นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี สั่งให้รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ไม่ต้องลงชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 เพื่อเปิดทางให้มี ส.ส.ร.3 นั้น ความจริงรัฐบาลเป็นคนเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเอง นายกฯจึงควรทำอะไรตรงไปตรงมา และตนยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เพราะสภาเมื่อเหลือเวลาประชุมเพียง 1-2 สัปดาห์ก็ควรเอาเรื่องงบบประมาณกลางปี 1 แสนล้านบาทมาคุยจะดีกว่า เพราะหลายฝ่ายอยากเห็นความชัดเจนในการรองรับปัญหาเศรษฐกิจ
นายกฯใช้วิธีไม่ให้รัฐมนตรีเข้าไปร่วม แล้วบอกว่าไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล จะหลอกใครไม่ได้ ไม่อย่างนั้น หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะประชุมกันทำไม การที่นายกฯ สั่งห้ามอย่างนี้ ก็คงกลัวว่า คนอื่นอาจจะมองว่าทำเพื่อตัวเอง จึงพยายามหลีกเลี่ยงว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแกนนำพรรค หรือรัฐมนตรีแต่ระบบนี้เป็นระบบรัฐสภา ฉะนั้นใครๆ ก็ดูออกว่าเป็นอย่างไร เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะเลี่ยงว่าไม่เกี่ยวข้อง เพราะรัฐบาลเข้าไปทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการล่าชื่อประชาชน 1 หมื่นชื่อเพื่อแก้กฎหมายยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนพ้นผิด ไม่ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีนั้น ถือเป็นสิทธิ์แต่ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และส.ส.ก็ต้องพิจารณาว่ากฎหมายนั้นเหมาะสมหรือไม่ ส่วนที่บอกว่าเสียงส่วนใหญ่ในสภา เป็นของรัฐบาลก็ต้องถามว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลหร้อไม่ ถ้ารัฐบาลบอกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลก็ ต้องพิสูจน์โดยการไม่ให้พรรครัฐบาลสนับสนุน
ส่วนที่นักวิชาการบางคนระบุว่าการตัดสิทธิ์สมาชิกบ้านเลขที่ 111 เป็นการตัดสิทธิ์แบบเหมาเข่งที่ไม่เป็นธรรมนั้น ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ถ้าจะพูดกันในเชิงหลักการ ก็ต้องมาพูดคุยกัน แต่จังหวะเวลาขณะนี้ต้องถามว่าเหมาะสมหรือไม่ แล้วไปถามดูว่า คนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของเศรษฐกิจ อยากเห็นความขัดแย้งจากเรื่องนี้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (7 พ.ย.) ตัวแทนที่อ้างว่าเป็นคณะนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยและสันติ (คปส.) นำโดย นายวรพล พรหมิกบุตร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยลัยรามคำแหง เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยใช้รัฐธรรมนูญปี2540 เป็นต้นแบบ
ด้านพ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีหลายมาตราที่จำเป็นต้องมีการแก้ไข อาทิ มาตรา 190 มาตรา 266 และมาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค
ผมขอเรียนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิ สภา และส.ส.พรรคฝ่ายค้านหลายคนก็เห็นด้วย ซึ่งผมคิดว่า ควรพิจารณาก่อนการปิดประชุมสภา ในช่วงสิ้นเดือน พ.ย.นี้ และหากมีการพิจารณา การแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อไหร่ ผมจะประสานไปยัง ผบ.ทบ. เพื่อขอกำลังจากสารวัตรทหาร เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยสมาชิกรัฐสภา
นายกฯใช้วิธีไม่ให้รัฐมนตรีเข้าไปร่วม แล้วบอกว่าไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล จะหลอกใครไม่ได้ ไม่อย่างนั้น หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะประชุมกันทำไม การที่นายกฯ สั่งห้ามอย่างนี้ ก็คงกลัวว่า คนอื่นอาจจะมองว่าทำเพื่อตัวเอง จึงพยายามหลีกเลี่ยงว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแกนนำพรรค หรือรัฐมนตรีแต่ระบบนี้เป็นระบบรัฐสภา ฉะนั้นใครๆ ก็ดูออกว่าเป็นอย่างไร เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะเลี่ยงว่าไม่เกี่ยวข้อง เพราะรัฐบาลเข้าไปทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการล่าชื่อประชาชน 1 หมื่นชื่อเพื่อแก้กฎหมายยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ให้อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนพ้นผิด ไม่ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีนั้น ถือเป็นสิทธิ์แต่ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และส.ส.ก็ต้องพิจารณาว่ากฎหมายนั้นเหมาะสมหรือไม่ ส่วนที่บอกว่าเสียงส่วนใหญ่ในสภา เป็นของรัฐบาลก็ต้องถามว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลหร้อไม่ ถ้ารัฐบาลบอกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลก็ ต้องพิสูจน์โดยการไม่ให้พรรครัฐบาลสนับสนุน
ส่วนที่นักวิชาการบางคนระบุว่าการตัดสิทธิ์สมาชิกบ้านเลขที่ 111 เป็นการตัดสิทธิ์แบบเหมาเข่งที่ไม่เป็นธรรมนั้น ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ถ้าจะพูดกันในเชิงหลักการ ก็ต้องมาพูดคุยกัน แต่จังหวะเวลาขณะนี้ต้องถามว่าเหมาะสมหรือไม่ แล้วไปถามดูว่า คนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของเศรษฐกิจ อยากเห็นความขัดแย้งจากเรื่องนี้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (7 พ.ย.) ตัวแทนที่อ้างว่าเป็นคณะนักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยและสันติ (คปส.) นำโดย นายวรพล พรหมิกบุตร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยลัยรามคำแหง เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยใช้รัฐธรรมนูญปี2540 เป็นต้นแบบ
ด้านพ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีหลายมาตราที่จำเป็นต้องมีการแก้ไข อาทิ มาตรา 190 มาตรา 266 และมาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค
ผมขอเรียนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิ สภา และส.ส.พรรคฝ่ายค้านหลายคนก็เห็นด้วย ซึ่งผมคิดว่า ควรพิจารณาก่อนการปิดประชุมสภา ในช่วงสิ้นเดือน พ.ย.นี้ และหากมีการพิจารณา การแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อไหร่ ผมจะประสานไปยัง ผบ.ทบ. เพื่อขอกำลังจากสารวัตรทหาร เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยสมาชิกรัฐสภา
