พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าการสานเสวนาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ หากมีผู้แทนที่ทุกฝ่ายยอมรับคิดว่าเป็นแนวทาง ที่ดีที่สุดในขณะนั้น จะเป็นทางออกที่จะแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองที่ดีที่สุด ส่วนที่มีผู้เสนอให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เป็นตัวกลางในการเจรจานั้น เห็นด้วย แต่ไม่แน่ใจว่า พล.อ.เปรม พร้อมที่จะรับหรือไม่ ทั้งนี้ท่านเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรัรบนับถือน่าจะเป็นตัวกลางได้
พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กระทรวงกลาโหม จะพยายามหาทางออกโดยจะคุยกับ ผบ.เหล่าทัพว่าจะมีทางออกอีกหรือไม่ที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ คิดว่าขณะนี้แนวทางสานเสวนาฯ น่าจะเป็นแนวทางแรก ถ้าไม่มีแนวทางอื่นที่ดีกว่านี้ ตนเห็นว่าทุกฝ่ายน่าจะหันหน้าเข้าหากัน ถ้าไม่ถอยออกไปบ้างจะไม่เกิดโอกาสที่จะพูดคุยอย่างสันติวิธีได้ ถ้าไม่ลดทิฐิลงมาคงจะเป็นเรื่องยากที่จะนำมาสู่การนั่งโต๊ะเจรจา ซึ่งการนั่งเจราไม่ได้หมายถึงยอมแพ้ แต่น่าจะเป็นเรื่องสร้างสรรค์มากกว่าที่จะหาโอกาสมานั่งคุยกัน
ส่วนที่ฝ่ายการเมืองพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเสนอกฎหมาย เพื่อยกเลิก ประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 เพื่อให้ตัวเองไม่ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5ปี นั้น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กองทัพก็คิดเหมือนกัน แต่ในฐานะเป็นบุคลากรในกองทัพไม่อาจไปก้าวก่าย ความคิดของฝ่ายรัฐบาลหรือ ส.ส.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามความคิดของพวกเราคิดว่าน่าจะต้องรอสักระยะหนึ่งให้สถานการณ์ คลี่คลายลงไปแล้วค่อยมาว่ากันอีกที ทุกฝ่ายขณะนี้มองไปที่ตัวเองเป็นหลักมากกว่า และพยายามแก้ไขปัญหาให้กับตัวเอง และพวกพ้องเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ถ้ายังเป็นปัญหาขัดแย้งและยังไม่มีข้อยุติ ยังไม่รู้ว่าจะแก้กันอย่างไร หรือบางคนนำไปบอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นการแก้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มตัวเอง กลุ่มพวกพ้อง ถือว่าไม่ควรจะนำหยิบยกขึ้นมาในขณะนี้ ควรจะหันมาแก้ไขปัญหาของชาติก่อน และลดความเดือดร้อนของประชาชนลงไปให้ได้ให้เร็ว ที่สุด เพราะถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วน ในขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่ควรได้รับการแก้ไข เพราะมีช่วงว่างระหว่างคนรวย กับคนจนค่อนข้างมาก ดังนั้นควรดูแลปัญหาของประชาชนในระดับรากหญ้า ให้มีสิทธิเดินร่วมกับคนที่มีฐานะดีให้ได้
ส่วนการนำซีดีคำพูดโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาแจกจ่ายจะยิ่งสร้างปัญหาหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ทุกคนรับทราบการโฟนอิน เข้ามาของ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว หากทำแจกจะสิ้นเปลื้องเงิน เพราะประชาชนรับทราบแล้วว่า ท่านพูดอะไรอย่างไรและมีการวิพากษ์วิจารณ์พอสมควรจึงควรยุติได้แล้ว ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามาอีกนั้น คงจะสร้างความสับสนให้กับประชาชนในสังคมพอสมควร เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นแก่ชาติบ้านเมืองควรหยุด การเคลื่อนไหวใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า คงไปเสนอท่านไม่ได้ ความจริง ท่านคิดเองได้ ท่านคิดได้อยู่แล้ว แต่ท่านจะเดินทางไหนเท่านั้นเอง
ปัญหา คือ ประชาชนยังไม่ได้มีโอกาสเรียนรู้ข้อเท็จจริงเท่าที่ควร ผมไม่ได้ตำหนิประชาชน ผมตำหนิว่าภาครัฐไม่ได้ให้ความรู้กับประชาชนอย่างแท้จริง มัวไปมุ่งที่ประโยชน์ส่วนตนเป็นหลักมากกว่า ดังนั้น ทำให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสาร ที่ไม่ครบถ้วน ขณะเดียวกันจากสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ค่อยจะดีจะทำให้การปลุกเร้า ปลุกระดมขึ้นมากระทำได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ขณะนี้ประชาชนคนไทยทั้งหมดปลุกเร้าได้ง่ายกว่าสมัยก่อน เพราะขาดข้อมูล ขาดความเข้าใจ และ บางส่วนขาดซึ่งความพึงพอใจ คือ ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้อง มาในระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นเมื่อถึงตอนนี้อะไรก็ได้ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลเอาหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ บางส่วนผมคิดว่ารัฐบาลทำถูกต้อง รัฐบาล ต้องการเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ประเทศชาติไปรอด แต่ไม่ได้รับการยอมรับ เมื่อไม่ได้รับการยอมรับ การดำเนินการต่างๆ ของรัฐบาลก็ยุ่งยากพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงกลาโหมจะกวดขันดูแลวิทยุชุมชนในเครือข่าย ที่มีการกล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูงอย่างไร พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมได้มีการจัดอบรมวิทยุชุมนุม 4 รุ่นแล้ว เพื่อให้แนวทางความรู้ปลูกฝังอุดมการณ์เพื่อส่วนร่วม ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของวิทยุชุมชน ส่วนวิทยุชุมนุม ที่มีการออกอากาศพาดพิงมีจำนวนมากเท่าไหร่ตนไม่ทราบ แต่เท่าที่พูดคุยกับวิทยุชุมชนที่ทางกระทรวงกลาโหมควบคุมดูแลอยู่ไม่มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวว่าในการเข้าพบของ นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ หัวหน้าคณะกรรมการประสานงานเครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม ประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์ ยุติการใช้ความรุนแรงว่า ตนได้เรียนกับ นพ.วันชัยว่า ในส่วนของกองทัพบก ถ้าสามารถมีส่วนร่วมจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นก็พร้อมที่จะสนับสนุน ทั้งการใช้สถานที่ หรือ จะใช้สื่อของกองทัพบกที่มีอยู่ รวมถึงการใช้กำลังพล ในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ไม่มีปัญหา ส่วนรายละเอียดยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ขอพูดในส่วนนั้น เดี๋ยวจะยุ่งเหยิงหนักเข้าไปอีก
ส่วนกรณีที่อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน จะเสนอกฎหมาย ยกเลิกประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขออนุญาต ไม่กล่าวในเรื่องนี้
พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กระทรวงกลาโหม จะพยายามหาทางออกโดยจะคุยกับ ผบ.เหล่าทัพว่าจะมีทางออกอีกหรือไม่ที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติ คิดว่าขณะนี้แนวทางสานเสวนาฯ น่าจะเป็นแนวทางแรก ถ้าไม่มีแนวทางอื่นที่ดีกว่านี้ ตนเห็นว่าทุกฝ่ายน่าจะหันหน้าเข้าหากัน ถ้าไม่ถอยออกไปบ้างจะไม่เกิดโอกาสที่จะพูดคุยอย่างสันติวิธีได้ ถ้าไม่ลดทิฐิลงมาคงจะเป็นเรื่องยากที่จะนำมาสู่การนั่งโต๊ะเจรจา ซึ่งการนั่งเจราไม่ได้หมายถึงยอมแพ้ แต่น่าจะเป็นเรื่องสร้างสรรค์มากกว่าที่จะหาโอกาสมานั่งคุยกัน
ส่วนที่ฝ่ายการเมืองพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเสนอกฎหมาย เพื่อยกเลิก ประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 เพื่อให้ตัวเองไม่ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5ปี นั้น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กองทัพก็คิดเหมือนกัน แต่ในฐานะเป็นบุคลากรในกองทัพไม่อาจไปก้าวก่าย ความคิดของฝ่ายรัฐบาลหรือ ส.ส.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามความคิดของพวกเราคิดว่าน่าจะต้องรอสักระยะหนึ่งให้สถานการณ์ คลี่คลายลงไปแล้วค่อยมาว่ากันอีกที ทุกฝ่ายขณะนี้มองไปที่ตัวเองเป็นหลักมากกว่า และพยายามแก้ไขปัญหาให้กับตัวเอง และพวกพ้องเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ถ้ายังเป็นปัญหาขัดแย้งและยังไม่มีข้อยุติ ยังไม่รู้ว่าจะแก้กันอย่างไร หรือบางคนนำไปบอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นการแก้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มตัวเอง กลุ่มพวกพ้อง ถือว่าไม่ควรจะนำหยิบยกขึ้นมาในขณะนี้ ควรจะหันมาแก้ไขปัญหาของชาติก่อน และลดความเดือดร้อนของประชาชนลงไปให้ได้ให้เร็ว ที่สุด เพราะถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วน ในขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่ควรได้รับการแก้ไข เพราะมีช่วงว่างระหว่างคนรวย กับคนจนค่อนข้างมาก ดังนั้นควรดูแลปัญหาของประชาชนในระดับรากหญ้า ให้มีสิทธิเดินร่วมกับคนที่มีฐานะดีให้ได้
ส่วนการนำซีดีคำพูดโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาแจกจ่ายจะยิ่งสร้างปัญหาหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ทุกคนรับทราบการโฟนอิน เข้ามาของ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว หากทำแจกจะสิ้นเปลื้องเงิน เพราะประชาชนรับทราบแล้วว่า ท่านพูดอะไรอย่างไรและมีการวิพากษ์วิจารณ์พอสมควรจึงควรยุติได้แล้ว ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามาอีกนั้น คงจะสร้างความสับสนให้กับประชาชนในสังคมพอสมควร เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นแก่ชาติบ้านเมืองควรหยุด การเคลื่อนไหวใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า คงไปเสนอท่านไม่ได้ ความจริง ท่านคิดเองได้ ท่านคิดได้อยู่แล้ว แต่ท่านจะเดินทางไหนเท่านั้นเอง
ปัญหา คือ ประชาชนยังไม่ได้มีโอกาสเรียนรู้ข้อเท็จจริงเท่าที่ควร ผมไม่ได้ตำหนิประชาชน ผมตำหนิว่าภาครัฐไม่ได้ให้ความรู้กับประชาชนอย่างแท้จริง มัวไปมุ่งที่ประโยชน์ส่วนตนเป็นหลักมากกว่า ดังนั้น ทำให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสาร ที่ไม่ครบถ้วน ขณะเดียวกันจากสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ค่อยจะดีจะทำให้การปลุกเร้า ปลุกระดมขึ้นมากระทำได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ขณะนี้ประชาชนคนไทยทั้งหมดปลุกเร้าได้ง่ายกว่าสมัยก่อน เพราะขาดข้อมูล ขาดความเข้าใจ และ บางส่วนขาดซึ่งความพึงพอใจ คือ ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้อง มาในระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นเมื่อถึงตอนนี้อะไรก็ได้ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลเอาหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ บางส่วนผมคิดว่ารัฐบาลทำถูกต้อง รัฐบาล ต้องการเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ประเทศชาติไปรอด แต่ไม่ได้รับการยอมรับ เมื่อไม่ได้รับการยอมรับ การดำเนินการต่างๆ ของรัฐบาลก็ยุ่งยากพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงกลาโหมจะกวดขันดูแลวิทยุชุมชนในเครือข่าย ที่มีการกล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูงอย่างไร พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมได้มีการจัดอบรมวิทยุชุมนุม 4 รุ่นแล้ว เพื่อให้แนวทางความรู้ปลูกฝังอุดมการณ์เพื่อส่วนร่วม ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของวิทยุชุมชน ส่วนวิทยุชุมนุม ที่มีการออกอากาศพาดพิงมีจำนวนมากเท่าไหร่ตนไม่ทราบ แต่เท่าที่พูดคุยกับวิทยุชุมชนที่ทางกระทรวงกลาโหมควบคุมดูแลอยู่ไม่มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.กล่าวว่าในการเข้าพบของ นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ หัวหน้าคณะกรรมการประสานงานเครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม ประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์ ยุติการใช้ความรุนแรงว่า ตนได้เรียนกับ นพ.วันชัยว่า ในส่วนของกองทัพบก ถ้าสามารถมีส่วนร่วมจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้นก็พร้อมที่จะสนับสนุน ทั้งการใช้สถานที่ หรือ จะใช้สื่อของกองทัพบกที่มีอยู่ รวมถึงการใช้กำลังพล ในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ไม่มีปัญหา ส่วนรายละเอียดยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ไม่ขอพูดในส่วนนั้น เดี๋ยวจะยุ่งเหยิงหนักเข้าไปอีก
ส่วนกรณีที่อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน จะเสนอกฎหมาย ยกเลิกประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขออนุญาต ไม่กล่าวในเรื่องนี้