทางสากลจะตำหนิประเทศไทยไม่ได้แล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกรังแก
นายสนธิ กล่าวว่า เวลานี้เรายังมีสองสถาบันที่ยังเป็นหลักคือ ทหารกับสถาบันตุลาการ แต่ถ้าวันใดสองสถาบันนี้ถูกซื้อได้พวกเราก็อยู่ในประเทศนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องจับตาให้ดี ดังนั้นจึงอย่าได้วางใจ
นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้รายงานข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณติดคุก 2 ปีเพราะคอรัปชั่นและเป็นครั้งแรกที่สื่อฝรั่งก็เข้าใจแล้วแม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะออกมาไม่ยอมรับและกล่าวหาว่าถูกกลั่นแกล้งและที่พูดแบบนี้เพราะซื้อศาลไม่ได้ แต่ก็พูดไม่ได้เต็มปากเพราะมีรัฐบาลของน้องเขย ซึ่งเป็นอดีตผู้พิพากษาและยังเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมถึง 7 ปี ดังนั้น ทำไมถึงยังต้องติดคุก เพราะเป็นความผิดที่ปฏิเสธไม่ได้
"ดังนั้น วันนี้ของคุณทักษิณ จึงไม่เหมือนเมื่อวานแล้ว อีกทั้งบุญเก่าก็ได้หมดแล้ว ต่อไปก็เหลือแต่เวรกรรม" นายสนธิ ระบุพร้อมกับตั้งข้อสังเกตเรื่องของผลการลงมติของคณะผู้พิพากษาแต่บอกว่าจะไม่พูดเรื่องนี้
นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้นอกจากใช้หลักนิติรัฐแล้วในทางธรรมถือว่ากรรมใดใครก่อก็ต้องรับไป และว่าถ้าคดีที่ดินรัชดาฯต้องติดคุก ต่อไปคดีเงินกู้เอ็กซิมแบงก์ก็ต้องติดคุกด้วย
"วันนี้ทักษิณจะลี้ภัยด้วยข้อหาอะไร เพราะติดคุกในยุครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ชอบอ้างกันนักไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ในยุคของการรัฐประหาร และฝากถึงคุณสมชาย และคุณเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ว่าเวรกรรมมีจริง และฝากถึงคุณทักษิณที่ยังมีลูกอีก 3 คนที่ถูกดำเนินคดีหลายข้อหาจะต้องรับทุกข์ในบั้นปลาย รวมทั้งคนที่ขายแผ่นดินจะต้องพินาศฉิบหายแน่นอน" นายสนธิ ระบุ
"สุริยะใส"หวั่นฝ่ายหนุน"แม้ว"แข็งข้อ
ที่สะพานมัฆวานฯ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาฯพิพากษาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จำคุก 2 ปีว่า การที่ศาลพิพากษาเช่นนี้เป็นการตอกย้ำการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯตั้งแต่ปี 48 เป็นเรื่องของจริยธรรมในการใช้อำนาจและจะเป็นบรรทัดฐานในการวางหลักปฎิบัติ เพื่อแก้ปัญหาในจริยธรรมของนักการเมือง ซึ่งเป็นต้นตอของการคอร์รัปชั่นและการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง และอยากเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาสู้คดีและเคารพคำพิพากษาของศาลร่วมทั้งอยากให้กลุ่มที่สนับสนุนไม่ออกมาต่อต้านคำพิพากษาของศาล เพราะเมื่อไหร่ที่ออกมาปฎิเสธคำพิพากษาเท่ากับไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม เมื่อกระบวนการยุติธรรมถูกปฎิเสธ ถูกต่อต้านจากคนในสังคมความสมานฉันท์จะไม่เกิดขึ้น
"ผมคิดว่ารัฐบาล และ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงของคำพิพากษาเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการหลี้ภัยและอยากให้สื่อมวลชน สถาบันทางวิชาการ องค์กร ภาคส่วนต่างๆ ใช้คำพิพากษาเพื่ออธิบาย ขยายความ ให้คนทั้งประเทศได้เห็นข้อเท็จจริงว่า ระบอบทักษิณ ได้สร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองและพันธมิตรฯไม่ได้มีอคติกับอดีตนายกฯ"
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาปฎิเสธคำพิพากษาและกล่าวทำนองว่ารู้คำพิพากษาล่วงหน้า ชี้ให้เห็นว่าเมื่อไหร่อดีตนายกฯไม่มั่นใจว่าจะชนะจะไม่ยอมขึ้นศาลจะใช้วิธีเดียวก็คือซื้อศาล โดยการติดสินบน เมื่อติดสินบนไม่ได้ จึงต้องลี้ภัย ที่ออกมาปฎิเสธว่าไม่เคยขอลี้ภัยในอังกฤษ ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ยืนยันว่าอดีตนายกฯทำเรื่องขอหลี้ภัยนานกว่า 1 เดือนแล้ว แต่รัฐบาลอังกฤษไม่อนุมัติและโอกาสที่รัฐบาลอังกฤษจะให้ลี้ภัยเป็นเรื่องที่ยากมาก ยิ่งศาลตัดสินในวันนี้ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ อัยการสูงสุด เร่งประสานงานกับประเทศอังกฤษเพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมา หาก พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมา รับโทษจำคุก 2 ปี ตนคิดว่าไม่ได้มากอะไรและเป็นจุดเริ่มต้นของความสมานฉันท์
แกนนำ พธม.นัดกำหนดท่าทีวันนี้
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า จุดยืนของพันธมิตรฯยังคงเป็นการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด คำพิพากษาครั้งนี้ถือว่าเป็นชัยชนะของคนไทยทั้งประเทศที่สร้างบรรทัดฐานที่ดีงามไว้ แต่เป้าหมายของพันธมิตรฯคือการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน พันธมิตรฯก็จะเดินหน้าต่อไป และอยากเรียกร้องไปยัง กลุ่ม นปก.อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ตนคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้น่าเป็นห่วงว่า จะมีการบิดเบือนคำพิพากษาของศาลและก่อความรุนแรงในจังหวัดต่างๆ อยากให้ฝ่ายความมั่นคงและทหารออกมาจับตาความเคลื่อนไหว ส่วนพันธมิตรฯจะมีการประชุมแกนนำทั้งรุ่น 1 รุ่น 2 เป็นการภายในที่บ้านพระอาทิตย์ เวลา 11.00 น.และจะมีการประกาศแถลงการณ์อีกครั้งในช่วงเย็นวันนี้ (22 ต.ค.) บนเวที
"การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาปฎิเสธคำพิพากษาของศาล อย่างทันควันเป็นการส่งสัญญาให้กับกลุ่มต่างๆ ที่สนับสนุนและเคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ว่า จำเป็นต้องเคลื่อนไหวต่อไป พันธมิตรฯเองก็จะจับตามองกลุ่มที่เคลื่อนไหว และผมเชื่อว่ามีความเป็นได้ที่จะก่อความรุนแรง" นายสุริยะใส กล่าว
"ยุวรัตน์"ยอมรับปาหี่สอบโจรไม่มีผล
นายยุวรัตน์ กมลเวชช หนึ่งในคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 กล่าวถึงความคืบหน้าในการสืบสวนข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า ขณะนี้ได้ให้อนุกรรมการทั้ง 5 คณะไปเก็บรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆทั้งหมด ทั้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายประชาชน สื่อสารมวลชน สถานีวิทยุโทรทัศน์ เพื่อนำมาสรุปเป็นข้อมูลนำเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่โดยจะมีการรายงานความคืบหน้า และประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ในวันที่ 3 พ.ย.ที่บ้านมนังคศิลา
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวจะเป็นการรายงานการประชุมความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ขอยืนยันว่า คณะกรรมการชุดนี้ไม่มีอำนาจชี้ถูกชี้ผิดเหมือน ป.ป.ช.คณะกรรมการเพียงทำหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลเหมือนเป็นการทำประวัติศาสตร์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "สำหรับกรอบเวลา 15 วัน ผมขอเรียนว่าไม่สามารถที่จะกำหนดกรอบให้แล้วเสร็จตามที่นายกฯระบุได้" นายยุวรัตน์ กล่าว
มีรายงานในที่ประชุม ครม.ว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้หยิบยกเรื่องความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการเยียวยา และช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหาย กรณีเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องได้รายงานในที่ประชุมครม. ถึงผลการประชุมของคณะกรรมการฯ ในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบบาดเจ็บในการชดเชยด้านการเงินและจิตใจ โดยกรอบอัตราค่าชดเชย จะนำเสนอจะนำเสนอในที่ประชุม ครม.วันที่ 28 ต.ค.นี้
ยันไม่มีใครลาออกจากคณะกก.
คุณพรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์การสลายกลุ่มผู้ชุมนุม บริเวณรัฐสภา วันที่ 7 ต.ค.กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีคณะกรรมการสอบสวนฯ บางคนลาออกว่า ยังไม่ทราบ แค่ได้รับทราบจากข่าวเช่นกัน สำหรับตนยังไม่ได้ลาออก แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการฯ เนื่องจากติดราชการ
สำหรับแนวทางการทำงานของคณะกรรมการฯเพียงเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือหาคนผิด คุณพรทิพย์ กล่าวว่า ทราบเพียงว่ามีการตั้งคณะอนุกรรมการ ซึ่งคงจะเป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงก่อนแล้วจึงนำไปพิจารณา ส่วนกรณีที่นายกฯ และ ครม.เห็นว่าควรรอฟังผลสรุปของคณะกรรมมการฯ ภายใน 15 วันก่อนตัดสินใจทางการเมือง คิดว่าจะทำงานได้ทันหรือไม่ คุณพรทิพย์ กล่าวว่า เท่าที่นายกฯ บอกกับคณะกรรมการนั้น ไม่ได้กำหนดเวลา ให้อิสระเต็มที่ที่จะทำงาน
"ดิฉันไม่ได้ยินว่านายกฯบอกว่าให้เวลา 15 วัน ได้ยินแต่ว่าให้อิสระเต็มที่ และให้ไปรวบรวมข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม นายกฯยังไม่เคยมาพูดอะไรกับดิฉัน และการตั้งคณะกรรมการนั้น ประธานปรีชา เป็นคนรวบรวมชื่อแล้วจึงเสนอ ส่วนเรื่องข่าวที่ว่า มีคนถอนตัวนั้นก็ยังไม่ทราบ" คุณพรทิพย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่สังคมรอการชี้ผิดถูกจากคณะกรรมการฯ อยู่คิดว่าจะสามารถลดความกดดันในสังคมลงได้บ้างหรือไม่ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ได้กำหนดว่าให้เป็นผู้ชี้ผิดถูก แต่ให้ไปรวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อนำมาเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งที่สังคมคงต้องมาดู เพราะมีหลายแห่งตั้งคณะกรรมการในลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นมา คงต้องนำข้อเท็จจริงจากหลายด้านมาประกอบกัน
เมื่อถามว่าในการทำรายงานเสนอนายกฯ และครม.คณะกรรมการฯจะสรุปหรือไม่ว่าใครเป็นคนสั่งการให้สลายการชุมนุม คุณพรทิพย์ กล่าวว่า คงต้องไป เรียนถามจากประธานคณะกรรมการฯ แต่ถ้าถามตน คิดว่าคงไม่ได้สรุปตรงนั้น เมื่อถามอีกว่าคิดว่า 15 วันเพียงพอที่จะสรุปได้หรือไม่ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวว่า "15 วันไม่ทันหรอกค่ะ เพราะยังไม่มีการประชุมอย่างเป็น ทางการแม้แต่ครั้งเดียว" เมื่อถามว่า ทางคณะกรรมการต้องหาคนที่สั่งการในการประชุม ครม.คืนวันที่ 6 ต.ค.หรือไม่ คุณพรทิพย์กล่าวว่า"ไม่ทราบ อยู่ที่ที่ประชุม"