เมืองไทยจ๋า
เธอไปกินดีหมีมาจากที่ไหน จึงได้ดุถึงปานนั้น เธอถามมาฉันก็ตอบไปดีๆ เรื่องไหนเธอไม่อยากเห็นด้วย ฉันจะไปว่าอะไรเธอ จนป่านนี้ เธอยังไม่เชื่ออีกหรือว่า ความแตกต่างทางชนชั้นนั้นไม่มีความหมายอะไรนักในเมืองไทย
เธอไม่เชื่อหรือว่าคนละชนชั้นก็มีความคิดเหมือนกันได้ ตัวอย่างเช่น เรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ เป็นต้น
ป่านนี้ เธอยังไม่เชื่ออีกหรือว่า เธอกับฉัน เราเท่าเทียมกัน อยู่ใต้กฎความถ่วงของโลกและความเป็นอนิจจังเท่าๆ กัน ถ้าฉันเลือกเกิดได้ ฉันจะไปเกิดเป็นลูกชาวนาแทนเธอ แล้วให้เธอมาเกิดแทนฉัน เราจะได้ไม่ต้องพลัดพรากจากกันเหมือนในชาตินี้
เธอคิดมากไปเอง ไม่จริงหรือที่ลูกชาวนานับไม่ถ้วนได้เป็นเสนาบดี เป็นเขยเจ้าทั้งที่เป็นเจ้าจริงและเจ้าสัว เพื่อนเธอก็มีตั้งหลายคน ทำไมเธอจึงจะต้องดื้อดึงรอไปถึงชาติหน้า
การเมืองเลวต่างหาก หาใช่ชนชั้นไม่ ที่ทำให้คนแบ่งฝ่ายยกพวกห้ำหั่นฆ่าฟันกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือ การเมืองไทยในเงื้อมมือพรรคพลังประชาชน ภายใต้อุ้งเท้าของพ.ต.ท.ทักษิณนี่เอง
ความคิดของเมืองไทยกับฉันตรงนี้ก็ไม่ต่างกันเลย พวกเราไม่อยากอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนไทย และไม่ยอมให้การเมืองระบบพรรคเดียวของทักษิณ มาหลอกลวงปูทางไปสู่ความสำเร็จของมันได้ง่ายๆ ใช่ไหม
เมืองไทยที่รัก ฉันไม่โกรธเธอหรอกที่ทำนายว่า ระบอบทักษิณจะชนะ แต่ฉันใจหาย ยิ่งฉันได้อ่านบทวิเคราะห์ของอาจารย์ใน “ผู้จัดการออนไลน์” วันที่ 24 ตุลาคม 2549 แล้ว ฉันก็ยิ่งเศร้าใจ
ฉันเห็นว่า กองทัพกับรัฐบาล คมช.และกองทัพกับรัฐบาลปัจจุบัน ล้วนแต่บกพร่องต่อหน้าที่อย่างรุนแรง ในการปล่อยให้สถาบันกษัตริย์และองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถูกคุกคามอยู่เป็นประจำวัน แม้แต่ในเว็บของรัฐบาลก็ไม่วาย
ฉันได้แต่สวดมนต์อ้อนวอน ขออย่าให้คำทำนายของเมืองไทยเป็นความจริงเลย สาธุ
เมืองไทยจ๋า เราอย่ามัวต่อล้อต่อเถียงกันเลย มาร่วมกันคิดอ่านต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสถาบันจะดีกว่า ที่เธออธิบายความเป็นมาของการเมืองไทย จนกระทั่งเกิดวิกฤต ทำให้เธอห่วงว่าบ้านเมืองจะนองเลือดนั้น ฉันเห็นด้วยทุกอย่าง ฉันอยากให้เธอหรือใครก็ได้ โดยเฉพาะสื่อและนักวิชาการ รวบรวมสถิติ ข้อมูลและหลักฐานที่มีอยู่มาประกอบคำอธิบาย และเผยแพร่ออกไปให้ประชาชนได้เปิดหูเปิดตา รู้เห็นความเป็นจริงเสียที
ที่เธอเขียนมาว่า “บรรดาโมฆบุรุษและโมฆสตรีในรัฐบาล ในสภาฯ และในระบบราชการทั้งหลายรวมทั้ง นปก.- นปช.ล้วนแต่เป็นขี้หมูไหลพวกเดียวกันทั้งสิ้น” เขียนแบบนี้ บางทีชาวบ้านเขาอาจจะไม่รู้ว่ามีใครบ้างก็ได้
เมืองไทยจ๋า ฉันไม่อยากค่อนขอดเลยนะ ว่าเธอ สื่อ และนักวิชาการใช้ภาษาเหมือนกันแบบนี้ ทำให้ชาวบ้านไม่รู้ว่าใครเป็นใครดีเลวอย่างไร
ที่จริง เราควรจะเขียนว่า ผู้นำของพรรคไทยรักไทย รวมทั้งหลายคนใน 111 กรรมการบริหารฝืนคำสั่งยุบพรรคและห้ามเล่นการเมือง เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ นายเนวิน ชิดชอบ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ฯลฯ ก็ดี บรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมชาย พล.ต.อ.โกวิทย์ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ดี หรือนายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร พรมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวีระ มุสิกพงศ์ หรือนายขวัญชัย ไพรพนา ก็ดี ล้วนเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนด้วยกัน ที่ผลัดกันทำหน้าที่ บางครั้งก็ใน บางครั้งก็นอกรัฐบาลหรือสภาฯ บางครั้งทำตัวเป็นสื่อ บางครั้งทำตัวเป็น นปก.หรือ นปช.หรือเป็นผู้นำอันธพาลการเมืองที่สมคบกับตำรวจทำการข่มขู่และเข่นฆ่าประชาชนและสมคบกันจาบจ้วงพระมหากษัตริย์และสถาบันที่สนามหลวง ในวิทยุชุมชน ในสิ่งพิมพ์ และในเว็บไซต์เป็นร้อยเป็นพันด้วยกันทั้งนั้น
อยากถามกองทัพและทุกคนที่อ้างว่าเป็นกลางนั้นว่า ไม่รู้หรือว่าความเป็นกลางระหว่างสถาบันกับระบอบทักษิณนั้นหมายความว่าอย่างไร
ทำเป็นงงงวย ปากว่าตาขยิบเป็นกลาง ที่แท้เป็นสมุนรับใช้ทักษิณ คณะเดียวกันทั้งสิ้น
ตั้งแต่หัวแถว คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายชัย ชิดชอบ แม่ทัพนายกอง ลงมาถึงไอ้กุ๊ยหางแถวคนสุดท้าย ไม่มียกเว้น!
เมืองไทยที่รัก เธอได้ยินเรื่องคลิปอื้อฉาวหรือยัง ป่านนี้อาจจะระบาดไปทั่วโลก และหนังสือพิมพ์แทบบลอยด์ของอังกฤษอาจลงแล้วก็ได้ ฉันขอส่งต่อคลิปที่ได้รับมาให้เธอ คือ " คลิปสมชาย เผื่อใครอยากดูซ้ำ http://www.youtube.com/watch?v=LY3vWR4Ol0
คลิปนี้สำแดงภาวะทางศีลธรรมและมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้นำการเมืองไทยอย่างล่อนจ้อน ถ้าผู้ชายที่พาสาวผลัดกันไปกินข้าว เข้าโรงแรมม่านรูด หนีงานไปชอปปิ้งนี้ คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เธอจะว่าอย่างไร อย่าเอามาตรฐานบางๆ ของต่างประเทศมาเทียบเชียวนะ
ของเรามันโคตรด้านทุกตัว ทั้งพรรค ทั้งรัฐบาล
เมื่อถูกสื่อและฝ่ายค้านถาม สมชายเงียบเป็นเป่าสาก
ที่ไม่เงียบเหมือนปากสมชาย ก็คือ เสียงลูกระเบิดและปืนกลที่ยิงฝ่าเข้าไปในที่ชุมนุมพันธมิตรฯ ในเวลาตีสามของคืนที่คลิปนั้นถูกนำมาเปิดเผยบนเวทีพันธมิตรฯ วันที่ 29 ตุลาคม เดชะบุญที่ไม่มีใครเสียชีวิต
ในคืนเดียวกัน มีผู้ขับมอเตอร์ไซค์ไปโยนระเบิดใส่บ้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินว่ารัฐบาลทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ฐานไปทำหนังสือยกอำนาจเหนือเขาพระวิหารให้เขมรและอีกไม่กี่วันนี้ ก็จะพิพากษาคดียุบพรรคพลังประชาชน ชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย
ไม่กี่วันก่อนนี้ บ้านของดร.อักขราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองสูงสุดก็โดนแบบเดียวกัน เป็นระเบิดอานุภาพสูง ทั้งนี้เพราะศาลปกครองสั่งคุ้มครองผู้มาชุมนุมในทำเนียบ มิให้ตำรวจใช้ความรุนแรงเกินเหตุ สาเหตุเพราะตำรวจเคยรุมทำร้าย รื้อถอนเวทีและเต็นท์ที่พักพันธมิตรฯ ที่มัฆวาน โดยกระทำเกินเหตุและผิดขั้นตอนกฎหมายโดยสิ้นเชิง
ฉันเศร้าใจเกินกว่าที่จะเล่ารายละเอียดโศกนาฎกรรมวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ได้ วันนั้นตำรวจเข่นฆ่าประชาชน ทำให้บาดเจ็บหลายร้อยและเสียชีวิตสองคน
เธอคงเห็นข่าวสมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จฯ งานศพน้องโบว์หรืออังคณา ระดับปัญญาวุฒิ และอดีตนายกฯ อานันท์ ปันยารชุนไปเป็นประธานพระราชทานเพลิงศพสารวัตรจ๊าบบ่ายวันรุ่งขึ้น ฉันแนบวิดีโอมาให้เธอ 200 แผ่นเพื่อแจกจ่ายกันดูให้ทั่ว
เมืองไทยจ๋า น่ากลัวไหม ไม่มีใครยอมเชื่อตำรวจหรอกว่า นี่เป็นฝีมือของนักสร้างสถานการณ์
รัฐบาลนี้นอกจากจะคุ้มครองประชาชนไม่ได้แล้ว ยังเป็นผู้เข่นฆ่าประชาชนเสียเอง แม้แต่ผู้พิพากษาในพระปรมาภิไธยพระเจ้าอยู่หัวแท้ๆ ยังไม่พ้นการคุกคามของอันธพาลการเมืองผู้ครองอำนาจรัฐ
เมืองไทยที่รัก ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างระบอบกษัตริย์ประชาธิปไตยและระบอบทักษิณในสถานการณ์เยี่ยงนี้ คำว่าเป็นกลางและสมานฉันท์ยังจะเป็นไปได้อยู่หรือ
ฉบับหน้า ฉันจะเล่าเรื่องคณะสานเสวนา ผู้ฝันหาความเป็นกลางและการเจรจา นำด้วย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ดร.โคทม อารียา นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ กับพรรคพวกทั่วอาณาจักรไทย (ขอโทษนะจ๊ะ ตกคำว่าราชข้างหน้าไป) กับคณะผู้เห็นต่าง คือ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ดร.สมศักดิ์ ชูโต ดร.วิชัย ตันศิริ และพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
หวังว่าเธอคงจะรอไหวนะ ที่รัก
เมืองไทยจ๋า คิดถึงเมืองไทยจังเลย
รมณีย์
31 ตุลาคม 2551
เธอไปกินดีหมีมาจากที่ไหน จึงได้ดุถึงปานนั้น เธอถามมาฉันก็ตอบไปดีๆ เรื่องไหนเธอไม่อยากเห็นด้วย ฉันจะไปว่าอะไรเธอ จนป่านนี้ เธอยังไม่เชื่ออีกหรือว่า ความแตกต่างทางชนชั้นนั้นไม่มีความหมายอะไรนักในเมืองไทย
เธอไม่เชื่อหรือว่าคนละชนชั้นก็มีความคิดเหมือนกันได้ ตัวอย่างเช่น เรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ เป็นต้น
ป่านนี้ เธอยังไม่เชื่ออีกหรือว่า เธอกับฉัน เราเท่าเทียมกัน อยู่ใต้กฎความถ่วงของโลกและความเป็นอนิจจังเท่าๆ กัน ถ้าฉันเลือกเกิดได้ ฉันจะไปเกิดเป็นลูกชาวนาแทนเธอ แล้วให้เธอมาเกิดแทนฉัน เราจะได้ไม่ต้องพลัดพรากจากกันเหมือนในชาตินี้
เธอคิดมากไปเอง ไม่จริงหรือที่ลูกชาวนานับไม่ถ้วนได้เป็นเสนาบดี เป็นเขยเจ้าทั้งที่เป็นเจ้าจริงและเจ้าสัว เพื่อนเธอก็มีตั้งหลายคน ทำไมเธอจึงจะต้องดื้อดึงรอไปถึงชาติหน้า
การเมืองเลวต่างหาก หาใช่ชนชั้นไม่ ที่ทำให้คนแบ่งฝ่ายยกพวกห้ำหั่นฆ่าฟันกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือ การเมืองไทยในเงื้อมมือพรรคพลังประชาชน ภายใต้อุ้งเท้าของพ.ต.ท.ทักษิณนี่เอง
ความคิดของเมืองไทยกับฉันตรงนี้ก็ไม่ต่างกันเลย พวกเราไม่อยากอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนไทย และไม่ยอมให้การเมืองระบบพรรคเดียวของทักษิณ มาหลอกลวงปูทางไปสู่ความสำเร็จของมันได้ง่ายๆ ใช่ไหม
เมืองไทยที่รัก ฉันไม่โกรธเธอหรอกที่ทำนายว่า ระบอบทักษิณจะชนะ แต่ฉันใจหาย ยิ่งฉันได้อ่านบทวิเคราะห์ของอาจารย์ใน “ผู้จัดการออนไลน์” วันที่ 24 ตุลาคม 2549 แล้ว ฉันก็ยิ่งเศร้าใจ
ฉันเห็นว่า กองทัพกับรัฐบาล คมช.และกองทัพกับรัฐบาลปัจจุบัน ล้วนแต่บกพร่องต่อหน้าที่อย่างรุนแรง ในการปล่อยให้สถาบันกษัตริย์และองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถูกคุกคามอยู่เป็นประจำวัน แม้แต่ในเว็บของรัฐบาลก็ไม่วาย
ฉันได้แต่สวดมนต์อ้อนวอน ขออย่าให้คำทำนายของเมืองไทยเป็นความจริงเลย สาธุ
เมืองไทยจ๋า เราอย่ามัวต่อล้อต่อเถียงกันเลย มาร่วมกันคิดอ่านต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสถาบันจะดีกว่า ที่เธออธิบายความเป็นมาของการเมืองไทย จนกระทั่งเกิดวิกฤต ทำให้เธอห่วงว่าบ้านเมืองจะนองเลือดนั้น ฉันเห็นด้วยทุกอย่าง ฉันอยากให้เธอหรือใครก็ได้ โดยเฉพาะสื่อและนักวิชาการ รวบรวมสถิติ ข้อมูลและหลักฐานที่มีอยู่มาประกอบคำอธิบาย และเผยแพร่ออกไปให้ประชาชนได้เปิดหูเปิดตา รู้เห็นความเป็นจริงเสียที
ที่เธอเขียนมาว่า “บรรดาโมฆบุรุษและโมฆสตรีในรัฐบาล ในสภาฯ และในระบบราชการทั้งหลายรวมทั้ง นปก.- นปช.ล้วนแต่เป็นขี้หมูไหลพวกเดียวกันทั้งสิ้น” เขียนแบบนี้ บางทีชาวบ้านเขาอาจจะไม่รู้ว่ามีใครบ้างก็ได้
เมืองไทยจ๋า ฉันไม่อยากค่อนขอดเลยนะ ว่าเธอ สื่อ และนักวิชาการใช้ภาษาเหมือนกันแบบนี้ ทำให้ชาวบ้านไม่รู้ว่าใครเป็นใครดีเลวอย่างไร
ที่จริง เราควรจะเขียนว่า ผู้นำของพรรคไทยรักไทย รวมทั้งหลายคนใน 111 กรรมการบริหารฝืนคำสั่งยุบพรรคและห้ามเล่นการเมือง เช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพียงเกษ นายเนวิน ชิดชอบ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ฯลฯ ก็ดี บรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมชาย พล.ต.อ.โกวิทย์ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ดี หรือนายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร พรมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวีระ มุสิกพงศ์ หรือนายขวัญชัย ไพรพนา ก็ดี ล้วนเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนด้วยกัน ที่ผลัดกันทำหน้าที่ บางครั้งก็ใน บางครั้งก็นอกรัฐบาลหรือสภาฯ บางครั้งทำตัวเป็นสื่อ บางครั้งทำตัวเป็น นปก.หรือ นปช.หรือเป็นผู้นำอันธพาลการเมืองที่สมคบกับตำรวจทำการข่มขู่และเข่นฆ่าประชาชนและสมคบกันจาบจ้วงพระมหากษัตริย์และสถาบันที่สนามหลวง ในวิทยุชุมชน ในสิ่งพิมพ์ และในเว็บไซต์เป็นร้อยเป็นพันด้วยกันทั้งนั้น
อยากถามกองทัพและทุกคนที่อ้างว่าเป็นกลางนั้นว่า ไม่รู้หรือว่าความเป็นกลางระหว่างสถาบันกับระบอบทักษิณนั้นหมายความว่าอย่างไร
ทำเป็นงงงวย ปากว่าตาขยิบเป็นกลาง ที่แท้เป็นสมุนรับใช้ทักษิณ คณะเดียวกันทั้งสิ้น
ตั้งแต่หัวแถว คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายชัย ชิดชอบ แม่ทัพนายกอง ลงมาถึงไอ้กุ๊ยหางแถวคนสุดท้าย ไม่มียกเว้น!
เมืองไทยที่รัก เธอได้ยินเรื่องคลิปอื้อฉาวหรือยัง ป่านนี้อาจจะระบาดไปทั่วโลก และหนังสือพิมพ์แทบบลอยด์ของอังกฤษอาจลงแล้วก็ได้ ฉันขอส่งต่อคลิปที่ได้รับมาให้เธอ คือ " คลิปสมชาย เผื่อใครอยากดูซ้ำ http://www.youtube.com/watch?v=LY3vWR4Ol0
คลิปนี้สำแดงภาวะทางศีลธรรมและมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้นำการเมืองไทยอย่างล่อนจ้อน ถ้าผู้ชายที่พาสาวผลัดกันไปกินข้าว เข้าโรงแรมม่านรูด หนีงานไปชอปปิ้งนี้ คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เธอจะว่าอย่างไร อย่าเอามาตรฐานบางๆ ของต่างประเทศมาเทียบเชียวนะ
ของเรามันโคตรด้านทุกตัว ทั้งพรรค ทั้งรัฐบาล
เมื่อถูกสื่อและฝ่ายค้านถาม สมชายเงียบเป็นเป่าสาก
ที่ไม่เงียบเหมือนปากสมชาย ก็คือ เสียงลูกระเบิดและปืนกลที่ยิงฝ่าเข้าไปในที่ชุมนุมพันธมิตรฯ ในเวลาตีสามของคืนที่คลิปนั้นถูกนำมาเปิดเผยบนเวทีพันธมิตรฯ วันที่ 29 ตุลาคม เดชะบุญที่ไม่มีใครเสียชีวิต
ในคืนเดียวกัน มีผู้ขับมอเตอร์ไซค์ไปโยนระเบิดใส่บ้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินว่ารัฐบาลทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ฐานไปทำหนังสือยกอำนาจเหนือเขาพระวิหารให้เขมรและอีกไม่กี่วันนี้ ก็จะพิพากษาคดียุบพรรคพลังประชาชน ชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย
ไม่กี่วันก่อนนี้ บ้านของดร.อักขราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองสูงสุดก็โดนแบบเดียวกัน เป็นระเบิดอานุภาพสูง ทั้งนี้เพราะศาลปกครองสั่งคุ้มครองผู้มาชุมนุมในทำเนียบ มิให้ตำรวจใช้ความรุนแรงเกินเหตุ สาเหตุเพราะตำรวจเคยรุมทำร้าย รื้อถอนเวทีและเต็นท์ที่พักพันธมิตรฯ ที่มัฆวาน โดยกระทำเกินเหตุและผิดขั้นตอนกฎหมายโดยสิ้นเชิง
ฉันเศร้าใจเกินกว่าที่จะเล่ารายละเอียดโศกนาฎกรรมวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ได้ วันนั้นตำรวจเข่นฆ่าประชาชน ทำให้บาดเจ็บหลายร้อยและเสียชีวิตสองคน
เธอคงเห็นข่าวสมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จฯ งานศพน้องโบว์หรืออังคณา ระดับปัญญาวุฒิ และอดีตนายกฯ อานันท์ ปันยารชุนไปเป็นประธานพระราชทานเพลิงศพสารวัตรจ๊าบบ่ายวันรุ่งขึ้น ฉันแนบวิดีโอมาให้เธอ 200 แผ่นเพื่อแจกจ่ายกันดูให้ทั่ว
เมืองไทยจ๋า น่ากลัวไหม ไม่มีใครยอมเชื่อตำรวจหรอกว่า นี่เป็นฝีมือของนักสร้างสถานการณ์
รัฐบาลนี้นอกจากจะคุ้มครองประชาชนไม่ได้แล้ว ยังเป็นผู้เข่นฆ่าประชาชนเสียเอง แม้แต่ผู้พิพากษาในพระปรมาภิไธยพระเจ้าอยู่หัวแท้ๆ ยังไม่พ้นการคุกคามของอันธพาลการเมืองผู้ครองอำนาจรัฐ
เมืองไทยที่รัก ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างระบอบกษัตริย์ประชาธิปไตยและระบอบทักษิณในสถานการณ์เยี่ยงนี้ คำว่าเป็นกลางและสมานฉันท์ยังจะเป็นไปได้อยู่หรือ
ฉบับหน้า ฉันจะเล่าเรื่องคณะสานเสวนา ผู้ฝันหาความเป็นกลางและการเจรจา นำด้วย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ดร.โคทม อารียา นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ กับพรรคพวกทั่วอาณาจักรไทย (ขอโทษนะจ๊ะ ตกคำว่าราชข้างหน้าไป) กับคณะผู้เห็นต่าง คือ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ดร.สมศักดิ์ ชูโต ดร.วิชัย ตันศิริ และพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
หวังว่าเธอคงจะรอไหวนะ ที่รัก
เมืองไทยจ๋า คิดถึงเมืองไทยจังเลย
รมณีย์
31 ตุลาคม 2551