xs
xsm
sm
md
lg

บึ้มพันธมิตร-บ้านตุลาการรัฐบาลให้ท้าย-เจ็บอื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - มือชั่วปาบึ้มคืนเดียว 3 จุดรวด “สะพานมัฆวาน-แยกสวนมิสกวัน-บ้านจรัญ ภักดีธนากุล” การ์ดพันธมิตรฯเจ็บเพียบ โคม่า 1 เป็นตายเท่ากัน พิรุธก่อนเกิดเหตุ 2 วันไร้เงาตำรวจประจำจุดเกิดเหตุ พยานเผยมือมืดซิ่ง จยย.มา 2 คน วน 2 รอบก่อนปาบึ้ม “จำลอง”อัดรัฐบาลฆ่าประชาชนทุกรูปแบบ “สนธิ” โวยรัฐบาลอาจจะรู้เห็นเหตุการณ์บึ้ม “สุริยะใส” มั่นใจมืออาชีพกลุ่มเดียวกันลงมือทุกจุด “จตุพร”ยันทักษิณโฟนอิน 1 พ.ย. แน่นอน

เมื่อเวลา 03.20 น. ร.ต.อ.ป้อมเพ็ชร โชติกลาง ร้อยเวรสอบสวนสน.นางเลิ้ง รับแจ้งเเหตุ คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ ปาระเบิดเข้าใส่การ์ดพันธมิตรฯบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นรุดไปยังที่เกิดเหตุ พบว่า แรงระเบิดดังกล่าวทำให้เกิดหลุมลึกกว่า 3 ซม. กว้าง 5 ซม. ในที่เกิดเหตุยังพบวัตถุคล้ายสลักระเบิดเอ็ม-26 ตกอยู่ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 6 ราย ประกอบด้วย นายเสถียร ทับมะลิผล อายุ 40 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส นายราชัน จันทร์ปลูก นายจีรศักดิ์ อินทรีย์ นายสงกรานต์ คำด้วง นายทศพล สุขอิ่มใจ นายปัญญา กติกา ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล

ต่อมา พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.นางเลิ้ง ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อค้นหาวัตถุระเบิดที่อาจยังหลงเหลืออยู่ พร้อมหาชิ้นส่วนระเบิด เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป

พบผ้าชุบน้ำมันเตรียมก่อเหตุ

นายกิตติชัย ใสสะอาด หัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯ กล่าวว่า จากการสอบถามการ์ดพันธมิตรฯ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุขว้างระเบิด สวมเสื้อแจกเก็ตสีดำ มีแถบสีขาวคาดด้านหลัง โดยใน 2-3 วันที่ผ่านมา ทางการ์ดพันธมิตรฯ ได้เฝ้าระวังมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้ เนื่องจากมีการกดดันให้เปิดการจราจรจากหลายๆ ฝ่าย

"เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วง 1-2 คืนที่ผ่านมา พบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำป้อมยามตรงจุดเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เคยเข้าเวรรักษาความปลอดภัยเป็นประจำ และจากนี้จะมีการเพิ่มความเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะเกิดจากฝ่ายตรงข้ามจงใจที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมเกิดความตื่นกลัว ที่สำคัญก่อนหน้านี้การ์ดพันธมิตรฯ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 1 คน และเมื่อตรวจค้นตัว พบผ้าชุบน้ำมันจนชุ่มติดตัวมา 1 ผืน จึงนำตัวไปสอบสวน ซึ่งชายคนดังกล่าวรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งต้องการให้มาก่อเหตุป่วนพันธมิตรฯ ในราคาเพียง 200 บาทเท่านั้น"นายกิตติชัยกล่าว

หนุ่มใหญ่ถูกยิงดับหลังบช.น.

ต่อมาเมื่อเวลา 06.30 น. พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร สารวัตรเวร สน.ดุสิต ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณริมฟุตปาธด้านข้างที่ทำการสำนักนายกรัฐมนตรี แยกมิสกวัน ตัดแยกวังแดง แขวงและเขตดุสิต กทม. จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก.น.1 แพทย์นิติเวช รพ.รามาธิบดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกำลังฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ในที่เกิดเหตุพบ นายสังเวียน รุจิโมละ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 701/51 ถนนสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อโปโลสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ ใส่รองเท้าแตะสีแดง จากการตรวจสอบตามร่างกายมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าที่ตาขวาทะลุท้ายทอย 1 นัด นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนขนาดเดียวกันตกอยู่เกลื่อนพื้นถนนอีกจำนวนหลายปลอก และพบใบเสร็จชำระค่าเหล้าตกอยู่ใกล้ศพผู้ตาย เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมเอาไว้เป็นหลักฐาน

นางรัตนา สุขล้ำเลิศ อายุ 50 ปี พี่สาวของผู้ตายได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาว่า เปิดร้านขายเครื่องเสียงอยู่แถวบ้านหม้อ โดยน้องชายทำงานอยู่ที่ร้าน และพักอยู่ที่บ้านเช่าย่านสวนจิตรลดากับพ่อ ก่อนเกิดเหตุคาดว่าน้องชายน่าจะไปกินเหล้ากับเพื่อน และกำลังจะเดินทางกลับบ้าน แต่ไม่รู้ว่าทำไมจึงมาเกิดเหตุเช่นนี้ซึ่งตนก็ยังไม่รู้อีกว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ตอนนี้ก็ยังไม่กล้าโทรศัพท์ไปบอกพ่อ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนร้ายต้องลงมือทำกับคนเมาขนาดนี้ด้วย

มีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ นายสังเวียน เดินผ่านด่านตำรวจที่รักษาการณ์อยู่บริเวณแยกวังแดง มุ่งหน้าไปทางแยกมิสกวันด้วยอาการคล้ายคนเมาสุรา แต่ถูกตำรวจห้ามปรามไว้ ทว่านายสังเวียนไม่ฟัง พยายามฝ่าด่านตำรวจไปจนได้ พร้อมตะโกนคำว่า "ลุยแม่งเลย" จากนั้นเมื่อถึงบริเวณตรงข้ามประตูหลังบช.น. เสียงปืนก็ดังขึ้นหลายนัด จนร่างนายสังเวียนล้มฟุบลง เมื่อตำรวจเข้าไปดูก็พบว่า กลายเป็นศพไปแล้ว

รายชื่อเหยื่อบึ้มบาดเจ็บ 6 คน

ทั้งนี้เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. นายชัยวัน เจริญโชคทวี ผอ.โรงพยาบาลวชิรพยาบาล เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าวได้มีผู้ถูกส่งมารักษาตัวจำนวน 6 คน ได้แก่ 1. นายราชัน จันทร์ปลูก อายุ 27 ปี มีอาการแผลฉีกขาดที่หัวเข่า, ข้อเท้าซ้าย 3 เซนติเมตร 2. นายจีระศักดิ์ อินทรีย์ อายุ 16 ปี แผลถูกสะเก็ดระเบิดที่คอด้านขวา 3. นายสงกรานต์ คำด้วง อายุ 23 ปี แผลถูกสะเก็ดระเบิดต้นขาขวา 4. นายปัญญา กติกา อายุ 44 ปี แผลถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณศีรษะ หลัง แผลฉีกขาดที่ศีรษะ 5. นายทศพร สุขอิ่มใจ อายุ 17 ปี แผลรูเจาะข้อเท้าซ้าย 6.นายเสถียร ทับมะลิผล อายุ 53 ปี แผลถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะด้านซ้าย

ในจำนวนดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คือ นายจีระศักดิ์ และนายเสถียร ซึ่งทั้งคู่ได้รับการผ่าตัดแล้ว โดย ผอ.รพ.วชิระ ระบุว่านายเสถียรมีอาการโคม่า โอกาสเสียชีวิตมีค่อนข้างสูง ส่วนที่เหลือ 4 คนเดินทางกลับบ้านแล้ว

ด้านนางสาวทิพวัลย์ ทับมะลิผล ลูกสาวของนายเสถียร ผู้บาดเจ็บโคม่า กล่าวว่า ทราบข่าวว่าพ่อได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อคืนนี้ และได้มาเยี่ยมมาดูแลอาการ และทราบว่าอาการของพ่อไม่ดีเลย อยู่ในขั้นที่ไม่ปลอดภัย รู้สึกเสียใจเพราะพ่อเป็นเสาหลักของบ้าน เป็นพนักงานขับรถของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และไม่อยากให้พ่อเป็นอะไร ขอภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายขอให้พ่อหายจากอาการบาดเจ็บในครั้งนี้

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวทิพวัลย์ได้ชูกระเป๋าเป้สีเนื้อเปื้อนคราบเลือดของนายเสถียร ที่โรงพยาบาลเก็บไว้ให้ แก่ผู้สื่อข่าว พร้อมทั้งร้องไห้ และกล่าวว่าขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ขออย่าให้มีการทำร้ายกันอีกเลย

อภิรักษ์สั่งคุมเข้มพื้นที่

จากนั้นเมื่อเวลา 10.20 น. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 รายที่มีอาการสาหัสจากเหตุการณ์เมื่อช่วงตี 3 ที่ผ่านมา โดยได้เปิดเผยภายหลังการเยี่ยมผู้ป่วยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้ปลัด กทม. และผอ.เขตทั้ง 5 เขต บริเวณเกิดและใกล้เคียง สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย เทศกิจ สำนักบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 24 ชม. เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้อีก

นอกจากนี้ ทาง กทม.จะประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเร่งรัดให้สืบหาสาเหตุว่าเป็นฝีมือของใคร เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีแนวทางป้องกันอย่างไร โดยกทม.มีแผนจะติดกล้อง CCTV เพื่อใช้เป็นหลักฐานหากมีคนร้ายหรือผู้ที่ก่อความไม่สงบเข้ามาทำร้ายประชาชน จะได้ใช้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดี

“สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ไม่ดีนัก เศรษฐกิจไม่ค่อยดี อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้ามาเจรจากัน ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง เพราะผู้ที่จะได้รับผลกระทบก็คือประชาชนหรือคนไทยด้วยกัน พร้อมทั้งย้ำอีกว่าจะจัดกำลังเฝ้าระวังเหตุการณ์ฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงให้มากขึ้น เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุรุนแรง และเชื่อว่าเมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ ตำรวจคงไม่นิ่งเฉย และต้องเข้ามาดูแลความปลอดภัย หรือจัดการผู้ที่ทำร้ายประชาชน” นายอภิรักษ์กล่าว

ตร.ขอดูกล้องวงจรปิด

ต่อมา เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ สน.นางเลิ้ง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 เดินทางไปตรวจสอบความคืบหน้าคดีเหตุคนร้ายปาระเบิดเข้าใส่การ์ดพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงเดินทางกลับ โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถามของผู้สื่อข่าว แต่เมื่อถูกซักถึงเหตุระเบิด พล.ต.ต.อำนวย กล่าวเลี่ยงว่า ที่เดินทางมายัง สน.นางเลิ้งในวันนี้ไม่เกี่ยวกับคดีระเบิด แต่มาดูคดีอื่น ส่วนเรื่องระเบิดคงต้องรอดูกล้องวงจรปิดของหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุก่อน

ด้าน พ.ต.ท.ภูเบศ เส้นขาว รอง ผกก.สส.สน.นางเลิ้ง กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานไปยังหน่วยงานราชการบริเวณที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อขอกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบว่าสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้หรือไม่ ทั้งนี้ ได้ทำการสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งเป็นการ์ดของพันธมิตรฯ ไปแล้ว 1 ปาก แต่ยังให้การได้ไม่มาก โดยพยานคนดังกล่าวอ้างว่าติดธุระสำคัญ จากนั้นขอตัวกลับไปก่อน ซึ่งตำรวจจะเรียกตัวมาสอบอีกครั้ง รวมทั้งหาพยานที่เห็นเหตุการณ์มาสอบสวนเพิ่มเติมด้วย

คนร้ายซิ่งจยย.ปาบึ้ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพยานที่เห็นเหตุการณ์คนร้ายขว้างระเบิดใส่นั้น ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายเชิดศักดิ์ (ขอสงวนนามสุกล) อายุ 50 ปี การ์ดพันธมิตรฯ ซึ่งให้การว่า ได้มาเข้าเวรเป็นการ์ดอาสาสมัครพันธมิตรฯ ตั้งแต่เวลา 00.00-06.00 น. จนกระทั่งช่วง 01.00 น.เห็นชายฉกรรจ์สวมชุดดำ สวมแจ็กเกตสีดำ กางเกงสีดำ สวมหมวกกันน็อก ขี่รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ขับขี่มาวนเวียนอยู่หน้าบริเวณสะพานมัฆวานฯ 2 รอบ โดยเริ่มขับขี่มาจากบริเวณจากแยก จปร. ใช้เส้นทางถนนราชดำเนินกลาง จนมาถึงบริเวณแยกสะพานมัฆวานฯ จึงเลี้ยงขวาไปทางถนนกรุงเกษม จากนั้นวนไปวนมาอีก 2 รอบ โดยทิ้งระยะห่างรอบละประมาณครึ่งชั่วโมง

จากนั้นในรอบที่ 3 พบว่าชายคนดังกล่าวขับขี่มาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีผู้ซ้อนท้ายมาด้วย 1 คน แต่งกายในลักษณะเดียวกัน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้หยุดรถที่บริเวณทางแยกสะพานมัฆวานฯ จากนั้นคนที่ซ้อนท้ายก้าวลงจากรถ แล้วขว้างระเบิดใส่บริเวณสถานที่การ์ดพันธมิตรฯ ยืนรักษาการณ์อยู่ แล้วกลับไปขึ้นรถที่เพื่อนยังคงติดเครื่องรออยู่ และพากันเร่งเครื่องขับหลบหนีไป

บ้าน“จรัญ”โดนบึ้มด้วย

ขณะเดียวกันเมื่อคืนวันที่ 29 ตุลาคม ก็มีเหตุคนร้ายปาระเบิดเข้าไปที่บ้านพักของนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการรัฐธรรมนูญ ด้วยที่บ้านเลขที่ 92/37 ซอยปรีดีพนมยงค์ 45 แขวงคลองตันเหนือ เขตคลองตัน กทม. โดยคนร้ายปาระเบิดเข้าไปบริเวณสนามหญ้าข้างบ้าน ทำให้พื้นสนามหญ้าเป็นหลุมลึก กระจกและคอมเพรสเซอร์แอร์ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

ผบ.ตร.ปัดตำรวจอยู่เบื้องหลัง

พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงเหตุการณ์ณืปาระเบิดใส่กลุ่มพันธมิตรฯว่า เหตุที่เกิดขึ้นคงไปสรุปไม่ได้ว่าฝ่ายไหนผิด ใครเป็นคนทำ นอกจากจะรอผลการสืบสวนสอบสวนให้เสร็จสิ้นเสียก่อน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ตำรวจก็ดูแลความปลอดภัยตามปกติทุกวันอยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น คิดว่าต้องเพิ่มมาตรการให้เข็มแข็งยิ่งขึ้น โดยต้องหมุนเวียนกำลังตำรวจเข้ามาเพิ่มเติม

"ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯตั้งข้อสังเกตุว่าตำรวจมีการเคลื่อนย้ายกำลังออกจากพื้นที่เกิดเหตุ ในช่วงมีเหตุระเบิดนั้น เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องอธิบาย เพราะตำรวจเราทำหน้าที่ทุกวัน มีการสับเปลี่ยนกำลังทุกวัน ซึ่งจากนี้ต้องเพิ่มกำลังมากขึ้น และต้องเจรจากับพันธมิตรฯ ในส่วนที่ต้องแยกแยะว่าส่วนไหนของพันธมิตรฯ และส่วนตรงไหนของตำรวจที่จะเข้าไปได้ ซึ่งการเสียชีวิตเมื่อคืนนี้ก็มีการใช้อาวุธปืน ก็รอตรวจสอบว่าใครเป็นคนทำ" พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าว

โฆษกตร.ชี้เร็วไปสรุปฝีมือใคร

ขณะเดียวกันพล.ต.ท.วัชรพล ประสานราชกิจ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวในเรื่องเดียวกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องได้ออกไปสอบสวน ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทางกองพิสูจน์หลักฐาน และวิทยาการเขตในพื้นที่ก็เข้าไปตรวจสอบรวบรวมหลักฐานทั้งหมด เพื่อหาตัวผู้กระทำผิด เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่ และผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่รับผิดชอบพื้นที่ก็ออกไปดูแล เมื่อถามว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯหรือไม่นั้น พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า เราต้องไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ หาสาเหตุและหาตัวผู้กระทำผิด การวิเคราะห์ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เร็วไปที่จะสรุปว่าเป็นฝีมือของใคร

ปัดตำรวจยิงจากรั้วบช.น.

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มีข่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องมีการยิงไปจากรั้ว บช.น.นั้น พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องระวัง ทุกเรื่องต้องไปสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน ข่าวลือ ข่าวอ้างน่าเป็นห่วงมาก เพราะสังคมเราแบ่งแยกเป็นหลายฝ่ายหลายกลุ่ม อาจทำให้มีการนำข่าวไปใช้ในทางเสียหายเราต้องรีบพิสูจน์โดยเร็ว เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร แต่ก็มีปัญหาที่ตำรวจได้รับความเชื่อถือจากประชาชนน้อย ก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้น โดยใช้หลักวิทยาศาสตร์และประจักษ์พยานเพื่อแถลงข่าวให้สังคมได้รับทราบ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนพิทักษ์ความปลอดภัยของประชาชนทุกคน

ผบช.น.รอภาพกล้องวงจรปิด

ด้านพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.กล่าวว่า จากคำให้การจากพยานที่เห็นเหตุการณ์ เห็นคนร้ายโยนระเบิดเข้าไปในกลุ่มพันธมิตรฯ และตรวจสอบพบกระเดื่องตกอยู่ที่พื้น ตรวจสอบเป็นระเบิดสังหารลูกเกลี้ยงชนิด เอ็ม 87 ส่วนรายระเอียดคงจะต้องตรวจจากกล้องวงจรปิด ส่วนกรณี นายสังเวียน รุจิโมระ เสียชีวิต มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่หน้าผาก ทะลุท้ายทอย อยู่บริเวณถนนพิษณุโลก ใกล้กับแยกมิสกวัน ตรวจสอบเบื้องต้น ผู้ตายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเกิดเหตุ นายสังเวียน ได้เข้ามาคุยกับตำรวจที่รักษาการณ์บริเวณนั้น มีอาการมึนเมาขอเดินเข้าไปที่แยกสวนมิสกวัน ตำรวจได้ห้าม แต่นายสังเวียนก็ไม่ฟัง ยังเดินเข้าไป จนถูกยิงก่อนถึงสี่แยกมิสกวัน บริเวณจุดนั้นมีกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ โดยพบว่าผู้ตายถูกยิงก่อนที่จะถึงแยกมิสกวัน และในภาพเห็นวิถีการยิง แต่ไม่เห็นคนที่ลงมือยิง และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการประเมินสถานการณ์อาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตำรวจจะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวว่า จากรายงานด้านการข่าวช่วงนี้ก็จะมีลักษณะของระเบิดป่วนเมือง ตำรวจได้วางกำลังเพิ่มเติม เสริมจุดตรวจจุดสกัด เน้นตรวจรถจักรยานยนต์เป็นพิเศษ เพราะเป็นยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุได้ง่าย ส่วนกำลังนั้นคงใช้เหมือนเดิม

รัฐบาลฆ่าปชช.ทุกรูปแบบ

ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (30 ต.ค.) พล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรระชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายพันธมิตรฯ และฝ่ายรัฐบาล ไม่ใช่เป็น 3 หรือ 4 อย่างที่คนเข้าใจกัน รัฐบาลกำลังเดินหน้าทำสงครามเต็มรูปแบบ เข็นฆ่าประชาชนอย่างเต็มรูปแบบ เข็นฆ่าประชาชนที่รักชาติ ที่ออกมาชุมนุมอย่างสันติ โดยมีประสงค์ที่จะทำร้ายทั้งในที่ตั้งและนอกที่ตั้ง กรณีเมื่อเวลา 02.00 น.วันที่ 30 ต.ค.รัฐบาลพยายามส่งคนเข้ามา ก่อกวนที่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทางพันธมิตรก็จับกุมผู้ที่มาก่อกวน ซึ่งเป็นชาวจังหวัดหนองคาย ที่สารภาพว่ารับจ้างมาจากฝ่ายรัฐบาล ด้วยเงินเพียง 200 บาท ที่เข้ามาหวังสร้างวุ่นวาย โดยการนำผ้าชุบน้ำมันเบนซินเข้ามา

ต่อมาเวลา 03.00 น. ฝ่ายรัฐบาลได้นั่งรถเข้ามาขว้างระเบิดสังหาร ตรงบริเวณสะพานมัฆวานฯ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 9 ราย ซึ่งในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย นอกจากนี้ เวลา 04.00 น. ฝ่ายรัฐบาลได้เข้ามาบริเวณมิสกวัน หน้ากองทัพภาคที่ 1 แต่งกายชุดดำ พกอาวุธสงครามครบมือ ระดมยิงผู้ชุมนุมและการ์ดพันธมิตร ทั้งนี้ พันธมิตรข้อตั้งข้อสังเกตว่าพวกที่พกอาวุธได้อย่างไม่ผิดกฎหมายเช่นนี้ มีแค่ตำรวจและทหารเท่านั้น

พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ที่ผ่านมาพันธมิตรฯ ได้เคยเรียกร้องต่อกองทัพบก ให้ส่งสารวัตรทหาร (ส.ห.) เข้ารักษาความปลอดภัย แต่ไม่มีการตอบรับกลับมา ดังนั้น จึงขอเรียกร้องจากสื่อมวลชลอีกครั้ง เพื่อไม่ให้มีผู้บาดเจ็บล้มตามไปมากกว่านี้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ต.ค.พันธมิตรฯ ได้ทำหนังสือไปถึง ผบ.ทบ.อีกครั้ง เพื่อให้ส่งสารวัตรทหารมาดูแลความปลอดภัย โดยพันธมิตรฯจะช่วยออกค่าเบี้ยเลี้ยง ให้กับสารวัตรทหารตามระเบียบ และเลี้ยงอาหารเป็นอย่างดี และอยากฝากบอกกับทหารอีกว่า จะนิ่งดูดาย รอให้ประชาชนตายซักกี่คน และบาดเจ็บซักเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่เคยประกาศว่าจะอยู่เคียงข้างประชาชน

พล.ต. จำลอง กล่าวถึง กรณีที่รัฐบาลเสนอให้ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เข้ามาเป็นคนกลางในการเสวนาและเจรจากับกลุ่มพันธมิตรฯว่า ตนไม่ทราบว่า พล.อ.เปรม จะรับเป็นประธานหรือไม่ เนื่องจากรัฐบาลเคยทำให้ พล.อ.เปรม เจ็บช้ำน้ำใจมาหลายครั้งแล้ว แต่ถ้าหากต้องการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรจริงก็ไม่มีปัญหา

สำหรับการเคลื่อนไหวตามยุทธศาสตร์ดาวกระจาย ไปยื่นหนังสือที่สถานทูตอังกฤษ ให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งพันธมิตรก็ไม่กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรง เพราะพันธมิตรรู้ว่ารัฐบาลจะลอบกัดพันธมิตรในช่วงมืดและช่วงที่ไม่พร้อมเท่านั้น

พล.ต. จำลอง กล่าวถึงที่สื่อมวลชนเสนอข่าวออกมาว่า กทม. แจ้งความที่ สน. ดุสิต กรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ยึดรถดับเพลิงว่า ตนได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.แล้วก็ไม่เห็นพูดถึงกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ทางพันธมิตรได้บอกให้ กทม. นำรถดับเพลิงกลับไป แต่เหลือเพียง 1 คัน เนื่องจากรถคันดังกล่าวยางแบน อย่างไรก็ตาม พันธมิตรก็อยากให้ กทม.นำรถดับเพลิงมาจอดไว้ในทำเนียบฯ พร้อมกุญแจ เพื่อป้องกันเหตุการณ์รุนแรงที่จะเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ นายดิสธร วัชโรทัย ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกมาบอกว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้เกิดประโยชน์ แต่เป็นการสร้างความแตกแยกให้แก่ประเทศ รวมทั้งระบุว่า ถ้ารักในหลวงให้อยู่บ้านและกลับบ้านนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ถ้ารักในหลวงอยู่บ้านแล้วเกิดประโยชน์ต่อประเทศ พันธมิตรฯคงทำไปนานแล้ว คงไม่ต้องมาลำบากอย่างนี้ ส่วนที่บอกว่ารักในใจก็ทำอยู่แล้ว ทั้งนี้ถ้ามีกลุ่มหรือบุคคลที่จะมาทำหน้าที่แทนพันธมิตร พวกเราก็ยินดีที่จะกลับบ้าน แต่เพราะไม่มีใครจึงต้องอยู่อย่างนี้เรื่อยไป

ผู้สื่อข่าว ถามว่า กรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ออกมาระบุถ้าพันธมิตรยังไม่เลิกชุมนุม ก็จะมีการ์ดและผู้ชุมนุมตายทุกวัน พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ใครที่บอกว่าพันธมิตรจะตายเรื่อยๆ แสดงว่าจ้องจะทำให้พวกเราตาย ตนขอให้เลิกคิดและเลิกพูด เพราะพวกเราคนไทยด้วยกัน พร้อมยืนยันว่าจะต่อสู้ด้วยสันติวิธีเหมือนเดิม

“สนธิ”อัดพวกวิชามาร

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีเมื่อคืนวานว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น รัฐบาลน่าจะรู้เห็นเป็นใจ เห็นได้จากการที่ไม่ได้ให้ความสนใจหรือกระตือรือร้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นไปได้ไหมว่ามีการซ่องสุมกำลังโดยอำนาจฝ่ายรัฐ หรือมีการสนับสนุน การกระทำครั้งนี้

สิ่งที่เราสู้ไม่ผิดเลย การต่อสู้ของเราเป็นมานานแล้ว เขาใช้วิธีออกอาวุธทางสื่อมวลชน บางคนบอกให้สมานฉันท์ เราเรียกคนนั้นว่า วัวหลับ แต่ผมบอกควรเรียกว่า วัวช้ำ

เมื่อวานนี้มีระเบิดใส่คนของเราบาดเจ็บ ผมถามว่า แล้ววัวหลับวัวช้ำวันนี้ไม่เห็นออกมาพูดสักคำ อยากเห็นพวกวัวบ้าออกมาเสนอความคิดสมานฉันท์ต่อไป ผมจะเตือนฝั่งรัฐบาลและฝั่งพวกคุณ ฝั่งทหาร และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ถ้าไม่ฟังสิ่งที่ผมเตือน ถ้าแผ่นดินไทยต้องนองเลือด เราถูกรังแกจนอาจต้องประกาศติดอาวุธ เวลาใกล้เข้ามาแล้วอย่าเห็นว่าเราสงบอหิงสาแล้วสู้ไม่เป็น เพราะถ้าเราสู้จะลุกฮือทั้ง 76 จังหวัด

พวกเราอยู่ที่นี่ 159 วันพิสูจน์ว่าสิ่งที่ทำไม่ได้ผิดเลย เราออกมาครั้งนี้สู้เพื่อ ชาติ ศาสนา กษัตริย์ เพราะการเมืองในระบบทุนสามานย์ ที่เราพูดตลอดเวลา เป็นการเมืองที่ทำลายชาติศาสนากษัตริย์ สู้ไม่ให้มีการฉ้อราษฎร์ร์บังหลวง สู้เพื่อให้กฎหมายเป็นกฎหมาย ให้คนเคารพในกฎหมาย แต่เราไม่เหมือนทักษิณ ที่ถูกศาลจำคุกแล้วออกมาด่ากระบวนการยุติธรรม เราไม่เคย

ตุลาการศาลรธน.ที่เคยช่วยทักษิณให้หลุด พันธมิตรไม่เคยให้ใครไปขว้างระเบิดบ้านเขา คุณจรัลที่ซื่อตรงและเที่ยงธรรมที่เขาซื้อไม่ได้ ข่มขู่ด้วยการเอาระเบิดไปขว้างบ้านเขา ประชาชนของราชบัลลังก์ที่เคยมีการเคารพนับถือเทิดทูนสูงสุด มีกลุ่มทุนในส่วนของเขาออกมาทำลายราชบัลลังก์ชนิดโหดเหี้ยม มีภาพที่น่ากลัวอยู่ในยูทูป ถ้าไม่ใช่พวกเราออกมาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค ปักหลัก หรือชุมนุมทางวิชาการเมื่อต้นปีนี้ พัฒนามาเป็นการเดินขบวนไป ผมถามว่า มีกระบวนการรับรู้และยอบรับไหมว่ามีการจาบจ้วงและจ้องทำลายราชบัลลังก์ เพราะพวกเราทำให้เกิดกระแสตื่นตัวบีบบังคับให้อีกฝ่ายที่มีอำนาจรัฐแล้วประกาศว่ามีการจาบจ้วงมากมาย เราพูดมาตั้งแต่ กพ. 51 แต่เขาเพิ่งพูดวานซืนนี้เอง

นายสนธิกล่าวว่า กระบวนการพวกนี้เริ่มออกวิชามาร อ้างว่าตัวเองเป็นของจริง แล้วบอกว่าถ้ารักในหลวงให้อยู่ที่บ้าน ถ้าเราอยู่ที่บ้านรัฐบาลสัตว์นรกมันจะยอมรับหรือตั้งแต่เมื่อวานซืนว่ามีกระบวนการจ้องทำลายสถาบันกษัตริย์

“เกมการเมืองต่อต้านพวกเรามีวิชามารหลายอย่าง แต่เราต้องอดทนมั่นคงภายใน ทุกวันนี้เราอยู่ท่ามกลางความเป็นไปได้ของอุบัติเหตุทางการกลั่นแกล้ง มันทำได้ทุกเมื่อ”

นายสนธิกล่าวต่อว่า มีคนที่อยู่ใกล้ชิดรับใช้เบื้องพระยุคลบาท รับเงินเดือนจากทักษิณหลายแสนบาทมาหลายปีแล้ว คนๆนี้เวลาขึ้นเครื่องการบินไทย ไปเบ่งกับเขา ไปขอไวน์ที่ตัวเองกินไม่หมดเอากลับบ้านด้วย อย่าให้ผมต้องเปิดโปง คนที่จงรักภักดีแต่ปากมากกว่านี้ ผมไม่มีเครื่องราชย์ ไม่ได้เข้าเฝ้า ไม่มีตำแหน่ง เป็นลูกเจ๊กธรรมดา

“คนอย่างผมและพันธมิตร มีจิตใจจงรักภักดีเป็นสารณะ เราออกมากันทำให้ทุกคนเห็น สังคมเห็นว่าเราเทิดทูนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่ได้พูดแต่ปาก แต่เราเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ข้อมูลมีอีกมาก ถ้ายังไม่หยุดพูด จะฉีกหน้ากากออกให้หมด พันธมิตรไม่เคยบิดเบือนความจริง” นายสนธิกล่าว

แฉมืออาชีพปาบึ้ม

ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงสถานการณ์ที่มีการเขวี้ยงระเบิดเข้าใส่การ์ดพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวาน ว่า เหตุการณ์เมื่อคืนนี้เกิดพร้อมกัน 3 จุด คือ ที่บ้านของ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่สะพานมัฆวาน และที่แยกสวนมิสกวัน ความรุนแรงที่เกิดขึ้น 3 จุดนั้น มาจากกลุ่มเดียวกัน และเป็นมืออาชีพ ทั้งนี้ ยืนยันว่า เราไม่ได้เป็นฝ่ายก่อความรุนแรงก่อน แต่ใช้หลักการป้องกันตัว ที่บริเวณแยกมิสกวัน อาจมีเสียงปืนกันบ้างก็ถือว่าเป็นการป้องกันตัว เพราะเราจะไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาในที่ชุมนุม และมาทำร้ายผู้ร่วมชุมนุมได้แม้แต่ตารางนิ้วเดียว

“เพราะเป้าหมายไม่ใช่แค่เพียงพันธมิตรฯ แต่รวมถึงฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับ พ.ต.ท.ทักษิณ กลุ่มอื่นๆ ด้วย ซึ่งวิธีการแบบนี้เป็นความรุนแรงที่ออกแบบโดยอำนาจรัฐ ไม่ใช่มือที่ 3 หรือแก๊งข้างถนน ทั้งนี้ ตำรวจนครบาลเองก็แถลงว่าระเบิดที่ใช้นั้นเป็นระเบิด M78 จึงไม่ใช่การสร้างสถานการณ์แต่เป็นการมุ่งเอาชีวิต ตนยังทราบด้วยว่า มีการขนอาวุธหนักมาบางส่วน และมีการเคลื่อนไหวของตำรวจป่าไม้ ยืนยันว่า เราจะอยู่ในที่ตั้งและใช้สิทธิ์ในการป้องกันตัว ส่วนอาวุธนั้นอาจจะใช้เป็นปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งจะต้องขออนุญาตทางแกนนำก่อน ดังนั้นหากไม่มาหาเรื่องเรา ความรุนแรงก็จะไม่เกิด”

เมื่อถามว่า กลุ่มที่มาขว้างระเบิดเป็นมืออาชีพหรือเป็นคนในเครื่องแบบหรือไม่ นายสุริยะใสกล่าวว่า ตนไม่อยากบอกว่าเป็นฝ่ายไหนทั้งสิ้น แต่ชายฉกรรจ์คนดังกล่าวสวมใส่แจ๊กเก็ตเหมือนตำรวจ ทหาร และเป็นมืออาชีพ พันธมิตรฯวันนี้ ผู้ชุมนุมกลัวจนกล้าแล้ว     
  
ณัฐวุฒิยันไม่ใช่ฝีมือรัฐบาล

นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงกรณีกรณีที่เกิดเหตุระเบิดและมีการใช้อาวุธยิงกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า รัฐบาลยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหรือใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มพันธมิตรฯ และทุกเหตุการณ์ที่ใช้กำลังกับผู้ชุมนุมทุกกรณีและทุกฝ่าย เหตุที่ต้องยืนยันเพราะว่าพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯบอกชัดเจนว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลที่มีการจ้างวานมา

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่าความเคลื่อนไหวในรอบสัปดาห์มีความอ่อนไหวอย่างยิ่งต่อสังคมโลกและสังคมไทยที่อาจเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ต่อระบอบประชาธิปไตย ตนขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายไม่ว่าพันธมิตรฯ หรือมือที่สามที่อยู่ในมุมมืดหรือฝ่ายใดก็ตาม ขอให้คำนึงถึงความอยู่รอดของประเทศ และขอให้งดเว้นการนำไปสู่ความรุนแรงทุกวิธีการและขอเรียกร้องไปยังบุคคลใดก็ตามที่ใช้ประเด็นสถาบันเบื้องสูงมาเป็นข้ออ้างในการเคลื่อนไหว รวมถึงไม่ว่าจะเป็นสื่อแขนงใดหรือกลุ่มใด หากทำการละเมิดเบื้องสูงรัฐบาลจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดไม่มีข้อยกเว้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะขอให้นปช.ยกเลิกการจัดงานความจริงวันนี้สัญจร ในวันที่1ต.ค.นี้หรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับผู้จัดงานจะพิจารณา รัฐบาลคงจะไม่มีความเห็นใดๆกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มใดๆที่เป็นไปตามกฎหมายและเป็นการใช้สิทธิการชุมนุมโดยชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย แต่จะต้องคำนึงถึง ความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของผู้ชุมนุม ถ้ามั่นใจว่าจะดูแลเรื่องเหล่านี้ได้ก็อยู่ที่ผู้จัดงาน รัฐบาลไม่สามารถไม่สามารถไปปิดกั้นการชุมนุมได้

ส่วนกรณีที่นายดิสธร วัชโรทัย ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ได้นำกระแสพระราชดำรัสฝากผ่านมาว่าถ้ารักในหลวงขอให้อยู่บ้าน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า วานนี้ไม่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเรื่องนี้ แต่วานนี้บุคคลที่ทำงานใกล้ชิดเบื้องยุคลบาทได้กรุณาออกมาแสดงความเห็นเป็นไปในแนวทางเดียวกันว่าอยากให้ทุกคนใช้สันติวิธีอยู่ภายใต้กม. ดังนั้นทุกฝ่ายต้องใช้สติปัญญาไตร่ตรองว่าเหมาะควรจะเอาไปปฏิบัติหรือไม่ตนเห็นว่าแนวทางดังกล่าวจะเป็นประโยชน์และสังคมไทยจะต้องนำไปคิดพิจารณาร่วมกัน

ยันทักษิณโฟนอินแน่

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน แกนนำกลุ่มผู้จัดรายการ 'ความจริงวันนี้สัญจร' ครั้งที่ 2 กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิด และมีผู้เสียชีวิต จากการโดนยิงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ขอประณามว่าคนที่ก่อเหตุดังกล่าว มีพฤติการณ์ที่ผิดมนุษย์และมีพฤติการณ์ที่เลวที่สุด ซึ่งคนที่ทำต้องการให้ผู้บริสุทธิ์ เป็นเหยื่อ เพื่อให้ประชาชนหวาดกลัว ไม่กล้าเข้ามาร่วมงานวันที่ 1 พ.ย. และหวังสร้างสถานการณ์ เพื่อให้ปฏิวัติ เพราะเป็นทางเดียวที่จะให้พันธมิตรฯกลับบ้านได้

'”เมื่อคืนผมได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงยืนยันว่า จะยังคงมีการโฟนอิน ในรายการเหมือนเดิม และยังบอกด้วยว่า คนที่ออกมาวิจารณ์รู้ได้อย่างไร ว่าจะมีการพูดเรื่องอะไร เป็นการตีตนไปก่อนไข้ ควรฟังให้ครบถ้วนก่อนแล้วจึงวิจารณ์ โดยในรายการ หากเห็นนายวีระ มุสิกพงศ์ ขึ้นเวทีตอนไหน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะพูดตอนนั้น โดยเนื้อหา จะมีหลายเรื่อง และจะเป็นประโยชน์ กับทุกฝ่าย' นายจตุพรกล่าวและว่า การที่กองทัพ มีความเป็นห่วง และอยากให้สกรีนคำพูด ของพ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนนั้น ตนอยากให้สบายใจได้ ว่า จะไม่เป็นอย่างที่เป็นห่วงแน่นอน”
กำลังโหลดความคิดเห็น