xs
xsm
sm
md
lg

วิปฝ่ายค้าน เชื่อเหตุ “สมชาย” ทุรัง มีแผนนองเลือดรอบสอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชาย วงศ์สวัสดิ์
ปธ.วิปฝ่ายค้าน จี้ “ชัย” รับผิดชอบ ฐานดันทุรังเปิดประชุมรัฐสภาจนนองเลือด เลิกสังฆกรรม พปช.แก้ รธน.ตั้ง ส.ส.ร.จนกว่านายกฯจะแสดงความรับผิดชอบ แขวะดื้อด้านยิ่งกว่าโรคเอดส์ ย้อนถามรอให้เกิดเหตุนองเลือดรอบสองก่อนใช่หรือไม่

วันนี้ (17 ต.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน(วิป) แถลงถึงการตั้ง ส.ส.ร.3 ว่า แนวทาง ส.ส.ร.3 ไม่ใช่แนวทางที่จะแก้วิกฤตปัญหาของบ้านเมืองอีกต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเครื่องมือในการทำให้รัฐบาลอยู่ในอำนาจต่อไปได้ การที่ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีแถลงการณ์ออกมาไม่ได้แสดงความรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บล้มตายของประชาชนที่ชุมนุม ทั้งที่ ประธานสภา มีส่วนรับผิดชอบอย่างเต็มที่ โดยสามารถเลื่อนการประชุมออกไปได้ หากเห็นว่าที่ประชุมไม่พร้อม เนื่องจากมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นข้างนอกสภา แต่คนในรัฐบาลเคยออกมาให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่า ที่ไม่เลื่อน เพราะ นายชัย ยืนยันว่า ไม่ให้เลื่อนการประชุม ซึ่งตนยืนยันว่า ในวันที่ 6 ต.ค.ตนโทรศัพท์หาบุคคลสำคัญในสภา เพื่อถามว่า เมื่อพันธมิตรฯก็มาชุมนุมแล้วประธานจะให้เลื่อนการประชุมหรือไม่ บุคคลสำคัญในสภา ยืนยันว่า นายชัย ไม่มีคำสั่งให้เลื่อนการประชุม แต่ให้ความเห็นว่าเดี๋ยวตำรวจก็จัดการเอง

“นายชัยจะเรียกร้องความสมานฉันท์ได้อย่างไร ในเมื่อเป็นเจ้าภาพให้กับ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ดำเนินคดีกับประชาชนที่บุกไปชุมนุมที่หน้ารัฐสภาในวันนั้น ดังนั้น จากนี้ไปถ้ามีการตั้ง ส.ส.ร.แก้ไข ม.291 ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลโดยแท้ เพราะแม้แต่วุฒิสภาส่วนหนึ่งอย่างน้อย 40 คน ก็แสดงความไม่เห็นด้วยกับการยกร่าง ม.291 ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม หากมีความรับผิดชอบของรัฐบาลเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภา หรือลาออก และมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หากมีการยกร่างรัฐธรรมนูญ ม.291 ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง พรรคก็พร้อมที่จะทบทวนท่าทีของเรา และเข้าร่วมกระบวนการในการแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งในบ้านเมือง แต่นั่นต้องเกิดขึ้นหลังความรับผิดชอบของนายกฯและรัฐบาลแล้ว นี่คือ จุดยืนของพรรคทั้งหมดใน 2 เรื่อง พรรคเห็นว่า กระบวนการ ส.ส.ร.ในขณะนี้ถูกเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเครื่องมือในการอยู่รอดของรัฐบาลไปแล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนรัฐบาลยืนยันที่จะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อโดยไม่สนใจฝ่ายค้าน นายสาทิตย์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังดูคิดว่ารัฐบาลคงจะมีการยกร่าง ม.291 ขึ้นมา และหลังจากนั้น คงจะพยายามผลักดันเข้าประชุมในที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ประกาศว่า เราพร้อมที่จะทำหน้าที่สมาชิกรัฐสภาของเราต่อไป ดังนั้น ถ้าเข้าสู่ที่ประชุมก็คงจะต้องมีท่าทีอื่นๆ ดำเนินการต่อไป แต่ในขณะนี้พรรคยังเห็นว่าถ้าเป็นไปได้เรื่องขบวนการ ส.ส.ร.ควรมาทีหลังจากที่รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งเสียงในสภาก็คงเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องทำไป แต่กระบวนการในการเคลื่อนไหวแนวคิดของพรรคในการที่จะแสดงความไม่เห็นด้วยก็ต้องทำอย่างกว้างขวาง เช่นอาจจะเป็นการให้ความรู้กับประชาชนเพราะเห็นว่าขณะนี้รัฐบาลพยายามออกมาพูดข้างเดียว แต่ตนยังเชื่อว่าแนวคิด ส.ส.ร.3 อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังจากเหตุการณ์ที่ ผบ.เหล่าทัพ ออกมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนนายกฯยังนิ่งเฉย เพราะขนาด ผบ.เหล่าทัพออกมาเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ นายสาทิตย์ ตอบว่า อยากจะถามเหมือนกันว่า นายกฯจะรอให้นองเลือดอีกครั้งหรืออย่างไร กระหายอยากใช้ความรุนแรงกันนักใช่หรือไม่ คนตายไป 2 บาดเจ็บไป 400 กว่าคน แต่ท่านไม่รับผิดชอบอะไรเลย และคนในพรรคพลังประชาชนเองที่บอกว่าต่อไปนี้ต้องก่อสงครามประชาชน ตนอยากถามว่า จากไทยรักไทย ถึง พลังประชาชน ต้องการให้เปลี่ยนแปลงด้วยการนองเลือดใช่หรือไม่ วิธีการประชาธิปไตยท่านไม่ใช้ใช่หรือไม่ นี่คือ คำถามของสังคม

ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ฟังเสียงของ ผบ.เหล่าทัพ ถ้านายกฯ ไม่ทำอะไรจะเกิดอะไรขึ้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่า นั่นเป็นท่าทีประชาธิปไตยที่สุดเท่าที่เกิดขึ้น และรัฐบาลซึ่งอ้างตัวว่าเป็นประชาธิปไตยอย่างน้อยที่สุดต้องฟัง ตนยังเห็นว่ารัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยกรณีของพรรคพลังประชาชนนั้น จะเป็นกรณีแรกของโลกที่เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่ไม่รับผิดชอบอะไรเลย แม้ว่ารัฐบาลตัวเองจะสั่งการให้มีการสลายชุมนุมเกิดคนเจ็บและคนตาย

“อย่างนี้ต้องถือว่าเป็นเชื้อประชาธิปไตยรุ่นใหม่กลายพันธุ์ที่ดื้อยายิ่งกว่าเชื้อเอดส์เสียอีก ก็เลยเกิดคำถามเหมือนกันว่าต้องการให้นองเลือดยิ่งกว่านี้หรืออย่างไรจึงจะยอมเปลี่ยนแปลง”

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนดูความดื้อของรัฐบาลแล้ว มืดมนมาก ถ้ารัฐบาลยังยืนกระต่ายขาเดียวและดื้อต่อไปอย่างนี้ ยากที่จะคาดเดา แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงมากต่อสถานการณ์นี้ จึงเรียกร้องมาตลอดว่า เรายอมทุกอย่างในกรณีที่จะนำไปสู่การแก้วิกฤตจะยุบสภา หรือวิธีการอื่น เราก็พร้อมที่จะสนับสนุนแนวทางเหล่านั้น แต่ต้องเป็นกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นข้อเรียกร้องต่างๆ อยู่บนพื้นฐานของความสำนึกของคนที่เล่นการเมืองตามระบอบ เพราะฉะนั้นเราก็ยังคิดว่าอย่างน้อยที่สุดแรงกดดันมาถึงขนาดนี้แล้ว มันก็ต้องทบทวนกันบ้าง แต่พรรคก็ยังคิดและมองในแง่ดีว่ามาถึงจุดนี้แล้วก็น่าที่จะทบทวนกัน

“ถ้ายังดื้อดึงต่อไปอีก ก็จะเกิดการนองเลือด เพราะการเตรียมคนของอีกฝ่ายที่ประกาศว่าเขาพร้อมทำสงครามประชาชน ผมกลัวว่า เวลาของประเทศจะเหลือน้อยกว่าเวลาของรัฐบาล”
กำลังโหลดความคิดเห็น