“แกนนำพันธมิตรฯ” แฉเล่ห์ “รัฐบาลเขยแม้ว” หลังตจกเป็นจำเลยของสังคม หันไปใช้บริการ นปก.เพื่อเบี่บงประเด็นเป็นความขัดแย้งระหว่าง ปชช. เชื่อกองทัพ-ตำรวจ กดดันกันเอง ฟันธง “นายกฯ” อยู่ได้อีกไม่นาน
วันนี้ (17 ต.ค.) ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประธิปไตย กล่าวว่า วันนี้พันธมิตรฯ ใช้มาตรการดาวกระจายตลอดเส้นทางถนนสีลม เพื่อรณรงค์แจกซีดีและหนังสือในเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลความปลอดภัย เพราะทางพันธมิตรฯ ทราบมาว่า กลุ่ม นปก.เตรียมเข้ามาป่วนเนื่องจากรัฐบาลเมื่อใช้กำลังแล้วถูกโจมตี จึงต้องหันเหทิศทางไปสนับสนุน นปก.แทน และเพื่อทำให้สังคมเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งของประชาชน
เนื่องจาก นปก.ถือเป็นกำลังสนับสนุนหลักของรัฐบาล มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลอย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯ ขอยืนยันว่าจะใช้สันติวิธี อหิงสา
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ และ ผบ.ตร.ออกมาจี้ให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี รับผิดชอบต่อการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ทางพันธมิตรฯ มองว่าอย่างไร นายพิภพ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการกระทำที่ถูกต้อง แทนที่จะเก็บความอึดอัดและความไม่เห็นด้วย ที่รัฐบาลสั่งการให้ตำรวจเข่นฆ่าประชาชน การใช้พลังของกองทัพออกมาแสดงให้เห็นชัดว่าต้องการบอกให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก โดยไม่ต้องรอให้ผลการสอบสวนเสร็จสิ้น เนื่องจากเห็นว่าอาจล่าช้าเกินไป
“รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบทั้งทางการเมือง ส่วนความรับผิดชอบทางกฎหมายก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการ รวมทั้งต้องมีความรับชอบทางจริยธรรม แต่การที่รัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยจะไปขอรับผิดชอบทางกฎหมาย ตนเห็นว่าเป็นกระบวนการที่มีความล้าช้ามาก” นายพิภพ กล่าว
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลยังดื้อดึงไม่ยอมลาออกทางพันธมิตรฯ คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรต่อไป นายพิภพกล่าวว่า ตนคิดว่า ผบ.3 เหล่าทัพและผบ.ตร.น่าจะมีกระบวนการที่คิดไว้อยู่แล้ว ตนไม่กล้าก้าวล่วง ทั้งนี้การที่ ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตร.ออกมาเป็นการแสดงความรับผิดชอบในฐานะกองทัพ ถือว่ามีความกล้าหาญ เป็นการกระทำที่น่ายกย่อง อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียกร้องให้ข้าราชการระดับสูง เช่น ปลัดกระทรวง อธิบดี ให้ออกมาแสดงความกล้าหาญ เพื่อสร้างให้การกระทำของ ผบ.เหล่าทัพ และผบ.ตร มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ถ้าสังคมในทุกภาคส่วนแสดงความกล้าหาญด้วย รัฐบาลคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลาออก
เมื่อถามว่า การที่ ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตร.ออกมาพูด แสดงให้เห็นถึงการปฏิวัติหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น แต่เนื่องจากประเทศเรายังมีนักการเมืองที่ไม่เสียสละ ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ จึงมีความจำเป็นที่ ผบ.เหล่าทัพ และกลุ่มต่างๆ ต้องแสดงออกมา
เมื่อถามว่า พันธมิตรฯ เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า ถ้าเป็นการปฏิวัติในแบบเดิมคงไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเป็นการปฏิวัติสังคมเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้หลุดพ้นจากวิกฤตก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อถามว่า การที่ ผบ.เหล่าทัพ และผบ.ตร.แสดงท่าทีเช่นนี้ พรรคร่วมรัฐบาลควรแสดงท่าทีเช่นไร นายพิภพ กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อเห็นวิกฤตของชาติ ควรมีความกล้าหาญ และตัดผลประโยชน์ของตนเองและกลุ่มออกไป นอกจากนี้ควรร่วมมือกันทุกภาคส่วน พาสังคมให้พ้นวิกฤต ร่วมกันเปลี่ยนแปลงสังคม รัฐบาลแห่งชาติก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าทุกพรรคการเมืองร่วมกันตามกรอบของรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายกฯ ลาออกจะสนับสนุนให้ใครเป็นนายกฯ แทน นายพิภพ กล่าวว่า รัฐบาลมาถึงจุดที่จะใช้การเมืองแบบเดิมๆ ไม่ได้แล้ว ถ้านายกฯ ลาออก พรรคพลังประชาชนก็จะซาวน์เสียงเลือกนายกฯ มาใหม่ ซึ่งอาจเป็นบุคคลเดิมก็ได้ ปัญหาคงวนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น ส.ส.ต้องร่วมกันหาทางออกให้กับปัญหา ร่วมกันคิดภายในกรอบของรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนเห็นว่ามีช่องทางที่จะทำได้ แต่ยังไม่ขอเปิดเผย เนื่องจากอาจเป็นการชี้นำ
เมื่อถามว่า การตั้ง ส.ส.ร.3 จะเป็นทางออกในการแก้ปัญหาได้หรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า การตั้ง ส.ส.ร.3 อาจช้าเกินไป เพราะวิกฤตเริ่มขยายไปเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า ถ้านายกฯ เลือกการยุบสภาแทนที่จะลาออกพันธมิตรฯ จะดำเนินการอย่างไร นายพิภพ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อน ส่วนกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะเชิญให้พันธมิตรฯ ไปร่วมชี้แจงเนื่องจากเห็นว่ากรณีการปะทะเกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย นายพิภพ กล่าวว่า เราต้องพิจารณาว่าคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นมามีความชอบธรรมหรือไม่ แต่พันธมิตรฯ ก็บอกแล้วว่าไม่มีความชอบธรรม เพราะผู้กระทำเป็นผู้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นสิ่งไม่ถูกต้องเนื่องจากต้องมีคณะกรรมการที่เป็นกลาง แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการหารือกับแกนนำอีกครั้งว่าจะเข้าร่วมชี้แจงหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายปรีชา พานิชวงศ์ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบฯ กล่าวว่า คณะกรรมการทั้งหมดเป็นลูกน้อง เลือกมาเอง และครม.ไม่ได้ล้วงโผนั้น พันธมิตรฯ เห็นว่าอย่างไร นายพิภพ กล่าวว่า เท่าที่รู้มามีคณะกรรมการบางคนถูกล้วงโผจริง แต่มากแค่ไหนตนไม่ทราบ