xs
xsm
sm
md
lg

“วิฑูรย์” ฉลุย! กกต.ยกคำร้อง แต่สอย 2 ส.ส.ฐานแจกตั๋วหนัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิฑูรย์ นามบุตร
ที่ประชุม กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ยกคำร้องคดี “วิฑูรย์” ทุจริตเลือกตั้ง ชี้ความผิดเชื่อมโยงไม่ถึง แต่แจกใบเหลืองให้ 2 ส.ส.อุบลฯ พรรค ปชป. ฐานเป็นผู้สนับสนุนแจกตั๋วหนังฟรี

วันนี้ (28 ต.ค.) นาย สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีการพิจาณากรณีที่ที่นาย สมบัติ รัตโน ร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งนาย ศุภชัย ศรีหล้า นาย วุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.จ.อุบลราชธานี เขต 1 นาย วิทวัส พันธ์นิกุล อดีตผู้สมัคร ส.ส.อุบลฯ เขต 1 ซึ่งไม่ได้รับเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ และ นาย วิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 4 พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อกล่าวหาให้ทรัพย์สินหรือสิ่งของที่เป็นบัตรภาพยนตร์ซึ่งอาจคำนวณเป็นเงินได้ และทำการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่างๆ โดยที่ประชุม มีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 เห็นควรให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) นาย วิทวัส ตามมาตรา 236 (5) และ (6) ของรัฐธรรมนูญปี 2550 และมาตรา 111 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว.ปี 2550

นายสุทธิพล กล่าวว่า นอกจากนี้ กกต.ยังมีมติสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) ส.ส.เขต 1 จ.อุบลราชธานี แทนนายศุภชัย และนายวุฒิพงษ์ ส่วนคำร้องของนายวิฑูรย์ ในเรื่องแจกตั๋วหนังและจัดมหรสพนั้น กกต.มีมติเอกฉันท์ให้ยกคำร้องคัดค้านในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายวิฑูรย์ เนื่องจากการสืบสวนสอบสวนไม่พบพยานหลักฐานหาความสัมพันธ์ที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ถูกร้องคัดค้านได้ ประกอบกับกฎหมายไม่เปิดช่องเอื้ออำนวยสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.สัดส่วน หลัง กกต. ประกาศผลเลือกตั้ง ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้สำนักวินิจฉัยแลคดีทำความเห็น และยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามมาตรา 239 ตามรัฐธรรมนูญปี 2550

เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวจะสามารถชี้แจงต่อสังคมได้หรือไม่ นายสุทธิพลกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวสามารถตอบคำถามประชาชนได้ เพราะในหลายๆประเด็นที่มีข้อกังขา ทั้งเรื่องกรรมการสอบสวนระดับจังหวัดที่มีนามสกุลเดียวกับนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ นั้น กกต.ได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการสอบสวน อีกทั้งเมื่อมีการร้องให้ กกต.สอบเพิ่มอีก กกต.ก็ได้สั่งให้สอบตามที่ร้อง ซึ่งจะเห็นว่า กกต.ได้มีการเยียวยาตามที่ขอ และดำเนินการให้ไปตามกฎกติกากระบวนการกฎหมายทุกอย่าง และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายด้วย

นาย สุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กรณีของนายวิฑูรย์ ที่กกต.มีมติเอกฉันท์ยกคำร้องนั้นเนื่องจากในการสอบสวนพบว่าการแจกบัตรชมภาพยนตร์ของโรงหนังเนวาด้านั้น เนื่องจากไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่าส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คนมีส่วนรู้เห็นในการแจกบัตรดังกล่าวด้วย เพราะการแจกบัตรของโรงหนังดังกล่าวมีการดำเนินการกิจกรรมนี้ต่อเนื่องมากนานแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนของนาย วิทวัส พันธ์นิกุล ซึ่งเป็นลูกของเจ้าของโรงหนังนั้น กกต.ได้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ในขณะที่ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ในเขต 1 ทั้งสองคนคือนายศุภชัย และนายวุฒิพงษ์ และนายวิฑูรย์ ในฐานะส.ส.ระบบสัดส่วน ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงว่ารู้เห็นกับการแจกบัตรดังกล่าว แต่ กกต.เห็นว่าเป็นผู้ได้รับประโยชน์ในการแจกตั๋วหนังนี้ เนื่องจากในการสอบสวนพบว่า พยาน 2-3 คนก็ยังให้ปากคำว่าสามารถที่จะนำตั๋วดังกล่าวไปแลกบัตรชมภาพยนตร์ได้อยู่ เพราะฉะนั้นถือว่า ทั้ง 3คนได้รับประโยชน์จากการกระทำดังกล่าว และทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต กกต.จึงสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ใน เขตดังกล่าว 2 คน ในขณะที่นายวิฑูรย์ นั้นเนื่องจากเป็นส.ส.ในระบบสัดส่วน กฎหมายไม่เปิดช่องให้สามารถที่จะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ได้ (ใบเหลือง) ที่ประชุมจึงมติเอกฉันท์ยกคำร้องกรณีนายวิฑูรย์

“ กรณีของนายวิฑูรย์ นั้นหากเป็นส.ส.เขตก็จะได้ใบเหลือง แต่เมื่อไปดูกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 109 หรือกฎหมายการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. 2550 ในมาตรา 110 และมาตรา 111 ที่ระบุว่าก่อนกกต.รับรองผลการเลือกตั้ง หากพบว่าการเลือกตั้งไม่สุจริตในกรณีส.ส.สัดส่วนให้กกต.นำคะแนนเฉพาะในเขตเลือกตั้งนั้นมาหักได้ ในขณะที่หลังจากกกต.รับรองผลไปแล้วหากพบการกระทำผิด กรณีของส.ส.สัดส่วนไม่ได้มีการบัญญัติไว้ ขณะเดียวกันในเรื่องนี้กกต.เองก็ได้มีการเรียกคะแนนของการเลือกตั้งส.ส.สัดส่วนในเขต 1 ซึ่งเป็นเขตที่มีการกระทำผิดมาดูก็พบว่ามีคะแนนห่างกันมากถึงแม้จะหักคะแนนแล้วก็ยังชนะ เพราะฉะนั้นหากจะหักก็ไม่ส่งผลกระทบต่อลำดับคะแนนนายวิฑูรย์ก็จะยังได้รับการเลือกตั้ง ที่ประชุมจึงได้มีมติยกคำร้อง ซึ่งกรณีนี้ต่างจากกรณีของนายยงยุทธ์ที่กกต.มีมติเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและศาลฎีกาก็ได้พิจารณาและให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามที่กกต.เสนอ”นายสุเมธกล่าว

เมื่อถามว่า กกกตต.จะเสนอแก้กฎหมายหรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของกกต.ที่จะไปเสนอแก้ ต้องไปถามส.ส.ที่อยู่ในสภา ว่าจะเอาด้วยหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่าส.ส.ก็คงไม่เอาด้วยเพราะตัวเองจะเสียประโยชน์
กำลังโหลดความคิดเห็น