อสส.ลงนาม ชงศาลรัฐธรรมนูญยุบพลังประชาชน โฆษกอัยการ ฟุ้ง สั่งคดีตามแนวทางวินิจฉัยศาลฎีกา แจกใบแดงยุทธ ตู้เย็น
วันนี้ ( 10 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุม 100 ปี สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกอัยการสูงสุด แถลงว่าในวันนี้ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดได้ลงนามในคำร้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้มีคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 237 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 94 และ 95 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 11 โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และกรรมการบริหารพรรค รวม 37 คน มีกำหนดเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคพลังประชาชน โดยจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ตามบัญชีรายชื่อ เอกสาร้ายคำร้องทั้งหมด
หรือตะเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ที่เป็นผู้มีส่วนรู้เห็นหรือปล่อยปะละเลย หรือรับทราบการกระทำของผู้สมัคร มีผลให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม แล้วมิได้ยับยั้งหรือแก้ไข เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 237 โดยขอให้เป็นดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการคดีพิเศษและคณะ ไปยื่นคำร้องยุบพรรคพลังประชาชนต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเวลา 14.00 น.
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่อัยการสามารถสั่งยุบพรรคพลังประชาชนได้ภายใน กรอบเวลา 30 วันตามกฎหมาย เนื่องจากพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยของศาลฎีกาในใบแดงนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ใช่หรือไม่ นายธนพิชญ์ กล่าวว่า ถูกต้อง คำวินิจฉัยศาลฎีกาที่มีคำสั่งให้ใบแดง และให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง นายยงยุทธ เป็นไปตามมาตรา 237 ซึ่งนำมาสู่การยุบพรรค และเราจะใช้พยานหลักฐานในศาลฎีกาเป็นหลักในการสู้คดีเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชาชน
ถามว่ามั่นใจในพยานหลักฐาน ที่ยื่นยุบทั้ง 3 พรรค หรือไม่ นายธนพิชญ์ กล่าวว่า ถ้าไม่มั่นใจเราคงไม่กล้ายื่น ซักต่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งจะรับคำฟ้องหรือกำหนดวันไต่สวนคดียุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย แล้วหรือไม่ นายธนพิชญ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 พรรค ศาลยังไม่มีคำสั่งรับฟ้อง และกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดห้วงเวลาว่าศาลจะต้องเริ่มพิจารณาเมื่อใด
ถามต่อว่าการตัดสินคดียุบทั้ง 3 พรรค จะใช้เวลามากกว่าการยุบพรรคไทยรักไทยหรือไม่ นายธนพิชญ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะกำหนดแนวทางการไต่สวนอย่างไร ทั้งนี้เราได้ศึกษาข้อมูลจากคดีดังกล่าวไว้แล้ว โดยจะมีนายเศกสรรค์ บางสมบุญ เป็นหัวหน้าคณะอัยการผู้รับผิดชอบในการไต่สวนคดี ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชนยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมก่อนหน้านี้นั้น ทางอัยการได้ยกคำร้องไปเพราะเห็นว่าไม่มีสาระพอที่จะตั้งคณะกรรมการร่วมกับกกต.
สำหรับคำฟ้องอัยการสูงสุดสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 ต.ค.50 ได้มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 และในการเลือกตั้งเมื่อวันที่23 ธ.ค. 50 ผลปรากฏว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) กรรมการบริหารพรรค ซึ่งสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 1 และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช ซึ่งสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เชียงรายเขตเลือกตั้งที่ 3 ได้รับเลือกตั้ง
ต่อมานายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 3 พรรคชาติไทย ยื่นคำร้องคัดค้านว่าการเลือกตั้ง ส..ส.ในส่วนที่เกี่ยวกับนายยงยุทธ และ น.ส.ละอองเมื่อวันที่ 23ธ.ค.50 มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนทำการสืบสวนสอบสวนแล้วได้ความว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค..50 หลังจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป พ.ศ. 50 กลุ่มกำนัน ในอ.แม่จัน 10 คน และนายบรรจง ยางยืนนายกเทศมนตรี อ.แม่จัน เชียงราย ซึ่งเป็นตัวแทน(หัวคะแนน)ของนายยงยุทธ ได้โดยสารเครื่องบินจากจ.เชียงรายไปพบผู้คัดค้านที่1 ที่กทม. และผู้คัดค้านที่ 1 ได้ขอให้กลุ่มกำนันช่วยเหลือสนับสนุนผู้คัดค้านที่ 2 และนายอิทธิเดช แก้วหลวง ในการเลือกตั้งส.ส.ในวันที่ 23 ธ.ค.50 และผู้คัดค้านที่ 1 ให้นายบรรจงนำเงินมามอบให้แก่กลุ่มกำนันคนละ 2 หมื่นบาท และให้นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนันต.จันจว้า อีก 4 หมื่นบาท เป็นค่าโดยสารเครื่องบินของกลุ่มกำนันที่นายชัยวัฒน์ได้ทดลองจ่ายไปก่อน
พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายยงยุทธ ได้กระทำการดังกล่าวจริง จึงเป็นการให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้อื่น เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ. 50 ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีผลทำให้การเลือกตั้ง ส.ส.ในส่วนที่เกี่ยวกับนายยงยุทธ มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ส่วน น.ส.ละออง ไม่ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำการสนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจ ให้บุคคลอื่นกระทำการดังกล่าว แต่การกระทำของนายยงยุทธ มีผลทำให้การเลือกตั้งส.ส.ในส่วนที่เกี่ยวกับ น.ส.ละออง ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ทั้งนี้ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ใบแดง นายยงยุทธ และให้ใบเหลือง น.ส.ละอองและ กกต.ยื่นคำร้องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 50 ให้ใบแดงนายยงยุทธและตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เมื่อพิจารณาจากพยานหลักฐานเห็นว่า นายยงยุทธซึ่งเป็นรองหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 237 พรบ.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 94(1) (2) พรบ.เลือกตั้ง ส.ส.ฯ มาตรา 111 ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค พปช. และขอให้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค พปช. มีกำหนดเวลา 5 ปีนับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรค พปช.โดยจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหาร พปช. ตามบัญชีรายชื่อเอกสารท้ายคำร้องทั้งหมดรวม 37 คนหรือจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค พปช.ที่เป็นผู้มีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือทราบการกระทำของผู้สมัครมีผลให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม แล้วมิได้ยับยั่งหรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 โดยขอให้เป็นดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม หลังอัยการสูงสุดส่งฟ้อง ตามขั้นตอนการพิจารณาคดีอัยการสูงสุดจะต้องรอศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับฟ้องหรือไม่รับฟ้อง หากศาลรับฟ้องจะมีการไต่สวนและตัดสินคดีต่อไป
สำหรับรายชื่อกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ประกอบด้วย
หัวหน้าพรรค
นายสมัคร สุนทรเวช
รองหัวหน้าพรรค
พันตำรวจโทกานต์ เทียนแก้ว นายไชยา สะสมทรัพย์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ พลเอกเรืองโรจน์ มหาศรานนท์ นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ นายแพทย์ประสงค์ บูรณ์พงศ์ นางสาวสุภาพร เทียนแก้ว นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล
เลขาธิการพรรค
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
รองเลขาธิการพรรค
นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ นายนพดล ปัทมะ รองศาสตราจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ
เหรัญญิกพรรค
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์
โฆษกพรรค
ร้อยโทกุเทพ ใสกระจ่าง
กรรมการบริหารพรรค
นายศรีเมือง เจริญศิริ นายมงคล กิมสูนจันทร์ พันตำรวจโทไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ นายนิสิต สินธุไพร นายธีระชัย แสนแก้ว นายสุทิน คลังแสง นายอิทธิ ศิริลัทธยากร นางมาลินี ภูตาสืบ นางสาวปิยะรัตน์ เทียนแก้ว นางสาวศรัญญา แสงวิมา นางสาวมนัสปรียา ภูตาสืบ นางสาวกาญจน์ณิชา แต้มดี นายกิตติกร โล่ห์สุนทร นายบุญลือ ประเสริฐโสภา