นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงภายหลังการประชุม กกต.ว่า ที่ประชุมพิจาณากรณีที่ที่ นายสมบัติ รัตโน ร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง นายศุภชัย ศรีหล้า นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.จ.อุบลราชธานี เขต 1 นาย วิทวัส พันธ์นิกุล อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุบลฯ เขต 1 ซึ่งไม่ได้รับเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ และ นาย วิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 4 รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อกล่าวหาให้ทรัพย์สินหรือสิ่งของที่เป็นบัตรภาพยนตร์ซึ่งอาจคำนวณ เป็นเงินได้ และทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่างๆ โดยที่ประชุม มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 เห็นควรให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) นายวิทวัส ตามมาตรา 236 (5) และ (6) ของรัฐธรรมนูญปี 2550 และมาตรา 111 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว.ปี 2550
นอกจากนี้ กกต.ยังมีมติสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) ส.ส.เขต 1 จ.อุบลราชธานี แทนนายศุภชัย และนายวุฒิพงษ์ ส่วนคำร้องของนายวิฑูรย์ ในเรื่อง แจกตั๋วหนังและจัดมหรสพนั้น กกต.มีมติเอกฉันท์ให้ยกคำร้องคัดค้านในส่วน ที่เกี่ยวข้องกับนายวิฑูรย์ เนื่องจากการสืบสวนสอบสวนไม่พบพยานหลักฐานหาความสัมพันธ์ที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ถูกร้องคัดค้านได้ ประกอบกับกฎหมายไม่เปิดช่อง เอื้ออำนวยสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.สัดส่วน หลัง กกต. ประกาศผลเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักวินิจฉัยและคดีทำความเห็น และยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อวินิจฉัยตามมาตรา 239 ตามรัฐธรรมนูญปี 2550
ผู้สื่อข่าวถามว่าการยกคำร้องนายวิฑุรย์ จะสามารถชี้แจงต่อสังคมได้หรือไม่ นายสุทธิพลกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวสามารถตอบคำถามประชาชนได้ เพราะในหลายๆ ประเด็นที่มีข้อกังขา ทั้งเรื่องกรรมการสอบสวนระดับจังหวัดที่มีนามสกุลเดียวกับนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ นั้น กกต.ได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการสอบสวน อีกทั้งเมื่อมีการร้องให้ กกต.สอบเพิ่มอีก กกต.ก็ได้สั่งให้สอบตามที่ร้อง ซึ่งจะเห็นว่า กกต. ได้มีการเยียวยาตามที่ขอ และดำเนินการให้ไปตามกฎกติกากระบวนการกฎหมาย ทุกอย่าง และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายด้วย
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กรณีของ นายวิฑูรย์ ที่กกต.มีมติเอกฉันท์ยกคำร้องนั้นเนื่องจากในการสอบสวนพบว่าการแจกบัตรชมภาพยนตร์ของโรงหนังเนวาด้านั้น เนื่องจากไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คนมีส่วนรู้เห็นในการแจกบัตรดังกล่าวด้วย เพราะการแจกบัตรของโรงหนังดังกล่าวมีการดำเนินการกิจกรรมนี้ต่อเนื่องมากนานแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนของ นายวิทวัส พันธ์นิกุล ซึ่งเป็นลูกของเจ้าของโรงหนังนั้น กกต. ได้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
ในขณะที่ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ในเขต 1 ทั้งสองคนคือนายศุภชัย และนายวุฒิพงษ์ และนายวิฑูรย์ ในฐานะส.ส.ระบบสัดส่วน ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่ารู้เห็นกับการแจกบัตรดังกล่าว แต่ กกต.เห็นว่าเป็นผู้ได้รับประโยชน์ในการแจกตั๋วหนังนี้ เนื่องจากในการสอบสวนพบว่า พยาน 2-3 คนก็ยังให้ปากคำว่าสามารถที่จะนำตั๋วดังกล่าวไปแลกบัตรชมภาพยนตร์ได้อยู่ เพราะฉะนั้นถือว่า ทั้ง 3คนได้รับประโยชน์จาก การกระทำดังกล่าว และทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต กกต.จึงสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ใน เขตดังกล่าว 2 คน ในขณะที่นายวิฑูรย์ นั้นเนื่องจากเป็น ส.ส.ในระบบสัดส่วน กฎหมาย ไม่เปิดช่องให้สามารถที่จะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ (ใบเหลือง) ที่ประชุมจึงมติเอกฉันท์ยกคำร้องกรณีนายวิฑูรย์
กรณีของนายวิฑูรย์ นั้นหากเป็นส.ส.เขตก็จะได้ใบเหลือง แต่เมื่อไปดูรัฐธรรมนูญ มาตรา 109 หรือกฎหมายการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. 2550 ในมาตรา 110 และมาตรา 111 ที่ระบุว่าก่อน กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง หากพบว่า การเลือกตั้งไม่สุจริตในกรณีส.ส.สัดส่วนให้ กกต.นำคะแนนเฉพาะในเขตเลือกตั้งนั้นมาหักได้ ในขณะที่หลังจาก กกต.รับรองผลไปแล้วหากพบการกระทำผิด กรณีของ ส.ส.สัดส่วนไม่ได้มีการบัญญัติไว้ ขณะเดียวกันในเรื่องนี้ กกต.เองก็ได้มีการเรียกคะแนนของการเลือกตั้งส.ส.สัดส่วนในเขต 1 ซึ่งเป็นเขตที่มีการกระทำผิดมาดูก็พบว่า มีคะแนนห่างกันมากถึงแม้จะหักคะแนนแล้วก็ยังชนะ เพราะฉะนั้นหากจะหักก็ไม่ส่งผล กระทบต่อลำดับคะแนนนายวิฑูรย์ก็จะยังได้รับการเลือกตั้ง ที่ประชุมจึงได้มีมติ ยกคำร้อง ซึ่งกรณีนี้ต่างจากกรณีของนายยงยุทธ์ที่กกต.มีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและศาลฎีกาก็ได้พิจารณาและให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามที่กกต.เสนอ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.จะเสนอแก้กฎหมายหรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ ของกกต.ที่จะไปเสนอแก้ ต้องไปถามส.ส.ที่อยู่ในสภา ว่าจะเอาด้วยหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่าส.ส.ก็คงไม่เอาด้วยเพราะตัวเองจะเสียประโยชน์
ส่วนนางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ตนได้ลงมติ ให้ใบแดงไปทั้ง 4 คนเลยโดยเป็นส.ส. 3 คน และอีก 1 คน เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการหาเสียงคราวเดียวกันและวาระเดียวกัน เมื่อเขาผิดแล้วก็ต้องรับผิดเหมือนกัน
กรณีของคุณวิฑูรย์ ถ้าเขาไม่ได้รับใบขาวหรือยกคำร้อง ก็ต้องได้รับใบแดงเท่านั้น จะให้คุณวิฑูรย์ได้รับใบเหลืองไม่ได้ เพราะเป็นส.ส.แบบสัดส่วน โดยสภาพของการเป็นส.ส.แบบสัดส่วน จะให้มาจัดการเลือกตั้งใหม่ไม่ได้อยู่แล้ว นางสดศรีกล่าวพร้อมเผยว่า นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ได้ยกคำร้องทั้งหมด
ด้านนายวิฑูรย์ นามบุตร กล่าวว่า พรรคพร้อมรับคำวินิจฉัยของ กกต. อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ได้ผ่านการตรวจสอบจาก กกต.จังหวัดและ อนุกรรมการของ กกต.ท ั้ง 2 ชุดแล้วโดยให้ยกคำร้อง แต่ กกต.ชุดใหญ่ได้พิจารณาเพิ่มเติม ตามที่นายสมบัติ รัตโน ร้องขอให้มีการสอบพยานเพิ่มเติมอีก 7 ปาก ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ทราบข้อมูลข้อเท็จจริงที่พยานเพิ่มเติมทั้ง 7 ปากได้ให้ข้อมูลอะไร ในภายหลัง และทราบมาว่ามีเพียง 4 ปากเท่านั้นที่ได้ให้ข้อมูบกับกกต. ซึ่งหาก พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้ข้อมูลกับ กกต.เพิ่มเติมในรอบหลังเชื่อว่าปัญหาจะไม่เกิดขึ้น เพราะพรรคมีข้อมูลเอกสาร และพยานที่จะมาต่อสู้ได้ แต่กกต.ก็ไม่ได้เรียกตนและส.ส.ไปชี้แจง ดังนั้น เมื่อกกต.วินิจฉัยออกมาแล้วพรรคก็พร้อมนำพยานหลักฐาน ไปต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาฯต่อไป เพื่อพิสูจน์ความเป็นธรรม ซึ่งเชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรมกับพรรคประชาธิปัตย์
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ขณะนี้ส.ส.ทั้ง 2 คนที่ถูก กกต.วินิจฉัยให้ใบเหลือง ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า กกต.จะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลานานถึง 2-3 เดือน และหลังจากที่ศาลรับเรื่องไว้วินิจฉัยก็ยังถือว่าทั้ง 2 คนยังเป็นส.ส.อยู่ แต่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยจนได้ข้อยุติ
นายวิฑูรย์ กล่าวด้วยว่า คดีดังกล่าวตนได้ฟ้องนายสมบัติต่อศาลอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งศาลได้ประทับรับฟ้อง เป็นคดีดำ และจะเรียกไต่สวนพยานทั้ง 2 ฝ่ายในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ซึ่งการที่ศาลรับฟ้องแสงว่าคดีมีมูล
นอกจากนี้ กกต.ยังมีมติสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) ส.ส.เขต 1 จ.อุบลราชธานี แทนนายศุภชัย และนายวุฒิพงษ์ ส่วนคำร้องของนายวิฑูรย์ ในเรื่อง แจกตั๋วหนังและจัดมหรสพนั้น กกต.มีมติเอกฉันท์ให้ยกคำร้องคัดค้านในส่วน ที่เกี่ยวข้องกับนายวิฑูรย์ เนื่องจากการสืบสวนสอบสวนไม่พบพยานหลักฐานหาความสัมพันธ์ที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ถูกร้องคัดค้านได้ ประกอบกับกฎหมายไม่เปิดช่อง เอื้ออำนวยสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.สัดส่วน หลัง กกต. ประกาศผลเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักวินิจฉัยและคดีทำความเห็น และยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อวินิจฉัยตามมาตรา 239 ตามรัฐธรรมนูญปี 2550
ผู้สื่อข่าวถามว่าการยกคำร้องนายวิฑุรย์ จะสามารถชี้แจงต่อสังคมได้หรือไม่ นายสุทธิพลกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวสามารถตอบคำถามประชาชนได้ เพราะในหลายๆ ประเด็นที่มีข้อกังขา ทั้งเรื่องกรรมการสอบสวนระดับจังหวัดที่มีนามสกุลเดียวกับนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ นั้น กกต.ได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการสอบสวน อีกทั้งเมื่อมีการร้องให้ กกต.สอบเพิ่มอีก กกต.ก็ได้สั่งให้สอบตามที่ร้อง ซึ่งจะเห็นว่า กกต. ได้มีการเยียวยาตามที่ขอ และดำเนินการให้ไปตามกฎกติกากระบวนการกฎหมาย ทุกอย่าง และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายด้วย
นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กรณีของ นายวิฑูรย์ ที่กกต.มีมติเอกฉันท์ยกคำร้องนั้นเนื่องจากในการสอบสวนพบว่าการแจกบัตรชมภาพยนตร์ของโรงหนังเนวาด้านั้น เนื่องจากไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่า ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คนมีส่วนรู้เห็นในการแจกบัตรดังกล่าวด้วย เพราะการแจกบัตรของโรงหนังดังกล่าวมีการดำเนินการกิจกรรมนี้ต่อเนื่องมากนานแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนของ นายวิทวัส พันธ์นิกุล ซึ่งเป็นลูกของเจ้าของโรงหนังนั้น กกต. ได้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
ในขณะที่ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ในเขต 1 ทั้งสองคนคือนายศุภชัย และนายวุฒิพงษ์ และนายวิฑูรย์ ในฐานะส.ส.ระบบสัดส่วน ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่ารู้เห็นกับการแจกบัตรดังกล่าว แต่ กกต.เห็นว่าเป็นผู้ได้รับประโยชน์ในการแจกตั๋วหนังนี้ เนื่องจากในการสอบสวนพบว่า พยาน 2-3 คนก็ยังให้ปากคำว่าสามารถที่จะนำตั๋วดังกล่าวไปแลกบัตรชมภาพยนตร์ได้อยู่ เพราะฉะนั้นถือว่า ทั้ง 3คนได้รับประโยชน์จาก การกระทำดังกล่าว และทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต กกต.จึงสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ใน เขตดังกล่าว 2 คน ในขณะที่นายวิฑูรย์ นั้นเนื่องจากเป็น ส.ส.ในระบบสัดส่วน กฎหมาย ไม่เปิดช่องให้สามารถที่จะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ (ใบเหลือง) ที่ประชุมจึงมติเอกฉันท์ยกคำร้องกรณีนายวิฑูรย์
กรณีของนายวิฑูรย์ นั้นหากเป็นส.ส.เขตก็จะได้ใบเหลือง แต่เมื่อไปดูรัฐธรรมนูญ มาตรา 109 หรือกฎหมายการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. 2550 ในมาตรา 110 และมาตรา 111 ที่ระบุว่าก่อน กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง หากพบว่า การเลือกตั้งไม่สุจริตในกรณีส.ส.สัดส่วนให้ กกต.นำคะแนนเฉพาะในเขตเลือกตั้งนั้นมาหักได้ ในขณะที่หลังจาก กกต.รับรองผลไปแล้วหากพบการกระทำผิด กรณีของ ส.ส.สัดส่วนไม่ได้มีการบัญญัติไว้ ขณะเดียวกันในเรื่องนี้ กกต.เองก็ได้มีการเรียกคะแนนของการเลือกตั้งส.ส.สัดส่วนในเขต 1 ซึ่งเป็นเขตที่มีการกระทำผิดมาดูก็พบว่า มีคะแนนห่างกันมากถึงแม้จะหักคะแนนแล้วก็ยังชนะ เพราะฉะนั้นหากจะหักก็ไม่ส่งผล กระทบต่อลำดับคะแนนนายวิฑูรย์ก็จะยังได้รับการเลือกตั้ง ที่ประชุมจึงได้มีมติ ยกคำร้อง ซึ่งกรณีนี้ต่างจากกรณีของนายยงยุทธ์ที่กกต.มีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและศาลฎีกาก็ได้พิจารณาและให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามที่กกต.เสนอ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.จะเสนอแก้กฎหมายหรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ ของกกต.ที่จะไปเสนอแก้ ต้องไปถามส.ส.ที่อยู่ในสภา ว่าจะเอาด้วยหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่าส.ส.ก็คงไม่เอาด้วยเพราะตัวเองจะเสียประโยชน์
ส่วนนางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ตนได้ลงมติ ให้ใบแดงไปทั้ง 4 คนเลยโดยเป็นส.ส. 3 คน และอีก 1 คน เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการหาเสียงคราวเดียวกันและวาระเดียวกัน เมื่อเขาผิดแล้วก็ต้องรับผิดเหมือนกัน
กรณีของคุณวิฑูรย์ ถ้าเขาไม่ได้รับใบขาวหรือยกคำร้อง ก็ต้องได้รับใบแดงเท่านั้น จะให้คุณวิฑูรย์ได้รับใบเหลืองไม่ได้ เพราะเป็นส.ส.แบบสัดส่วน โดยสภาพของการเป็นส.ส.แบบสัดส่วน จะให้มาจัดการเลือกตั้งใหม่ไม่ได้อยู่แล้ว นางสดศรีกล่าวพร้อมเผยว่า นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ได้ยกคำร้องทั้งหมด
ด้านนายวิฑูรย์ นามบุตร กล่าวว่า พรรคพร้อมรับคำวินิจฉัยของ กกต. อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ได้ผ่านการตรวจสอบจาก กกต.จังหวัดและ อนุกรรมการของ กกต.ท ั้ง 2 ชุดแล้วโดยให้ยกคำร้อง แต่ กกต.ชุดใหญ่ได้พิจารณาเพิ่มเติม ตามที่นายสมบัติ รัตโน ร้องขอให้มีการสอบพยานเพิ่มเติมอีก 7 ปาก ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ทราบข้อมูลข้อเท็จจริงที่พยานเพิ่มเติมทั้ง 7 ปากได้ให้ข้อมูลอะไร ในภายหลัง และทราบมาว่ามีเพียง 4 ปากเท่านั้นที่ได้ให้ข้อมูบกับกกต. ซึ่งหาก พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้ข้อมูลกับ กกต.เพิ่มเติมในรอบหลังเชื่อว่าปัญหาจะไม่เกิดขึ้น เพราะพรรคมีข้อมูลเอกสาร และพยานที่จะมาต่อสู้ได้ แต่กกต.ก็ไม่ได้เรียกตนและส.ส.ไปชี้แจง ดังนั้น เมื่อกกต.วินิจฉัยออกมาแล้วพรรคก็พร้อมนำพยานหลักฐาน ไปต่อสู้ในชั้นศาลฎีกาฯต่อไป เพื่อพิสูจน์ความเป็นธรรม ซึ่งเชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรมกับพรรคประชาธิปัตย์
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ขณะนี้ส.ส.ทั้ง 2 คนที่ถูก กกต.วินิจฉัยให้ใบเหลือง ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า กกต.จะสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลานานถึง 2-3 เดือน และหลังจากที่ศาลรับเรื่องไว้วินิจฉัยก็ยังถือว่าทั้ง 2 คนยังเป็นส.ส.อยู่ แต่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยจนได้ข้อยุติ
นายวิฑูรย์ กล่าวด้วยว่า คดีดังกล่าวตนได้ฟ้องนายสมบัติต่อศาลอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งศาลได้ประทับรับฟ้อง เป็นคดีดำ และจะเรียกไต่สวนพยานทั้ง 2 ฝ่ายในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ซึ่งการที่ศาลรับฟ้องแสงว่าคดีมีมูล