xs
xsm
sm
md
lg

ทหาร-ตร.ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ จี้กองทัพร่วมคว่ำ รบ.หุ่นเชิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายทหาร-ตร.แต่งเต็มยศขึ้นเวทีพันธมิตรฯครั้งแรก "พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์" เรียกร้องทหารออกมาร่วมชุมนุมไล่รัฐบาลขายชาติ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ย้ำเป็นสิทธิโดยชอบตาม รธน.ท้าชนผู้บังคับบัญชาทุกเหล่าทัพ หากขัดขวางถือว่า"ขี้ขลาด" ขณะที่ "พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ" จี้กองทัพร่วมรักชาติคว่ำรัฐบาลหุ่นเชิด ลั่นทำเนียบฯ ที่มั่นสุดท้ายกำลังสั่นคลอน เชื่ออีกไม่นานล้มแน่ ส่วน "พ.ต.ท.ประกิต กิจเจริญ" สวมเสื้อสีกากีคนแรกโดดขึ้นเวทีแจงเหตุเหลืออดเรื่องจวบจ้วงเบื้องสูง พร้อมเรียกร้องเหล่าทหาร-ตำรวจออกมาร่วมกันปกป้องประเทศชาติ "สนธิ" ชี้หน้ารัฐบาลขายชาติคุกตลอดชีวิต

วานนี้ (8 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า มีความคึกคักเป็นพิเศษและมีประชาชนจากทุกสารทิศเดินทางมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดของนายสมัคร สุนทรเวช กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ ยังได้ประกาศชัยชนะภาคประชาชนหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 และการตัดสิทธิ์เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งการประกาศชัยชนะภาคประชาชนวานนี้ กลุ่มพันธมิตรฯระบุว่า ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นที่กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้อง

"พล.อ.ปฐมพงษ์"แต่งเต็มยศขึ้นเวที

ส่วนบรรยากาศบนเวทีวานนี้ได้มีนายทหาร และตำรวจแต่งเครื่องแบบเต็มยศมาร่วมขึ้นเวทีพันธมิตรฯด้วย โดยในช่วงเวลา 18.45 น. พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะที่ปรึกษา กองบัญชาการทหารสูงสุด ได้แต่งเครื่องแบบนายทหารเต็มยศขึ้นเวทีเป็นครั้งแรก โดยกล่าวย้ำว่า เป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมทั้งย้ำว่า ภารกิจของทหารต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์และรักษาอธิปไตยของชาติ ซึ่งแม้แต่ตารางนิ้วเดียวก็เสียให้ใครไม่ได้

พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะมาบริหารบ้านเมือง ก่อนอื่นต้องดูแลโครงการพระราชดำริที่มีกว่า 3 พันโครงการ อย่าละเลย ถ้าละเลยก็อย่ามาเป็นรัฐบาล เพราะ 62 ปีที่ในหลวงของเราทรงครองราชย์ โดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขประชาชนชาวสยาม พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตนได้ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยโวยวาย เพราะถือว่ารู้จักหน้าที่ และว่าเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมาตนเคยทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในเรื่องปราสาทพระวิหาร แต่ได้รับคำตอบให้รอไปก่อน

นายทหารผู้นี้ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พูดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วยว่า ทหารยอมไม่ได้ เพราะได้ถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจักยอมตายเพื่อรักษาพระบรมเดชานุภาพ และวันนี้ต้องออกมาพูดเพราะใครก็ห้ามไม่ได้ เพราะกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พร้อมเรียกร้องให้ทหารทุกคนออกมาร่วมกับประชาชน ทหารต้องกล้าแสดงออก ต้องทำก่อนใคร ไม่ใช่ให้คนอื่นทำก่อน

พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมชุมนุมด้วยว่า ประชาชนไม่ต้องพึ่งทหาร เพราะเวลานี้ถือว่าได้เดินมาถูกทางแล้ว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ข้าราชการทหารอย่าทำให้ประชาชนต้องสับสน และไม่ต้องรอให้ใครสั่งก็สามารถออกมาได้ ต้องมีความกล้าหาญและกล้าแสดงออก

"บางคนบอกว่ากลัวผิดวินัย ถ้าออกมาร่วมกับประชาชน แต่วินัยนั้นถ้าทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเพื่อดินแดนถือว่าไม่ผิดวินัย ถ้าผู้บังคับบัญชาคนใดสั่งห้ามในเรื่องเหล่านี้ถือว่าผู้บังคับบัญชาคนนั้นขี้ขลาด" พล.อ.ปฐมพงษ์ ระบุ และว่า ถ้าใครหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแล้วอ้างว่าไม่ได้หมิ่นคนๆ นั้น ก็ขี้ขลาดที่สุด คนแบบนี้ถ้าใครคบก็ฉิบหาย หากบริหารบ้านเมืองก็พาฉิบหาย

"ผมขอประกาศให้กำลังพลทุกนายในกองทัพไทย ออกมาได้อย่างสง่างามและให้บอกว่าผมชักชวนมาและฝากบอกไปยังผู้บังคับบัญชาทุกท่านว่าอย่ารังแก ถ้าจะทำอะไรให้มาทำกับผม"

ตร.คนแรกในเครื่องแบบขึ้นเวทีพันธมิตรฯ

เวลา 19.45 น. พ.ต.ท.ประกิต กิจเจริญ สารวัตรฝ่ายอำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งได้แต่งเครื่องแบบเต็มยศขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯเช่นกันว่า ที่ตนตัดสินใจใส่ชุดข้าราชการตำรวจขึ้นเวทีครั้งนี้ ประการแรก คือ ในภาพพจน์ของตำรวจปัจจุบันมีแต่ความเสียหาย แต่ก็ไม่ใช่กับตำรวจทุกคนและเหตุหลักคือตนทนไม่ได้ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ถูกจาบจ้วง อีกประการหนึ่ง คือ ตนนั้นเป็นนายตำรวจเมื่อ 30 ปีที่แล้วและได้รับเป็นผู้บังคับหมวดตระเวนชายแดน อยู่ที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งติดกับเขมร

"ถ้าหากผู้บังคับบัญชาสั่งให้รบเพื่อประเทศ ยอมตายยอมเสียชีวิตเพื่อประเทศชาติ แต่วันนี้จากการเสียปราสาทพระวิหารให้กับเขมร รู้สึกหดหู่ใจมาก และทนไม่ได้จึงต้องขึ้นบนเวที เพื่อพี่น้องชาวไทยทั้งตำรวจและทหารให้ช่วยกันปกป้องประเทศ และก็ตำรวจทหารช่วยกันปกปักรักษาประชาชนอย่าใช้ความรุนแรง เพราะว่าเป็นประชาชนคนไทยด้วยกัน"

พ.ต.ท.ประกิต กล่าวอีกว่า ตนอายุ 56 ปีแล้วมีลูกสามารถที่จะเป็นนายทหารเป็นตำรวจ แต่ถ้าวันใดลูกของตนจะมาทำร้ายประชาชนหรือได้รับคำสั่งให้มายิงประชาชนตนจะยิงลูกของตนทิ้งไปก่อน เหตุผลเพราะว่า ได้คิดแล้วว่า พันธมิตรฯได้ออกมาปกป้องประเทศชาติ ประชาชน และองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

พ.ต.ท.ประกิต กล่าวต่อว่า พันธมิตรฯนั้นยืนอยู่บนความถูกต้อง ตนทำงานมากว่า 30 ปีถ้าหากแยกแยะไม่ได้ว่าอะไรถูกอะไรควร อะไรดีอะไรไม่ดี แสดงว่าตนคงเป็นคนที่ไม่ดี และขอร้องพวกทหาร ตำรวจ โดยเฉพาะชั้นผู้น้อย ชั้นนายร้อย และนายพัน โปรดใช้วิจารณญาณของท่าน อะไรผิด อะไรถูก อะไรควรอะไรไม่ควร อย่าใช้ความรุนแรงกับประชาชน

"ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ ไม่สามารถออกมาให้เห็นได้ ผมเองถ้าจะต้องอยู่ก็ได้ ออกจากการเป็นตำรวจวันนี้เดี๋ยวนี้ก็ได้ แต่ความถูกต้องต้องมาก่อน ผมจะยืนอยู่ประชาชนที่ดีที่ถูกที่ควร รวมถึงจะยืนอยู่ข้างข้าราชการที่ดีที่ถูกที่ควรด้วย วันข้างหน้าได้ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแหลงการปกครอง คนจะมีการเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่ถูกต้องสมควรและผมเชื่อว่าพันธมิตรฯนี่แหละที่ถูกต้องที่สุด"

"พล.อ.ปรีชา"กระตุกสำนึกกองทัพ

เวลา 20.00 น. พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ปรึกษาศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) ขึ้นเวทีพันธมิตรฯโดยย้ำถึงพลังประชาชนที่ร่วมแรงร่วมใจจนกำลังจะได้รับชัยชนะ สามารถยึดที่หมายได้ 17 ที่หมาย เหลือที่หมายสุดท้ายทำเนียบรัฐบาลกำลังคลอนแคลนเต็มทีแล้ว เพียงแค่ลมปากเป่าเพียงเบาๆ รัฐบาลก็ล้มลงแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่ารอให้ไล่ รัฐบาลนี้ต้องออกไปเสียจะดีกว่า

นายทหารท่านนี้ยังเรียกร้องให้กองทัพแสดงจุดยืน แม่ทัพนายกอง ที่เคยโทรศัพท์มาระบายความอัดอั้นตันใจ สมควรแก่เวลาแล้วที่จะต้องออกมาร่วมมือกับภาคประชาชน ร่วมมือกันต่อต้านรัฐบาล อย่าแสดงออกด้วยการพูดต้องออกมาร่วมกับประชาชน ต้องคิดถึงชาติ บ้านเมือง เป็นสำคัญ สถานการณ์ในขณะนี้ไม่มีใครเอาด้วยกับรัฐบาลชุดนี้แล้ว แม้กระทั้งศาลยุติธรรม
 
พล.อ.ปรีชา ยังเชื่อว่าสถานการณ์ในขณะนี้ พันธมิตรฯอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบ มีกองหนุน พร้อมที่จะออกมาร่วมเคลื่อนไหวอยู่ทั่วประเทศ เสมือนกองทัพที่มีกองหนุน คอยออกมาร่วมปกป้องชาติบ้านเมือง ดังนั้นวันนี้พันธมิตรฯ จะใช้ยุทธวิธีเชิงรุก จะไม่คอยตั้งรับเพื่อรอชัยชนะ จะพาประชาชนทวงคืนความชอบธรรม ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เสียไปจากความอยุติธรรมคืนกลับมา

"จำลอง"ยันไม่ยื่นถอนผู้พิพากษา

เวลา 20.40 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยว่า วันนี้เรามาชุมนุมปักหลักกันเป็นวันที่ 45 แล้วคราวที่แล้วได้บอกว่าเราชนะมา 15 เรื่อง ครั้งนี้ชนะเพิ่มมาอีก 2 เรื่องรวมทั้งหมดเป็น 17 เรื่อง ซึ่งทั้งหมดเป็นฝีมือของพวกเรา เมื่อคืนเราต้องอพยพเคลื่อนย้ายกันเหมือนกับไฟไหม้บ้าน เนื่องมาจากเราเป็นเด็กดีเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่าง เมื่อเราต้องเหน็ดเหนื่อยกับคำสั่งของศาล ตนได้ไปปรึกษาหารือกับแกนนำ และได้บอกกับผู้สื่อข่าวไปแล้วเมื่อเวลา 10.00 น.ของวันนี้ว่าเราทำในฐานะที่ตนเป็นนักชุมนุมอาชีพ เป็นขาประจำในการชุมนุม อย่างในปี 35 ตนนั้นติดทั้ง 2 คุกทั้งคุกตำรวจและคุกทหาร เราก็ยอม ในการชุมนุมครั้งต่อมาก็ถูกดำเนินคดีและได้ถูกยกฟ้องในเวลาต่อมา

"อีก 4-5 กรณีเราก็ยอมเพื่อยื่นต่อผู้ที่เป็นผู้ใหญ่สูงสุดของศาลนั้น ทั้งหมด 8 ศาลให้รับทราบไว้ว่า เมื่อเกิดกรณีอย่างนี้อีก ขอความกรุณาศาลท่านให้ความคุ้มครองเราในเรื่องเสรีภาพที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ"

พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า วันนี้ตนได้ไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ของศาลทั้ง 8 ศาล และบัดนี้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองรู้แล้วว่าอะไรที่เกิดขึ้นกับเรา และแกนนำทั้ง 5 คนได้ปรึกษาหารือกันเมื่อคืนนี้ว่าเราต้องขอความร่วมมือจากพันธมิตร 2 หมื่นชื่อเป็นอย่าน้อยเพื่อยื่นการถอดถอนท่านผู้พิพากษาที่ไม่ให้คุ้มครองในเรื่องเสรีภาพ เมื่อประกาศออกไปแล้วมีเสียงคัดค้านเกิดขึ้นอย่างที่บอกว่าเราชุมนุมกันตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อมีเสียงคัดค้านเราก็ฟัง และเราได้ประชุมกันแล้วว่า จะไม่ยื่นถอดถอน

"สนธิ"ชี้หน้า รบ.ขายชาติคุกทั้งชีวิต

เวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯได้ขึ้นเวทีกล่าวว่า ไม่เคยนึกว่าตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.เคยออกรายการยามเฝ้าแผ่นดินเคยเตือนว่าทำไมเราไม่ยื่นขอจดทะเบียนปราสาทพระวิหารควบคู่ไปกับเขมรด้วย แต่ 60 วันให้หลังเหมือนเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าเราต้องเสียดินแดนเพิ่ม

"ผมปวดร้าวหัวใจ ทนไม่ได้ว่าจะทนอยู่ในแผ่นดินนี้ได้อย่างไร เราต้องทำสงครามครั้งสุดท้าย แต่ไม่นึกว่าสงครามครั้งนี้จะต้องเสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร ดังนั้นชัยชนะ 17 เรื่องที่เราได้มาไม่ได้ทำให้ดีใจ จากการการแพ้เพียงเรื่องเดียวจนเจ็บช้ำในใจ ผมพูดจากหัวใจของลูกเจ๊กลูกจีนคนหนึ่งที่ปู้ย่ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารเหมือนพี่น้องที่อยู่ในที่นี่มีความรักชาติมากกว่าพวกที่อยู่ในเครื่องแบบบางคนเสียด้วยซ้ำ"

ถึงช่วงนี้นายสนธิ ได้เปิดภาพบันทึกเมื่อปี 2505 ที่ทหารไทยที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณปราสาทพระวิหารได้ขุดฐานรากของเสาธงแล้วช่วยกันยกออกมาทั้งเสา โดยไม่ยอมลดธงไตรรงค์ลงมา หลังจากคำตัดสินของศาลโลกให้ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร ซึ่งทหารไทยไม่ยอมรับ โดยกล่าวว่าเมื่อเห็นภาพดังกล่าวแล้วทำให้น้ำตาไหล

นายสนธิ ย้ำว่า ถ้ารัฐบาลยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมต้องยื่นคัดค้านตั้งแต่แรก ดังนั้น วันนี้ถึงบอกได้เต็มปากว่ารัฐบาลขายชาติ ทำไมถึงต้องเจ็บช้ำ ทำไมต้องให้คนไทยทั่วประเทศต้องตรากตรำถ่อสังขารมารักษาบ้านเมือง ขณะที่คนอย่างนายสมัคร บอกว่าพ่อเป็นเจ้าพระยา หรือคนอย่างนายนพดล ได้ทุนของพระเจ้าอยู่หัวไปเรียนต่อต่างประเทศ ครม.ที่ถวายสัตย์ต่างเลวกันทุกคน จิตใจของพวกเขาอยู่ที่ไหน รักบ้านเมืองหรือไม่

"วันนี้เสนาะ เทียนทอง ที่ปากกล้าอยู่ไหน บรรหาร ศิลปอาชา อยู่ไหน พล.ต.สนั่น อยู่ไหน ถ้าไม่ร่วมกันทำมาหากิน" นายสนธิ กล่าวด้วยน้ำตาคลอ และว่า พ่อหลวงไม่มีสิทธิ์จะมาพูดแบบนี้ พ่อหลวงทรงครองแผ่นดินโดยธรรม ทำเพื่อพสกนิกร แต่ถูกจาบจ้วงจากพวกจัญไรจาบจ้วง ส่วนตัวเองถูกดำเนินคดถึง 58 คดี

นายสนธิ กล่าวอีกว่า มีบางคนในเครื่องแบบและไม่ใช่ในเครื่องแบบร่วมกันทำร้ายพ่อหลวง ที่ผ่านมาเคยถาม พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เลขาธิการ สมช.นายทหารรุ่น 10 เจ้ากรมแผนที่ทหาร ลูกน้อง พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อธิบดีกรมสนธิสัญญา ที่ออกมาบอกว่าไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว วันนี้ยังกล้าพูดอีกหรือไม่ ทั้ง 4 คนเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แต่กลับไปพูดสนับสนุนความชอบธรรมของเขมร

"เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น การที่เขาปฏิเสธสันปันน้ำ ต่อไปเขมรจะปฏิเสธแบบนี้ไทยก็ต้องฉิบหายแน่นอน" นายสนธิ กล่าวและว่า กล่าวในตอนท้ายว่า นายสมัคร นายนพดล คณะรัฐมนตรีชุดนี้กระทำผิดหลายมาตรา ดังนั้นต้องติดคุกตลอดชีวิต โดยไม่มีการปราณี"
กำลังโหลดความคิดเห็น