เมืองไทย ที่รักจ๋า
ถ้าเมืองไทยปากหวานต่อหน้าฉันเหมือนกับในตัวหนังสือคงจะดีนะ ขอบใจมากนะจ๊ะที่ให้ความรู้เรื่องความขายหน้ากับความละอายใจ (shame and quilt) ทำให้เข้าใจต้นเหตุระเบิดบ้านคุณจรัญ ภักดีธนากุล และพันธมิตรฯ ดีขึ้น
ฉันเองไม่เคยคิดถึงความแตกต่างเรื่องความขายหน้ากับความละอายใจมาก่อน แต่เมื่อคิดแล้ว ฉันว่าผู้นำไทยไม่ว่าจะเป็นทักษิณ สมัคร หรือสมชายน่าจะไม่มีทั้งสองอย่างมากกว่า มีใครในประเทศไทยเคยได้ยินคำว่า “ขอโทษ” จากปากของคนพวกนี้บ้าง
ฉันสัญญาจะเล่าเรื่องคณะสานเสวนาที่นำด้วย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ดร.โคทม อารียา ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ กับพรรคพวก และคณะผู้เห็นต่าง คือ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ดร.สมศักดิ์ ชูโต ดร.วิชัย ตันศิริ และพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เล่านะเล่า แต่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนะจ๊ะ
ทั้งนี้ เพราะคุณเกษม จาติกวณิช หรือ ซุปเปอร์เค อดีตผู้ว่าการฯ คนแรกของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ผู้นำกลุ่มดุสิต 99 สมัยรัฐบาลอาจารย์สัญญา ผู้มีคุณูปการต่อประเทศไทยเป็นสองเท่าของคณะสานเสวนาทุกคนรวมกัน ได้ออกมาสวนหมัดดร.สุเมธอย่างแรง ว่าพวกนี้ไม่รู้จักกาละเทศะ
พาดหัว “ซุปเปอร์เค” เลือกข้างพันธมิตรฯ กำจัดคนโกงแผ่นดิน มีข้อความตอนหนึ่งดังนี้ “ส่วนการออกมาเคลื่อนไหวสานเสวนาเพื่อสันติ ยุติความรุนแรง นั้น เกษม บอกว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมยืนหยัดต่อสู้กับความไม่ถูกต้องมาเป็นเวลายาวนาน วันดีคืนดีก็มีคนออกมาบอกว่า ให้เจ๊ากันไป ขอให้ถอยกันคนละก้าวเพื่อสันติ ตั้งต้นกันใหม่ เป็นวิธีคิดแบบปลุกพลังเงียบขึ้นมาหารสอง ทำให้สังคมสับสน มองผิวเผินเป็นความคิดแบบหวังดี แต่คิดตื้น ไม่ได้กำจัดความชั่วไปจากแผ่นดิน”
“ผมรับวิธีคิดอย่างนี้ไม่ได้ มันหยุดความรุนแรง ทำให้เกิดสันติไม่ได้อย่างที่กล่าวอ้าง ผมว่าถึงเวลาที่จำเป็นต้องเลือกข้าง และสร้างเน็ตเวิร์ก รวมกลุ่มกันขึ้นมา”
เหตุที่ 2 การสัมมนาของมูลนิธินโยบายศึกษา ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นั้นมีรายงานละเอียดแล้วในผู้จัดการออนไลน์ สรุปความได้ว่า นักวิชาการชั้นนำของไทยเห็นว่าวิกฤตครั้งนี้เกิดเพราะระบอบทักษิณ พล ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร พูดและเขียนย้ำว่า การเจรจาเป็นกลางแบบนั้นเท่ากับยกประเทศให้โจร อาจารย์ชัยอนันต์จึงเสนอให้ใช้ยาแรง ห้ามสมาชิกพรรคที่ถูกยุบคือไทยรักไทยและพลังประชาชนเล่นการเมืองตลอดชีวิตเสียเลย
ฉันอยากให้ความเป็นธรรมกับคณะสานเสวนา สู้โทรศัพท์ไปขอรายละเอียดและคำแก้ตัวที่สถาบันพระปกเกล้า หมายเลข 0-2527-7830-2 ตั้งกว่า 20 ครั้ง มีแต่เสียงตอบจากเทปราวกับว่าสถาบันนี้ไม่มีมนุษย์อยู่เลย (มัวแต่ไปใช้งบประมาณนอกสถานที่สร้างเครือข่ายฐานันดรและผลาญงบจากภาษีอากรของประชาชน)
เมืองไทย ที่รัก เรื่องคลิปอื้อฉาวนั้น มิไยที่พันธมิตรฯ สื่อ และฝ่ายค้านจะรบเร้าให้เลิกอมพะนำเสียที แต่สมชายก็ยังท่องคาถา “นิ่งเสียตำลึงทอง” อยู่ร่ำไป แต่ก็ถูกรุกไล่หาหลักฐานมาตีแผ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น การสัมภาษณ์ร้านอาหารและโรงแรมม่านรูดที่สมชายเป็นลูกค้าประจำ และไปค้นหาทะเบียนรถที่กามนิจขับไปขึ้นวิมาน ปรากฏว่าไม่ใช่รถของเขาหรือคนในครอบครัวสักคันเดียว แต่เป็นรถของบริษัทที่ลูกสาวของสมชายเป็นหุ้นใหญ่ ไอ้โจรกามใส่หน้ากากแอบขโมยขับไป
เมืองไทยจ๋า เธอแนะให้เราไปถามคุณเยาวเรศ ชินวัตร นายกสภาสตรีฯ จริงๆหรือ เธอไม่เคยได้ยินข่าวลือหรือว่าน้องสาวคนนี้แหละที่เป็นแม่สื่อหาผัวให้พี่ ส่วนระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นั้น อ้างว่านี่เป็นการเมืองระดับสูง เกรงถูกบิดเบือน ต้องเอาทีวีมาบันทึกเสียงจึงจะสัมภาษณ์ เธอก็รู้นี่นาว่า เธอเป็นเมียของเสริมศักดิ์ ม้าใช้ฝีเท้าดีของทักษิณ
สังคมไทยยังต้องคอยดูต่อไปว่าศีลธรรม คุณธรรม มโนธรรม และจริยธรรมที่ขาดหายไป รัฐบาลทักษิณ จะพอมีเหลืออยู่ในรัฐบาลนี้บ้างหรือไม่
ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรีลาออกแล้ว 2 คน คนแรกคือสุธา ชันแสง ที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมวุฒิบัตรปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยในฟิลิปปินส์ อ้างเอกสารยืนยันกันไปมา ในที่สุดความมาแดงที่เอกสารตรวจคนเข้าเมือง ปรากฏว่านายสุธายังไม่เคยมีพาสปอร์ต (และแสตมป์เข้า-ออก) ในตอนที่อ้างว่าไปเรียนเมืองนอกเลย
ส่วนพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนสรุปว่า มีส่วนร่วมกับนายสมชายในการสั่งเข่นฆ่าประชาชน การเข้าร่วมรัฐบาลของพลเอกชวลิตเป็นสิ่งไม่มีราคาอยู่แล้ว การลาออกก็ไร้ความหมายเช่นเดียวกัน
ยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนรวมทั้งนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในบัญชีปลอมแปลงวุฒิการศึกษา จงใจปิดบังหุ้นและทรัพย์สิน ต้องคดีและคำพิพากษาศาล ซึ่งล้วนแต่เป็นเหตุให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ อาศัยความหน้าด้าน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ชาติ พวกนี้จึงเกาะเก้าอี้อยู่อย่างเหนียวแน่น มิไยจะถูกตีแผ่และพันธมิตรฯชุมนุมคัดค้านมา 167 วันแล้ว
ฉันเสียใจเหลือเกินที่ไม่ได้ไปร่วมที่ทำเนียบฯ เลย และสงสารจับใจว่าคนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้สูงอายุและผู้หญิงจะทนทานไปได้อีกสักกี่มากน้อย คณะอันธพาลการเมืองและตำรวจทหารในเครื่องแบบหลายคนก็ออกมาขู่ฟ่อๆ ว่า ทหารเสือพระเจ้าตากจะบุกบ้างล่ะ จะใช้ปืนนั่น ระเบิดนี่บ้างล่ะ แถมยังให้คนแอบมาขว้างมายิงแบบตอดเล็กตอดน้อยอยู่ไม่เว้นแต่ละคืน ไม่รู้ว่ารัฐบาล ผู้บัญชาการทหาร ตำรวจเขาควบคุมลูกน้องอย่างไร
เมืองไทยที่รัก ที่เธอบอกว่า “มิคสัญญีกลียุคยังมีโอกาสเกิดได้ทุกเมื่อ จนกว่ากองทัพจะมีความรู้และเต็มใจที่จะร่วมมือกับพลเรือนทำการปฏิวัติประชาชน หรือไม่ก็เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตาลงมาระงับเหตุก่อนหรือหลังการนองเลือดครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้” ฉันเห็นด้วยที่สุด และคนไทยต่างก็พากันหายใจไม่ทั่วท้อง ถามกันแซดอยู่ทุกมุมเมือง
เมืองไทยต้องเปลี่ยนแปลงแน่ๆ หากทักษิณกลับมาประกาศชัยชนะ ก็หมายถึงการพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินอย่างที่ลูกน้องของเขาคุยโม้เอาไว้นานแล้ว ตอนนี้ เว็บไซต์ ใบปลิว สิ่งตีพิมพ์ และวิทยุชุมชนจำนวนหลายร้อยสถานีพากันระดมโจมตีสถาบันอย่างไม่เกรงกลัว รัฐบาล ทหาร ตำรวจก็ดีแต่โม้ ไม่เห็นจะทำอะไรจริงๆ ได้
พวกเราที่ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง ก็คิดทำนองเดียวกับเมืองไทย ว่าอาจเกิดสิ่งต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
1. พลเรือน ทหาร ข้าราชการ แรงงาน ประชาชน พร้อมใจกันลุกฮือขึ้นมาทำอารยะขัดขืน ล้มระบอบและรัฐบาลทาสของทักษิณ อย่างเดียวกับฟิลิปปินส์ไล่มาร์กอส
2. กองทัพกับพันธมิตรฯ เมินหน้าเหมือนเป็นศัตรูกัน ปล่อยให้พันธมิตรฯ ถูกบดขยี้ มือที่ 3-4-และ 5 เข้ามาแทรก เกิดการต่อสู้นองเลือด จนพระเจ้าอยู่หัวทรงทนไม่ได้ ทรงลงมาช่วยเหมือนยุค รสช.
3. ศาลทุกศาลและป.ป.ช.เร่งรีบคดีความทั้งปวง ยุบพรรค ปลดรัฐมนตรี จับรัฐมนตรีและข้าราชโกงหรือกระทำผิดกฎหมายเข้าคุก
แต่ทั้งหมดนี้ ก็คงจะไม่มีความหมายหรอก ถ้าเมืองไทยไม่ปฏิรูปการเมืองการบริหารกันอย่างจริงจัง
เมืองไทยที่รัก เธอกับฉันพากันตกข่าววันที่ 1 พฤศจิกายน เสียแล้ว วันนั้นไม่เกิดเหตุร้ายอย่างที่หลายคนกลัว มีแต่พลพรรคเสื้อแดงที่เกณฑ์กันมาคอยฟังทักษิณโฟนอิน มีท่วงทีและวาจาจาบจ้วงท้าทายระบบศาลในพระนามาภิไธยอย่างเปิดเผย ดร.อนันต์ อาจารย์ภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์จุฬาฯ วิเคราะห์ว่าถ้อยคำและภาษาของทักษิณตีกระทบพระเจ้าอยู่หัวชัดแจ้ง
นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่อังกฤษตบหน้ากระทรวงการต่างประ เทศไทยฉาดใหญ่เมื่อวานนี้ ด้วยการถอนวีซ่าไม่ยอมให้ทักษิณกับเมียเข้าประเทศ ยิงกระสุนนัดเดียวได้นก 3 ตัว ไม่ต้องยุ่งกับปัญหาส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการขอลี้ภัยของทักษิณ
เมืองไทยที่รัก ทักษิณอยากโกหกดีนักว่าพลัดพรากกับลูกเมียไปคนละทางสองทาง เธอช่วยพวกเราติดตามดูด้วยว่าทักษิณจะระเหระหนไปทิศใด เขาจะบัญชาการปลดแอกเมืองไทยต่อจากที่ไหนอย่างไร
รักเมืองไทยมาก
รมณีย์
8 พฤศจิกายน 2551
ถ้าเมืองไทยปากหวานต่อหน้าฉันเหมือนกับในตัวหนังสือคงจะดีนะ ขอบใจมากนะจ๊ะที่ให้ความรู้เรื่องความขายหน้ากับความละอายใจ (shame and quilt) ทำให้เข้าใจต้นเหตุระเบิดบ้านคุณจรัญ ภักดีธนากุล และพันธมิตรฯ ดีขึ้น
ฉันเองไม่เคยคิดถึงความแตกต่างเรื่องความขายหน้ากับความละอายใจมาก่อน แต่เมื่อคิดแล้ว ฉันว่าผู้นำไทยไม่ว่าจะเป็นทักษิณ สมัคร หรือสมชายน่าจะไม่มีทั้งสองอย่างมากกว่า มีใครในประเทศไทยเคยได้ยินคำว่า “ขอโทษ” จากปากของคนพวกนี้บ้าง
ฉันสัญญาจะเล่าเรื่องคณะสานเสวนาที่นำด้วย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ดร.โคทม อารียา ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ กับพรรคพวก และคณะผู้เห็นต่าง คือ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ดร.สมศักดิ์ ชูโต ดร.วิชัย ตันศิริ และพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เล่านะเล่า แต่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนะจ๊ะ
ทั้งนี้ เพราะคุณเกษม จาติกวณิช หรือ ซุปเปอร์เค อดีตผู้ว่าการฯ คนแรกของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ผู้นำกลุ่มดุสิต 99 สมัยรัฐบาลอาจารย์สัญญา ผู้มีคุณูปการต่อประเทศไทยเป็นสองเท่าของคณะสานเสวนาทุกคนรวมกัน ได้ออกมาสวนหมัดดร.สุเมธอย่างแรง ว่าพวกนี้ไม่รู้จักกาละเทศะ
พาดหัว “ซุปเปอร์เค” เลือกข้างพันธมิตรฯ กำจัดคนโกงแผ่นดิน มีข้อความตอนหนึ่งดังนี้ “ส่วนการออกมาเคลื่อนไหวสานเสวนาเพื่อสันติ ยุติความรุนแรง นั้น เกษม บอกว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมยืนหยัดต่อสู้กับความไม่ถูกต้องมาเป็นเวลายาวนาน วันดีคืนดีก็มีคนออกมาบอกว่า ให้เจ๊ากันไป ขอให้ถอยกันคนละก้าวเพื่อสันติ ตั้งต้นกันใหม่ เป็นวิธีคิดแบบปลุกพลังเงียบขึ้นมาหารสอง ทำให้สังคมสับสน มองผิวเผินเป็นความคิดแบบหวังดี แต่คิดตื้น ไม่ได้กำจัดความชั่วไปจากแผ่นดิน”
“ผมรับวิธีคิดอย่างนี้ไม่ได้ มันหยุดความรุนแรง ทำให้เกิดสันติไม่ได้อย่างที่กล่าวอ้าง ผมว่าถึงเวลาที่จำเป็นต้องเลือกข้าง และสร้างเน็ตเวิร์ก รวมกลุ่มกันขึ้นมา”
เหตุที่ 2 การสัมมนาของมูลนิธินโยบายศึกษา ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นั้นมีรายงานละเอียดแล้วในผู้จัดการออนไลน์ สรุปความได้ว่า นักวิชาการชั้นนำของไทยเห็นว่าวิกฤตครั้งนี้เกิดเพราะระบอบทักษิณ พล ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร พูดและเขียนย้ำว่า การเจรจาเป็นกลางแบบนั้นเท่ากับยกประเทศให้โจร อาจารย์ชัยอนันต์จึงเสนอให้ใช้ยาแรง ห้ามสมาชิกพรรคที่ถูกยุบคือไทยรักไทยและพลังประชาชนเล่นการเมืองตลอดชีวิตเสียเลย
ฉันอยากให้ความเป็นธรรมกับคณะสานเสวนา สู้โทรศัพท์ไปขอรายละเอียดและคำแก้ตัวที่สถาบันพระปกเกล้า หมายเลข 0-2527-7830-2 ตั้งกว่า 20 ครั้ง มีแต่เสียงตอบจากเทปราวกับว่าสถาบันนี้ไม่มีมนุษย์อยู่เลย (มัวแต่ไปใช้งบประมาณนอกสถานที่สร้างเครือข่ายฐานันดรและผลาญงบจากภาษีอากรของประชาชน)
เมืองไทย ที่รัก เรื่องคลิปอื้อฉาวนั้น มิไยที่พันธมิตรฯ สื่อ และฝ่ายค้านจะรบเร้าให้เลิกอมพะนำเสียที แต่สมชายก็ยังท่องคาถา “นิ่งเสียตำลึงทอง” อยู่ร่ำไป แต่ก็ถูกรุกไล่หาหลักฐานมาตีแผ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น การสัมภาษณ์ร้านอาหารและโรงแรมม่านรูดที่สมชายเป็นลูกค้าประจำ และไปค้นหาทะเบียนรถที่กามนิจขับไปขึ้นวิมาน ปรากฏว่าไม่ใช่รถของเขาหรือคนในครอบครัวสักคันเดียว แต่เป็นรถของบริษัทที่ลูกสาวของสมชายเป็นหุ้นใหญ่ ไอ้โจรกามใส่หน้ากากแอบขโมยขับไป
เมืองไทยจ๋า เธอแนะให้เราไปถามคุณเยาวเรศ ชินวัตร นายกสภาสตรีฯ จริงๆหรือ เธอไม่เคยได้ยินข่าวลือหรือว่าน้องสาวคนนี้แหละที่เป็นแม่สื่อหาผัวให้พี่ ส่วนระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช นั้น อ้างว่านี่เป็นการเมืองระดับสูง เกรงถูกบิดเบือน ต้องเอาทีวีมาบันทึกเสียงจึงจะสัมภาษณ์ เธอก็รู้นี่นาว่า เธอเป็นเมียของเสริมศักดิ์ ม้าใช้ฝีเท้าดีของทักษิณ
สังคมไทยยังต้องคอยดูต่อไปว่าศีลธรรม คุณธรรม มโนธรรม และจริยธรรมที่ขาดหายไป รัฐบาลทักษิณ จะพอมีเหลืออยู่ในรัฐบาลนี้บ้างหรือไม่
ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรีลาออกแล้ว 2 คน คนแรกคือสุธา ชันแสง ที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมวุฒิบัตรปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยในฟิลิปปินส์ อ้างเอกสารยืนยันกันไปมา ในที่สุดความมาแดงที่เอกสารตรวจคนเข้าเมือง ปรากฏว่านายสุธายังไม่เคยมีพาสปอร์ต (และแสตมป์เข้า-ออก) ในตอนที่อ้างว่าไปเรียนเมืองนอกเลย
ส่วนพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนสรุปว่า มีส่วนร่วมกับนายสมชายในการสั่งเข่นฆ่าประชาชน การเข้าร่วมรัฐบาลของพลเอกชวลิตเป็นสิ่งไม่มีราคาอยู่แล้ว การลาออกก็ไร้ความหมายเช่นเดียวกัน
ยังมีรัฐมนตรีอีกหลายคนรวมทั้งนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในบัญชีปลอมแปลงวุฒิการศึกษา จงใจปิดบังหุ้นและทรัพย์สิน ต้องคดีและคำพิพากษาศาล ซึ่งล้วนแต่เป็นเหตุให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ อาศัยความหน้าด้าน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ชาติ พวกนี้จึงเกาะเก้าอี้อยู่อย่างเหนียวแน่น มิไยจะถูกตีแผ่และพันธมิตรฯชุมนุมคัดค้านมา 167 วันแล้ว
ฉันเสียใจเหลือเกินที่ไม่ได้ไปร่วมที่ทำเนียบฯ เลย และสงสารจับใจว่าคนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้สูงอายุและผู้หญิงจะทนทานไปได้อีกสักกี่มากน้อย คณะอันธพาลการเมืองและตำรวจทหารในเครื่องแบบหลายคนก็ออกมาขู่ฟ่อๆ ว่า ทหารเสือพระเจ้าตากจะบุกบ้างล่ะ จะใช้ปืนนั่น ระเบิดนี่บ้างล่ะ แถมยังให้คนแอบมาขว้างมายิงแบบตอดเล็กตอดน้อยอยู่ไม่เว้นแต่ละคืน ไม่รู้ว่ารัฐบาล ผู้บัญชาการทหาร ตำรวจเขาควบคุมลูกน้องอย่างไร
เมืองไทยที่รัก ที่เธอบอกว่า “มิคสัญญีกลียุคยังมีโอกาสเกิดได้ทุกเมื่อ จนกว่ากองทัพจะมีความรู้และเต็มใจที่จะร่วมมือกับพลเรือนทำการปฏิวัติประชาชน หรือไม่ก็เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตาลงมาระงับเหตุก่อนหรือหลังการนองเลือดครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้” ฉันเห็นด้วยที่สุด และคนไทยต่างก็พากันหายใจไม่ทั่วท้อง ถามกันแซดอยู่ทุกมุมเมือง
เมืองไทยต้องเปลี่ยนแปลงแน่ๆ หากทักษิณกลับมาประกาศชัยชนะ ก็หมายถึงการพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินอย่างที่ลูกน้องของเขาคุยโม้เอาไว้นานแล้ว ตอนนี้ เว็บไซต์ ใบปลิว สิ่งตีพิมพ์ และวิทยุชุมชนจำนวนหลายร้อยสถานีพากันระดมโจมตีสถาบันอย่างไม่เกรงกลัว รัฐบาล ทหาร ตำรวจก็ดีแต่โม้ ไม่เห็นจะทำอะไรจริงๆ ได้
พวกเราที่ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง ก็คิดทำนองเดียวกับเมืองไทย ว่าอาจเกิดสิ่งต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
1. พลเรือน ทหาร ข้าราชการ แรงงาน ประชาชน พร้อมใจกันลุกฮือขึ้นมาทำอารยะขัดขืน ล้มระบอบและรัฐบาลทาสของทักษิณ อย่างเดียวกับฟิลิปปินส์ไล่มาร์กอส
2. กองทัพกับพันธมิตรฯ เมินหน้าเหมือนเป็นศัตรูกัน ปล่อยให้พันธมิตรฯ ถูกบดขยี้ มือที่ 3-4-และ 5 เข้ามาแทรก เกิดการต่อสู้นองเลือด จนพระเจ้าอยู่หัวทรงทนไม่ได้ ทรงลงมาช่วยเหมือนยุค รสช.
3. ศาลทุกศาลและป.ป.ช.เร่งรีบคดีความทั้งปวง ยุบพรรค ปลดรัฐมนตรี จับรัฐมนตรีและข้าราชโกงหรือกระทำผิดกฎหมายเข้าคุก
แต่ทั้งหมดนี้ ก็คงจะไม่มีความหมายหรอก ถ้าเมืองไทยไม่ปฏิรูปการเมืองการบริหารกันอย่างจริงจัง
เมืองไทยที่รัก เธอกับฉันพากันตกข่าววันที่ 1 พฤศจิกายน เสียแล้ว วันนั้นไม่เกิดเหตุร้ายอย่างที่หลายคนกลัว มีแต่พลพรรคเสื้อแดงที่เกณฑ์กันมาคอยฟังทักษิณโฟนอิน มีท่วงทีและวาจาจาบจ้วงท้าทายระบบศาลในพระนามาภิไธยอย่างเปิดเผย ดร.อนันต์ อาจารย์ภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์จุฬาฯ วิเคราะห์ว่าถ้อยคำและภาษาของทักษิณตีกระทบพระเจ้าอยู่หัวชัดแจ้ง
นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่อังกฤษตบหน้ากระทรวงการต่างประ เทศไทยฉาดใหญ่เมื่อวานนี้ ด้วยการถอนวีซ่าไม่ยอมให้ทักษิณกับเมียเข้าประเทศ ยิงกระสุนนัดเดียวได้นก 3 ตัว ไม่ต้องยุ่งกับปัญหาส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการขอลี้ภัยของทักษิณ
เมืองไทยที่รัก ทักษิณอยากโกหกดีนักว่าพลัดพรากกับลูกเมียไปคนละทางสองทาง เธอช่วยพวกเราติดตามดูด้วยว่าทักษิณจะระเหระหนไปทิศใด เขาจะบัญชาการปลดแอกเมืองไทยต่อจากที่ไหนอย่างไร
รักเมืองไทยมาก
รมณีย์
8 พฤศจิกายน 2551
