“ปลัดกลาโหม” แนะชะลอแก้รัฐธรรมนูญ ลดเงื่อนไขการขัดแย้ง ระบุควรแก้ไขปัญหาให้ประชาชนมากกว่าแก้ปัญหาตัวเอง ค้านแพร่เทป “ทักษิณ” โฟนอิน หวั่นสร้างความสับสน ชี้ “นช.แม้ว” คิดเองได้ควรทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบ ตำหนิภาครัฐเมินให้ความรู้ ปชช. จึงถูกปลุกเร้าได้ง่าย
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 7 พ.ย.ที่วัดชัยพฤกษมาลาราชวรวิหาร พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะมีการสานเสวนาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติว่า หากมีผู้แทนที่ทุกฝ่ายยอมรับคิดว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในขณะนี้ จะเป็นทางออกที่จะแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองที่ดีที่สุด ส่วนกรณีที่มีผู้สนับสนุนให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นตัวกลางในการเจรจานั้น เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ตอบไปแล้วว่าเห็นด้วย แต่ไม่แน่ใจว่า พล.อ.เปรม พร้อมที่จะรับเป็นตัวกลางเจรจาหรือไม่ ซึ่งท่านเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับนับถือน่าจะเป็นตัวกลางได้ ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมจะพยายามหาหนทางออก โดยจะคุยกับ ผบ.เหล่าทัพว่าจะมีแนวทางอีกหรือไม่ที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติให้ยุติลงโดยเร็ว
“คิดว่าขณะนี้การสานเสวนาน่าจะเป็นแนวทางแรก ถ้าไม่มีแนวทางอื่นที่ดีกว่านี้ก็ถือว่าเป็นแนวทางที่ควรจะดำเนินการ ผมเห็นว่าทุกฝ่ายน่าจะหันหน้าเข้าหากัน ถ้าไม่ถอยออกไปบ้างจะไม่เกิดโอกาสที่จะพูดคุยอย่างสันติวิธีได้ ถ้าไม่ลดทิฐิลงมาคงจะเป็นเรื่องยากที่จะนำมาสู่การนั่งโต๊ะเจรจา ซึ่งการนั่งเจรจาไม่ได้หมายถึงยอมแพ้ แต่น่าจะเป็นเรื่องสร้างสรรมากกว่าที่จะหาโอกาสมานั่งคุยกัน ถ้าไม่คุยกันต่างคนต่างพูด ต่างคนต่างคิดจะไม่มีข้อยุติที่เราจะใช้ร่วมกันได้ คิดว่าทุกคนมีเป้าหมายเหมือนกันคือต้องการให้ความสงบสุขเกิดขึ้นในชาติโดยเร็ว” พล.อ.อภิชาต กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายการเมืองพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเสนอกฎหมายเพื่อยกเลิกคำสั่ง คปค.ฉบับที่ 27 ที่ให้ตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคที่ถูกสั่งยุบ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า พวกเราคิดเหมือนกัน แต่ในฐานะที่เป็นบุคลากรในกองทัพ ไม่อาจจะไปก้าวล่วงความคิดของทางฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่าย ส.ส.ที่คิดว่าควรจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ความคิดของพวกเรา คิดว่าน่าจะต้องรอสักระยะหนึ่งให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปแล้วค่อยมาว่ากันอีกที ทุกฝ่ายขณะนี้มองไปที่ตัวเองเป็นหลักมากกว่า และพยายามแก้ไขปัญหาให้กับตัวเอง และพวกพ้องเป็นหลัก
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ถ้ายังเป็นปัญหาขัดแย้ง และยังไม่มีข้อยุติ ยังไม่รู้ว่าจะแก้กันอย่างไร หรือบางคนนำไปบอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นการแก้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มตัวเอง กลุ่มพวกพ้อง ถือว่าไม่ควรจะนำหยิบยกขึ้นมาในขณะนี้ ควรจะหันมาแก้ไขปัญหาของชาติก่อน และลดความเดือดร้อนของประชาชนลงไปให้ได้ให้เร็วที่สุด เพราะถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วน ในขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่ควรได้รับการแก้ไข เพราะมีช่วงว่างระหว่างคนรวย กับคนจนค่อนข้างมาก ดังนั้นควรดูแลปัญหาของประชาชนในระดับรากหญ้า ให้มีสิทธิเดินร่วมกับคนที่มีฐานะดี
เมื่อถามว่า การนำซีดีคำพูดโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการหนีโทษจำคุก มาแจกจ่ายจะยิ่งสร้างปัญหาหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ทุกคนรับทราบการโฟนอินเข้ามาของ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว หากทำแจกจะสิ้นเปลื้องเงิน เพราะประชาชนรับทราบแล้วว่า ท่านพูดอะไรอย่างไรและมีการวิพากษ์วิจารณ์พอสมควรจึงควรยุติได้แล้ว ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามาอีกนั้น คงจะสร้างความสับสนให้กับประชาชนในสังคมพอสมควร
เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นแก่ชาติบ้านเมืองควรหยุดการเคลื่อนไหวใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า คงไปเสนอท่านไม่ได้ ความจริงท่านคิดเองได้ ท่านคิดได้อยู่แล้ว แต่ท่านจะเดินทางไหนเท่านั้นเอง
“ปัญหา คือ ประชาชนยังไม่ได้มีโอกาสเรียนรู้ข้อเท็จจริงเท่าที่ควร ผมไม่ได้ตำหนิประชาชน ผมตำหนิว่าภาครัฐไม่ได้ให้ความรู้กับประชาชนอย่างแท้จริง มัวไปมุ่งที่ประโยชน์ส่วนตนเป็นหลักมากกว่า ดังนั้น ทำให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ครบถ้วน ขณะเดียวกันจากสถานะของท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ค่อยจะดีจะทำให้การปลุกเร้า ปลุกระดมขึ้นมากระทำได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ขณะนี้ประชาชนคนไทยทั้งหมดปลุกเร้าได้ง่ายกว่าสมัยก่อน เพราะขาดข้อมูล ขาดความเข้าใจ และ บางส่วนขาดซึ่งความพึงพอใจ คือ ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้องมาในระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นเมื่อถึงตอนนี้อะไรก็ได้ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลเอาหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ บางส่วนผมคิดว่ารัฐบาลทำถูกต้อง รัฐบาลต้องการเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ประเทศชาติไปรอด แต่ไม่ได้รับการยอมรับ เมื่อไม่ได้รับการยอมรับ การดำเนินการต่างๆ ของรัฐบาลก็ยุ่งยากพอสมควร” ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าว
เมื่อถามว่า กระทรวงกลาโหมจะกวดขันดูแลวิทยุชุมชนในเครือข่ายที่มีการกล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูงอย่างไร พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมได้มีการจัดอบรมวิทยุชุมนุม 4 รุ่นแล้ว เพื่อให้แนวทางความรู้ปลูกฝังอุดมการณ์เพื่อส่วนร่วม ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของวิทยุชุมชน ส่วนวิทยุชุมนุมที่มีการออกอากาศพาดพิงมีจำนวนมากเท่าไหร่ตนไม่ทราบ แต่เท่าที่พูดคุยกับวิทยุชุมชนที่ทางกระทรวงกลาโหมควบคุมดูแลอยู่ไม่มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว ส่วนการควบคุมจะต้องมีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพราะขณะนี้วิทยุชุมชนเป็นช่องว่างที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งทำให้เกิดวิทยุชุมชนที่ไม่ถูกต้องขึ้นมา
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 7 พ.ย.ที่วัดชัยพฤกษมาลาราชวรวิหาร พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะมีการสานเสวนาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติว่า หากมีผู้แทนที่ทุกฝ่ายยอมรับคิดว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในขณะนี้ จะเป็นทางออกที่จะแก้ปัญหาของชาติบ้านเมืองที่ดีที่สุด ส่วนกรณีที่มีผู้สนับสนุนให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นตัวกลางในการเจรจานั้น เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. ตอบไปแล้วว่าเห็นด้วย แต่ไม่แน่ใจว่า พล.อ.เปรม พร้อมที่จะรับเป็นตัวกลางเจรจาหรือไม่ ซึ่งท่านเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับนับถือน่าจะเป็นตัวกลางได้ ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมจะพยายามหาหนทางออก โดยจะคุยกับ ผบ.เหล่าทัพว่าจะมีแนวทางอีกหรือไม่ที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติให้ยุติลงโดยเร็ว
“คิดว่าขณะนี้การสานเสวนาน่าจะเป็นแนวทางแรก ถ้าไม่มีแนวทางอื่นที่ดีกว่านี้ก็ถือว่าเป็นแนวทางที่ควรจะดำเนินการ ผมเห็นว่าทุกฝ่ายน่าจะหันหน้าเข้าหากัน ถ้าไม่ถอยออกไปบ้างจะไม่เกิดโอกาสที่จะพูดคุยอย่างสันติวิธีได้ ถ้าไม่ลดทิฐิลงมาคงจะเป็นเรื่องยากที่จะนำมาสู่การนั่งโต๊ะเจรจา ซึ่งการนั่งเจรจาไม่ได้หมายถึงยอมแพ้ แต่น่าจะเป็นเรื่องสร้างสรรมากกว่าที่จะหาโอกาสมานั่งคุยกัน ถ้าไม่คุยกันต่างคนต่างพูด ต่างคนต่างคิดจะไม่มีข้อยุติที่เราจะใช้ร่วมกันได้ คิดว่าทุกคนมีเป้าหมายเหมือนกันคือต้องการให้ความสงบสุขเกิดขึ้นในชาติโดยเร็ว” พล.อ.อภิชาต กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายการเมืองพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเสนอกฎหมายเพื่อยกเลิกคำสั่ง คปค.ฉบับที่ 27 ที่ให้ตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคที่ถูกสั่งยุบ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า พวกเราคิดเหมือนกัน แต่ในฐานะที่เป็นบุคลากรในกองทัพ ไม่อาจจะไปก้าวล่วงความคิดของทางฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่าย ส.ส.ที่คิดว่าควรจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ความคิดของพวกเรา คิดว่าน่าจะต้องรอสักระยะหนึ่งให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปแล้วค่อยมาว่ากันอีกที ทุกฝ่ายขณะนี้มองไปที่ตัวเองเป็นหลักมากกว่า และพยายามแก้ไขปัญหาให้กับตัวเอง และพวกพ้องเป็นหลัก
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ถ้ายังเป็นปัญหาขัดแย้ง และยังไม่มีข้อยุติ ยังไม่รู้ว่าจะแก้กันอย่างไร หรือบางคนนำไปบอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นการแก้เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มตัวเอง กลุ่มพวกพ้อง ถือว่าไม่ควรจะนำหยิบยกขึ้นมาในขณะนี้ ควรจะหันมาแก้ไขปัญหาของชาติก่อน และลดความเดือดร้อนของประชาชนลงไปให้ได้ให้เร็วที่สุด เพราะถือว่าเป็นปัญหาเร่งด่วน ในขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ที่ควรได้รับการแก้ไข เพราะมีช่วงว่างระหว่างคนรวย กับคนจนค่อนข้างมาก ดังนั้นควรดูแลปัญหาของประชาชนในระดับรากหญ้า ให้มีสิทธิเดินร่วมกับคนที่มีฐานะดี
เมื่อถามว่า การนำซีดีคำพูดโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการหนีโทษจำคุก มาแจกจ่ายจะยิ่งสร้างปัญหาหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ทุกคนรับทราบการโฟนอินเข้ามาของ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว หากทำแจกจะสิ้นเปลื้องเงิน เพราะประชาชนรับทราบแล้วว่า ท่านพูดอะไรอย่างไรและมีการวิพากษ์วิจารณ์พอสมควรจึงควรยุติได้แล้ว ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามาอีกนั้น คงจะสร้างความสับสนให้กับประชาชนในสังคมพอสมควร
เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นแก่ชาติบ้านเมืองควรหยุดการเคลื่อนไหวใช่หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า คงไปเสนอท่านไม่ได้ ความจริงท่านคิดเองได้ ท่านคิดได้อยู่แล้ว แต่ท่านจะเดินทางไหนเท่านั้นเอง
“ปัญหา คือ ประชาชนยังไม่ได้มีโอกาสเรียนรู้ข้อเท็จจริงเท่าที่ควร ผมไม่ได้ตำหนิประชาชน ผมตำหนิว่าภาครัฐไม่ได้ให้ความรู้กับประชาชนอย่างแท้จริง มัวไปมุ่งที่ประโยชน์ส่วนตนเป็นหลักมากกว่า ดังนั้น ทำให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ครบถ้วน ขณะเดียวกันจากสถานะของท่าน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่ค่อยจะดีจะทำให้การปลุกเร้า ปลุกระดมขึ้นมากระทำได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ขณะนี้ประชาชนคนไทยทั้งหมดปลุกเร้าได้ง่ายกว่าสมัยก่อน เพราะขาดข้อมูล ขาดความเข้าใจ และ บางส่วนขาดซึ่งความพึงพอใจ คือ ไม่ได้รับการปฏิบัติที่ถูกต้องมาในระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นเมื่อถึงตอนนี้อะไรก็ได้ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลเอาหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ บางส่วนผมคิดว่ารัฐบาลทำถูกต้อง รัฐบาลต้องการเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ประเทศชาติไปรอด แต่ไม่ได้รับการยอมรับ เมื่อไม่ได้รับการยอมรับ การดำเนินการต่างๆ ของรัฐบาลก็ยุ่งยากพอสมควร” ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าว
เมื่อถามว่า กระทรวงกลาโหมจะกวดขันดูแลวิทยุชุมชนในเครือข่ายที่มีการกล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูงอย่างไร พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมได้มีการจัดอบรมวิทยุชุมนุม 4 รุ่นแล้ว เพื่อให้แนวทางความรู้ปลูกฝังอุดมการณ์เพื่อส่วนร่วม ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของวิทยุชุมชน ส่วนวิทยุชุมนุมที่มีการออกอากาศพาดพิงมีจำนวนมากเท่าไหร่ตนไม่ทราบ แต่เท่าที่พูดคุยกับวิทยุชุมชนที่ทางกระทรวงกลาโหมควบคุมดูแลอยู่ไม่มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าว ส่วนการควบคุมจะต้องมีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพราะขณะนี้วิทยุชุมชนเป็นช่องว่างที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งทำให้เกิดวิทยุชุมชนที่ไม่ถูกต้องขึ้นมา