ผู้จัดการรายวัน – “สนธิ” อัด “ดร.สุเมธ” ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวเรื่องการจาบจ้วงสถาบันของกลุ่มนปก. ทะลึ่งทำตัวเป็นศาสดา อาศัยช่วงจังหวะตีกิน ปรามอย่าสวนไม่งั้นเจอแฉแน่ ด้านพันธมิตรฯปรับกลยุทธ งดบุกสภา เหตุไม่มีวาระแก้รธน. "พิภพ" เผยขบวนการซื้อส.ว.ตรายาง ส่งสัญญาณการเมืองเก่าไปไม่รอด ด้าน นปก. ระดมพลใหญ่อีกครั้ง อ้างแสดงพลังเพื่อต้านการปฎิวัติ “อดิศร”ยัน“ทักษิณ”โฟนอินเข้ามาที่สนามรัชมังคลาฯแน่ เขตพระนครโวย นปก. ดื้อด้านไม่ยอมออกจากสนามหลวง หวั่นปรับพื้นที่รับงานพระราชพิธีไม่ทัน
** “สนธิ” อัด “สุเมธ”
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า ผมขอกล่าวถึงดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ที่ออกมาพูดว่าขอให้ทุกคนสมานฉันท์กัน ว่า น่าเสียดายที่ดร.สุเมธเป็นผู้ที่รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ตามโครงการหลวงแต่ชอบทำตัวเป็นผู้รักสันติ แต่ทะลึ่งไม่เข้าเรื่อง ชอบออกมาบอกว่า ให้หยุดทะเลาะกัน สุเมธไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาวว่านายทักษิณไปทำพิธีอะไรในวัดพระแก้วเลยหรือ ไม่รู้ว่าพวกนปก. พูดจาหมิ่นเลยหรือ ไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาวว่าทักษิณพูดจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์เลยหรือ ไม่รู้ถึงนายสุชาติ นาคบางไทร หนีหมายจับข้อหาจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ที่สนามหลวงเลยหรือ ไม่เคยรู้เลยหรือว่าพวก นปก.พูดจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ตลอดเวลาที่สนามหลวงเลยหรือ ไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาวว่ากลุ่มเชียงใหม่ 51 บอกว่ามีแค่กษัตริย์ 3 องค์ เท่านั้นที่มันเคารพ
“จะชอบออกมาตีกินแบบนี้เรื่อยๆ นิสัยแบบนี้ต้องเลิกได้แล้ว เพราะคนไทยรู้ทันกันหมด คุณนึกว่าทำประโยชน์ให้ชาติหรือยังไง คุณเรียกให้ทุกคนสามัคคีกัน คุณไปบอกให้ตำรวจที่ฆ่าคนไทยมาสามัคคี คุณไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงการตายของน้องโบว์ สารวัติจ๊าบ คน 40 คนที่บาดเจ็บหรือทางที่ดีที่สุดคุณต้องหุบปาก อย่าทะลึ่งมาออกความเห็นบ้าๆแบบนี้อีกต่อไป จากวันแรกที่ผมพูดถึงทักษิณ 2548 ถึงวันนี้ 4 ปีสังคมไทยถึงยอมรับ กองทัพบกยอมรับ ปลัดกระทรวงมหาดไทยสั่งให้ตรวจสอบว่าใครหมิ่นราชบัลลังค์ให้จัดการเด็ดขาด พวกเราจะยังไปไหนไม่ได้เพราะประเทศไทยมีคนอย่างดร.สุเมธ ตันติเวชกุล อีกคนคือ โคทม อารียา”
น่าเสียดายคนที่อยู่ใกล้ชิดใต้เบื้องพระยุคคลบาทแต่กลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว แทนที่จะพูดว่ามีกระบวนการพูดจาดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ควรหยุดได้แล้ว เพราะเป็นของสูงและเป็นบุคคลที่เป็นพ่อหลวงของบ้านเมือง ใครก็ตามที่กำลังทำร้ายสถาบันกษัตริย์ให้หยุดเสีย ทำไม่ไม่พูดอย่างนี้ ทำไมออกมาบอกว่าคนไทยน่าจะสามัคคีกัน ให้หยุดทะเลาะกัน ถ้ามันคิดดีทำดีเราจะทะเลาะกับมันทำไม ถ้ามันจงรักภักดีเราจะทะเลาะกับมันทำไม
นายสนธิกล่าวต่อว่า เราสู้ไม่ให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง เราผิดหรือ เราสู้ให้มันเคารพกฎหมาย เราผิดหรือที่บอกว่าให้หยุดจาบจ้วงทำร้ายสถาบันกษัตริย์ ราชบัลลังค์ เราไม่ผิด เรายืนบนสิ่งที่ถูกต้อง แล้วนายสุเมธให้เรามานั่งเจรจาสมานฉันท์ทำไม เราลุกขึ้นมาสู้แทนที่จะซาบซึ้งพ่อแม่พี่น้อง ทะลึ่งมาทำตัวเป็นศาสดาสอนพวกเราว่าต้องสมานฉันท์ มีคนอย่างดร.สุเมธมากเท่าไร สถาบันก็ยิ่งอ่อนแอเท่านั้น
“ผมขอเตือนดร.สุเมธ ขอให้ยุติการตีกินแบบนี้ตลอดไป คุณไม่เข้าใจเลยหรือว่า 4 ปีนี้เกิดอะไรกับบ้านเมือง ว่าราชบัลลังก์ถูกสั่นคลอนแคลนทุกวันนี้ กฎหมายไม่เป็นกฎหมายแล้ว ตุลาการก็ยังถูกซื้อได้ ตำรวจที่ต้องพิทักษ์สันติราษฎร์แต่มาฆ่าประชาชนนี่เอง จะมาสามัคคีอะไร สังคมวันนี้ไม่ใช่สังคมของการสามัคคี แต่เป็นสังคมของการเลือกข้าง สังคมนี้มีที่ยืนให้สองข้าง จะยืนข้างถูกหรือข้างผิดมีแค่นี้เอง”
พี่น้องจำไว้ คนตีกินอย่างสุเมธ กับนายโคทม อารียา มีในสังคมมาก มันจะรอจังหวัดโผล่ ให้เป็นพระเอก แต่ดันโผล่ตอนไหนในช่วงที่มีคนรู้ทันมันเยอะเหลือเกิน ผมขอเตือนดร.สุเมธก่อนนะ อย่าออกมาสวนผม ไม่งั้นจะแฉดร.สุเมธอีกมาก
นายสนธิกล่าวต่อว่า วันนี้ตลาดหุ้นตกหมดทั่วโลก ของไทยก็ตกต่ำหลุด 40 จุดแล้ว เงินเยนแข็งค่าขึ้นเป็นพิเศษ เงินยูโร เงินบาทอ่อนตัว ชาติบ้านเมืองตอนนี้ต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เพื่อรองรับเศรษฐกิจ เราต้องไล่รัฐบาลชุดนี้ไปให้ได้ เพื่อยกเลิกโครงการที่ทำให้เราเป็นหนี้ ต้องยกเลิกซื้อรถเมล์ 4 พันคันแสนกว่าล้านบาท ทุกโครงการที่รัฐบาลชุดนี้อนุมัติต้องยกเลิกให้หมด กลับไปสู่เหตุผลที่พอเพียง ต้องไม่ปันผล ปตท. ลดราคาน้ำมันทันที 7-8 บาทต่อลิตร ต้องไม่กู้เงินต่างชาติมาสร้างรถไฟใต้ดิน เพราะคนที่ได้ประโยชน์คือคนกรุงเทพ ต้องให้คนกรุงเทพเสียค่าใช้จ่ายอันนี้
“เราต้องสร้างระบบขนส่งมวลชน รถไฟรางคู่ด่วนให้เสร็จใน 1 ปีครึ่ง ทำให้ราคาต่ำลงมา 50% ต้องผลิตสินค้าที่คนใช้ทุกวันจ้างจากโรงงานผลิตส่งขายตาม อบต. ถูกกว่าที่โฆษณา 30% ต้องเปลี่ยนแปลงระบบสินเชื่อธนาคารให้สู่ระดับจุลภาค พวกร้านค้าแผงลอยเพื่อให้เขาไม่ต้องพึ่งเงินนอกระบบเสียภาษี 20% ต่อเดือน ต้องสร้างธุรกิจชุมชนให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด พึ่งพาซึ่งกันและกัน เลิกโฆษณาสินค้าแบบบ้าเลือด ใครทำธุรกิจอะไรที่ไม่เสริมปัญญาคุณภาพ เช่น อาบอบนวด บาร์ คลับ ที่นั่งกินเหล้ากัน แทนที่จะเสียภาษี 35% ให้เสีย 50% เลย นี่คือตัวอย่างที่ต้องรีบแก้ ไม่อย่างงั้นบ้านเมืองฉิบหาย
วันนี้มี 3 ประเทศในโลกที่ล้มละลายไปแล้ว เข้าสู่ไอเอ็มเอฟคือ โปแลนด์ ยูเครน ฮังการี่ เราต้องรีบแก้ไขโดยด่วน ขอให้ทุกคนอยู่อย่างพอเพียง
**พธม.พร้อมเจรจาทุกเมื่อ
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (27 ต.ค.) ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายพิภพ ธงไชย สองแกนนำพันธมิตรฯได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดย พล.ต. จำลอง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีวาระการประชุมเรื่องประเมินสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยไม่มีวาระร่าง พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางพันธมิตรฯ จึงจะไม่เคลื่อนไหวไปกดดันบริเวณหน้าอาคารรัฐสภาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่การประชุมดังกล่าวจะมีการนำพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ คปพร. เข้าไว้ด้วย ซึ่งขัดกับข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ทางรัฐบาลได้บอกมาชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีการนำร่างดังกล่าวเข้าที่ประชุม แต่หากมีรัฐบาลก็คงโกหก
เมื่อถามว่า กรณีที่ ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้กล่าวปาฐกถาให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พันธมิตรฯไม่ใช่ฝ่ายที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ที่ผ่านมาพันธมิตรฯชุมนุมอย่างสงบ สันติ อหิงสา มาโดยตลอด ซึ่งหากรัฐบาลไม่ใช้ตำรวจปราบปรามประชาชนก็ไม่เกิดความรุนแรง
เมื่อถามว่า ทางเครือข่ายสันติธรรม จะมีการตั้งผู้ประสานงานเจรจา ทั้ง นปช. พันธมิตรฯ ฝ่ายค้าน และรัฐบาล ซึ่งหากมีการติดต่อเพื่อเจรจาหาข้อยุติ ทางพันธมิตรฯ จะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมา แต่หากติดต่อมาก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพูดคุยกัน เพียงแต่พันธมิตรฯ ขอนำเรื่องดังกล่าวหารือประชุมก่อน
เมื่อถามว่า ทางรัฐบาลมีความพยายามทุ่มเงินกว่าพันล้านบาท เพื่อซื้อตัวส.ว. เพื่อให้มีเสียงข้างมาในสภาสนับสนุนการตั้ง ส.ส.ร 3 เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายพิภพ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลชุดก่อน ก็มีข่าวอยู่เสมอว่ามีการใช้เงินเพื่อซื้อตัว ส.ส. และ ส.ว. ในรูปแบบการเมืองเก่า ถ้าหากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็เท่ากับว่าระบบการเมืองเก่าไปไม่รอด มีการใช้เงินใช้ทองซื้อเสียง รัฐบาลต้องการจะอยู่ยาวเพื่อต้องการหางบประมาณให้แก่ของพรรคตัวเอง
สำหรับคำถามที่ว่าในวันที่ 30–31 ต.ค.จะมีการระดมพลจากกลุ่ม นปช. เพื่อมารวมกับผู้ชุมนุมในวันที่ 1 พ.ย. ทางพันธมิตรฯ มีการประเมินว่าจะมีการเคลื่อนพลมาปิดทำเนียบฯ หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ข่าวเช่นนี้มีอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็บอกผู้ชุมนุมว่าอย่าตกใจ แต่ครั้งนี้เชื่อว่ามีการรวมพลกันจริง แต่ที่ไม่มีการปิดล้อมทำนียบฯ คงเป็นเพราะกลุ่ม นปช. คงเห็นแล้วว่า หากเข้ามาสลายผู้ชุมนุมได้แล้ว เรื่องคงยังไม่จบ เพราะพันธมิตรฯ จากต่างจังหวัดจะลุกฮือขึ้นมามากมาย กลุ่มนปช. ก็คงจะกลัวผลที่จะตามมามากกว่า
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ จะเดินทางมารับเหรียญพระบิดาฝนหลวง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายพิภพ กล่าวว่า หากการเดินทางมาครั้งนี้ มาเพียงรับเหรียญดังกล่าว โดยไม่มีการเคลื่อนพลมาเพื่อปิดล้อมทำเนียบฯ คงจะไม่เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น
**นปก.ระดมพลอีก
เมื่อเวลา 11.00น. ที่ร้านสภากาแฟ ชั้น6 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิล์ด ลาดพร้าว นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพีงเกษ ร่วมแถลงข่าวการจัดงานความจริงวันนี้ในวันที่ 1พ.ย. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยผู้แถลงข่าวครั้งนี้ทุกคนต่างสวมเสื้อสีแดง
นายวีระ กล่าวว่า การจัดงานเพื่อต้องการให้การเมืองเปลี่ยนแปลงไปตามระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่การรัฐประหาร ขอให้การรัฐประหาร 19 ก.ย. เป็นครั้งสุดท้ายในประเทศไทย การชุมนุมครั้งนี้ยึดหลักประชาธิปไตย ชุมนุมโดยสงบสันติ โดยมีเป้าหมายต้านรัฐประหาร ขอเชิญชวนผู้มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยมาร่วมงาน โดยงานเริ่มเวลา 15.00-22.00น. และเราพยายามเชิญนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มาร่วมงานด้วยแต่ไม่รู้ว่าจะมาได้หรือไม่
เมื่อถามว่ากลุ่มสันติธรรมออกมาแถลงอยากให้หลายฝ่ายยุติการสร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดความรุนแรง นายวีระกล่าวว่า โดยส่วนตัวเคารพกลุ่มสันติธรรม แต่การออกมาบอกว่าฝ่ายพวกตนเป็นฝ่ายที่มีปัญหาตนรับไม่ได้เพราะเราอยู่ในส่วนของผู้ที่เคารพกฎหมาย แต่อีกฝ่ายไม่เคารพกฎหมายมีข้อหาต่างๆรุงรังไปหมด โดยส่วนตัวก็เห็นด้วยที่คนในสังคมต้องการให้เกิดสันติ
**อ้างแสดงพลังต้านปฎิวัติ
นายอดิศร กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นการจัดงานเพื่อแสดงพลังต่อต้านการปฏิวัติ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น การที่ผู้นำเหล่าทัพออกรายการทีวีนั่นคือการโยนหินถามทางเรื่องปฏิวัติ ไม่ใช่ว่าเหล่าทัพไม่อยากทำแต่เป็นเพราะกระแสโลกขณะนี้เขาไม่เอา และต้องเตือนนายทหารที่จบจปร.แปลว่า นายร้อยพระจุลจอมเกล้า ไม่ได้แปลว่า จะปฏิวัติรัฐประหารอีก เพราะหากเกิดขึ้นจริงครั้งนี้จะเกิดความรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายจักรภพ กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตหลายประเทศ รวมทั้งสื่อมวลชนต่างประเทศ ขอเข้าสังเกตุการณ์ในงานวันดังกล่าวด้วย เพราะปัจจุบันต่างชาติให้ความสนใจมาก
**ทักษิณโฟนอินแน่
นายจตุพรกล่าวว่า ขอยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินจากประเทศอังกฤษมาบนเวทีอย่างแน่นอน โดยเป็น 1ใน9คนที่ปราศรัยบนเวที แต่จะไม่มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ส่วนการรักษาความปลอดภัยภายในงานตนได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1,000 นาย รวมทั้งนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงอีก 500คน ในการดูแลความเรียบร้อย
**นปก.ดื้อไม่ออกสนามหลวง
นายบวรพัฒน์ บุญธนทัต ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เพื่อปรับปรุงพื้นที่ฝั่งทิศเหนือของสนามหลวง สำหรับงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า ทางกลุ่มนปช.จะยังไม่ย้ายเต็นท์ออกจากสนามหลวง โดยให้เหตุผลว่าจะขอจัดการชุมนุมระดมมวลชนระหว่างวันที่ 29-31 ต.ค. นี้ ก่อนที่จะมีการจุดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 1 พ.ย. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
ทั้งนี้ ทางเขตฯ ได้ทำรายงานไปยังผู้บริหารวานนี้(27 ต.ค.)เพื่อขอความเห็นชอบว่าจะให้กลุ่มนปช.จัดการชุมนุมในช่วงเวลาดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งหากจัดการชุมนุมได้แต่เมื่อครบกำหนดกลับไม่ยอมออกจากพื้นที่ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่เพราะในวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย.จะมีการซ้อมใหญ่พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ ซึ่งทางเขตต้องประสานสน.นครบาลชนะสงคราม กลุ่มนปช.เพราะไม่อยากไม่การปะทะกันรุนแรงหากต้องไล่รื้อเต๊นท์ออกไป มันไม่คุ้มค่าหากจะเหตุการณ์เลือดตกยางออกซึ่งทางเขตต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ตนอยากเรียกร้องรัฐบาลให้ช่วยประสานไปยังแกนนำ นปช. ในการให้ความร่วมมือรื้อถอนเต็นท์ออกจากพื้นที่ที่ต้องใช้ในงานพระราชพิธีด้วย เนื่องจากทางหน่วยงานกทม. เคยมีหนังสือแจ้งไปแล้ว และหมายกำหนดการงานราชพิธีก็มีชัดเจนแล้ว ส่วนจะขอเวลาเพิ่มเติมไปจนถึงสิ้นเดือนต.ค.นี้นั้น ตนจะให้หน่วยงานของกทม.ประสานไปยังแกนนำอีกครั้ง เพราะมีความจำเป็นต้องปรับปรุงพื้นที่ให้เสร็จก่อนวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเป็นวันซ้อมใหญ่ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินในการนี้ด้วย
“จริงๆ รัฐบาลในฐานะที่เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงานพระราชพิธีควรที่จะช่วยประสานเครือข่ายนปช.ให้เกิดความเรียบร้อยซึ่งวันที่ 2 พ.ย.นี้ก็จะมีการซ้อมใหญ่แล้วการประสานงานทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อยใน1-2 วันนี้” นายอภิรักษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายประเสริฐ ฉวีอินทร์ หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตพระนคร ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจกว่า 30 คน เข้ารื้อเต็นท์ขายของของผู้ค้าที่ตั้งอยู่บริเวณสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ หลังจากที่ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ค้าบริเวณดังกล่าวแล้วว่าให้ย้ายที่ขายของออกไปจากบริเวณสนามหลวงก่อนวันที่ 25 ต.ค. เนื่องจากกองทัพและสำนักการโยธา(สนย.) ต้องเข้าปรับปรุงพื้นที่ โดยนำรถยนต์ 4 ล้อ และรถยนต์ 6ล้อ ขนสิ่งของออกไปจากพื้นที่ ซึ่ง สิ่งของดังกล่าวจะนำไปไว้ที่สำนักงานเขตพระนคร และผู้ค้าที่เป็นเจ้าของสามารถนำไปรับคืนได้ โดยจะต้องเสียค่าปรับด้วย ทั้งนี้อยากขอความร่วมมือผู้ค้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้ากทม. หรือ ต่างจังหวัด ในวันที่ 2 พ.ย. และวันที่ 14-16 พ.ย.นี้ห้ามนำสินค้ามาขายในบริเวณสนามหลวงอย่างเด็ดขาด
***คนบางตารับเหรียญสล้าง
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อรอรับเหรียญ “กู้วิกฤตชาติ” ของ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีต รองอธิบดีกรมตำรวจ (รอง อ.ตร.) ที่มีการแจกคูปองในงานเจริญพระพุทธมนต์ “กู้วิกฤตชาติ” ที่จัดขึ้น ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีประชาชนทยอยเดินทางมารับเหรียญอย่างบางตา ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.สล้าง เกี่ยวกับการปิดล้อมทำเนียบที่กลับไปกลับมาจึงทำให้ขาดความน่าเชื่อถือก็เป็นได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล บริเวณสวนหย่อมด้านซ้ายของประตูทางเข้า มีการตั้งเต็นท์ลงทะเบียนมอบเหรียญให้ประชาชนเดินเข้ามารับเหรียญได้อย่างสะดวกโดยไม่มีตรวจสอบบุคคลแต่อย่างใด โดยภายในเต็นท์มีการตั้งโต๊ะ มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นนักศึกษาประมาณ 5 คนคอยให้บริการ ซึ่งผู้ที่จะรับเหรียญได้นั้นต้องมีคูปองรับเหรียญ พร้อมนำบัตรประจำตัวประชาชนมาเป็นหลักฐานแสดง ซึ่งก่อนรับเหรียญจะมีการลงรายละเอียด ทั้งเลขประชาชน 13 หลักที่อยู่ตามบัตร และลงลายมือชื่อก่อนรับเหรียญด้วย ส่วนด้านซ้ายของโต๊ะลงทะเบียนจะมีการแจกซีดี “พันธมิตรฆ่าประชาชน” ควบคู่กันไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ได้ให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีการแจกเหรียญของ พล.ต.อ.สล้าง ที่ บช.น. แต่วันนี้กลับมีการตั้งเต็นท์แจกเหรียญและซีดีอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และมีทั้งตำรวจ และประชาชนทยอยมารับอย่างต่อเนื่อง
**นักรบศรีวิชัยรายงานตัวศาล
เวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน จากสภาทนายความ นำผู้ต้องหากลุ่มนักรบศรีวิชัย และการ์ดของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำนวน 81 คน เป็นชาย 78 คน เป็นหญิง 4 คน ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหา บุกรุกสถานีโทรทัศน์ NBT โดยมีอาวุธ และข้อหาอื่น รวม 6 ข้อหา เหตุเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 26 ส.ค.51 ที่ผ่านมา มารายงานตัวต่อศาลเป็นครั้งที่ 2 ตามข้อกำหนดของศาลที่อนุญาตให้ประกัน
ทั้งนี้ศาลได้นัดให้นักรบศรีวิชัยทั้ง 81 คน มารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 6 พ.ย. นี้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คนที่ยังไม่ได้รับการประกันตัวนายนิติธร ทนายความเตรียมนำหลักทรัพย์ เงินสด 2 แสนบาท มายื่นขอประกันตัวต่อไป
**ส่งเทศกิจคุมสวนสันติฯ
นายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันอันตรายจากดอกไม้เพลิงในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ประจำปี 2551 ของ กทม. ว่า สำหรับการจัดงานบริเวณสวนสันติชัยปราการ ใกล้กับท่าพระอาทิตย์ ที่ทำการหนังสือพิมพ์ผู้จัดการนั้น ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานลอยกระทงของ กทม.ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)นั้น จะเน้นความปลอดภัยเป็นพิเศษ แต่เชื่อว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น.
** “สนธิ” อัด “สุเมธ”
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า ผมขอกล่าวถึงดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ที่ออกมาพูดว่าขอให้ทุกคนสมานฉันท์กัน ว่า น่าเสียดายที่ดร.สุเมธเป็นผู้ที่รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ตามโครงการหลวงแต่ชอบทำตัวเป็นผู้รักสันติ แต่ทะลึ่งไม่เข้าเรื่อง ชอบออกมาบอกว่า ให้หยุดทะเลาะกัน สุเมธไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาวว่านายทักษิณไปทำพิธีอะไรในวัดพระแก้วเลยหรือ ไม่รู้ว่าพวกนปก. พูดจาหมิ่นเลยหรือ ไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาวว่าทักษิณพูดจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์เลยหรือ ไม่รู้ถึงนายสุชาติ นาคบางไทร หนีหมายจับข้อหาจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ที่สนามหลวงเลยหรือ ไม่เคยรู้เลยหรือว่าพวก นปก.พูดจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ตลอดเวลาที่สนามหลวงเลยหรือ ไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาวว่ากลุ่มเชียงใหม่ 51 บอกว่ามีแค่กษัตริย์ 3 องค์ เท่านั้นที่มันเคารพ
“จะชอบออกมาตีกินแบบนี้เรื่อยๆ นิสัยแบบนี้ต้องเลิกได้แล้ว เพราะคนไทยรู้ทันกันหมด คุณนึกว่าทำประโยชน์ให้ชาติหรือยังไง คุณเรียกให้ทุกคนสามัคคีกัน คุณไปบอกให้ตำรวจที่ฆ่าคนไทยมาสามัคคี คุณไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงการตายของน้องโบว์ สารวัติจ๊าบ คน 40 คนที่บาดเจ็บหรือทางที่ดีที่สุดคุณต้องหุบปาก อย่าทะลึ่งมาออกความเห็นบ้าๆแบบนี้อีกต่อไป จากวันแรกที่ผมพูดถึงทักษิณ 2548 ถึงวันนี้ 4 ปีสังคมไทยถึงยอมรับ กองทัพบกยอมรับ ปลัดกระทรวงมหาดไทยสั่งให้ตรวจสอบว่าใครหมิ่นราชบัลลังค์ให้จัดการเด็ดขาด พวกเราจะยังไปไหนไม่ได้เพราะประเทศไทยมีคนอย่างดร.สุเมธ ตันติเวชกุล อีกคนคือ โคทม อารียา”
น่าเสียดายคนที่อยู่ใกล้ชิดใต้เบื้องพระยุคคลบาทแต่กลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว แทนที่จะพูดว่ามีกระบวนการพูดจาดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ควรหยุดได้แล้ว เพราะเป็นของสูงและเป็นบุคคลที่เป็นพ่อหลวงของบ้านเมือง ใครก็ตามที่กำลังทำร้ายสถาบันกษัตริย์ให้หยุดเสีย ทำไม่ไม่พูดอย่างนี้ ทำไมออกมาบอกว่าคนไทยน่าจะสามัคคีกัน ให้หยุดทะเลาะกัน ถ้ามันคิดดีทำดีเราจะทะเลาะกับมันทำไม ถ้ามันจงรักภักดีเราจะทะเลาะกับมันทำไม
นายสนธิกล่าวต่อว่า เราสู้ไม่ให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง เราผิดหรือ เราสู้ให้มันเคารพกฎหมาย เราผิดหรือที่บอกว่าให้หยุดจาบจ้วงทำร้ายสถาบันกษัตริย์ ราชบัลลังค์ เราไม่ผิด เรายืนบนสิ่งที่ถูกต้อง แล้วนายสุเมธให้เรามานั่งเจรจาสมานฉันท์ทำไม เราลุกขึ้นมาสู้แทนที่จะซาบซึ้งพ่อแม่พี่น้อง ทะลึ่งมาทำตัวเป็นศาสดาสอนพวกเราว่าต้องสมานฉันท์ มีคนอย่างดร.สุเมธมากเท่าไร สถาบันก็ยิ่งอ่อนแอเท่านั้น
“ผมขอเตือนดร.สุเมธ ขอให้ยุติการตีกินแบบนี้ตลอดไป คุณไม่เข้าใจเลยหรือว่า 4 ปีนี้เกิดอะไรกับบ้านเมือง ว่าราชบัลลังก์ถูกสั่นคลอนแคลนทุกวันนี้ กฎหมายไม่เป็นกฎหมายแล้ว ตุลาการก็ยังถูกซื้อได้ ตำรวจที่ต้องพิทักษ์สันติราษฎร์แต่มาฆ่าประชาชนนี่เอง จะมาสามัคคีอะไร สังคมวันนี้ไม่ใช่สังคมของการสามัคคี แต่เป็นสังคมของการเลือกข้าง สังคมนี้มีที่ยืนให้สองข้าง จะยืนข้างถูกหรือข้างผิดมีแค่นี้เอง”
พี่น้องจำไว้ คนตีกินอย่างสุเมธ กับนายโคทม อารียา มีในสังคมมาก มันจะรอจังหวัดโผล่ ให้เป็นพระเอก แต่ดันโผล่ตอนไหนในช่วงที่มีคนรู้ทันมันเยอะเหลือเกิน ผมขอเตือนดร.สุเมธก่อนนะ อย่าออกมาสวนผม ไม่งั้นจะแฉดร.สุเมธอีกมาก
นายสนธิกล่าวต่อว่า วันนี้ตลาดหุ้นตกหมดทั่วโลก ของไทยก็ตกต่ำหลุด 40 จุดแล้ว เงินเยนแข็งค่าขึ้นเป็นพิเศษ เงินยูโร เงินบาทอ่อนตัว ชาติบ้านเมืองตอนนี้ต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เพื่อรองรับเศรษฐกิจ เราต้องไล่รัฐบาลชุดนี้ไปให้ได้ เพื่อยกเลิกโครงการที่ทำให้เราเป็นหนี้ ต้องยกเลิกซื้อรถเมล์ 4 พันคันแสนกว่าล้านบาท ทุกโครงการที่รัฐบาลชุดนี้อนุมัติต้องยกเลิกให้หมด กลับไปสู่เหตุผลที่พอเพียง ต้องไม่ปันผล ปตท. ลดราคาน้ำมันทันที 7-8 บาทต่อลิตร ต้องไม่กู้เงินต่างชาติมาสร้างรถไฟใต้ดิน เพราะคนที่ได้ประโยชน์คือคนกรุงเทพ ต้องให้คนกรุงเทพเสียค่าใช้จ่ายอันนี้
“เราต้องสร้างระบบขนส่งมวลชน รถไฟรางคู่ด่วนให้เสร็จใน 1 ปีครึ่ง ทำให้ราคาต่ำลงมา 50% ต้องผลิตสินค้าที่คนใช้ทุกวันจ้างจากโรงงานผลิตส่งขายตาม อบต. ถูกกว่าที่โฆษณา 30% ต้องเปลี่ยนแปลงระบบสินเชื่อธนาคารให้สู่ระดับจุลภาค พวกร้านค้าแผงลอยเพื่อให้เขาไม่ต้องพึ่งเงินนอกระบบเสียภาษี 20% ต่อเดือน ต้องสร้างธุรกิจชุมชนให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด พึ่งพาซึ่งกันและกัน เลิกโฆษณาสินค้าแบบบ้าเลือด ใครทำธุรกิจอะไรที่ไม่เสริมปัญญาคุณภาพ เช่น อาบอบนวด บาร์ คลับ ที่นั่งกินเหล้ากัน แทนที่จะเสียภาษี 35% ให้เสีย 50% เลย นี่คือตัวอย่างที่ต้องรีบแก้ ไม่อย่างงั้นบ้านเมืองฉิบหาย
วันนี้มี 3 ประเทศในโลกที่ล้มละลายไปแล้ว เข้าสู่ไอเอ็มเอฟคือ โปแลนด์ ยูเครน ฮังการี่ เราต้องรีบแก้ไขโดยด่วน ขอให้ทุกคนอยู่อย่างพอเพียง
**พธม.พร้อมเจรจาทุกเมื่อ
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (27 ต.ค.) ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ นายพิภพ ธงไชย สองแกนนำพันธมิตรฯได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดย พล.ต. จำลอง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีวาระการประชุมเรื่องประเมินสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยไม่มีวาระร่าง พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางพันธมิตรฯ จึงจะไม่เคลื่อนไหวไปกดดันบริเวณหน้าอาคารรัฐสภาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่การประชุมดังกล่าวจะมีการนำพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ คปพร. เข้าไว้ด้วย ซึ่งขัดกับข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ทางรัฐบาลได้บอกมาชัดเจนแล้วว่า จะไม่มีการนำร่างดังกล่าวเข้าที่ประชุม แต่หากมีรัฐบาลก็คงโกหก
เมื่อถามว่า กรณีที่ ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้กล่าวปาฐกถาให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พันธมิตรฯไม่ใช่ฝ่ายที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ที่ผ่านมาพันธมิตรฯชุมนุมอย่างสงบ สันติ อหิงสา มาโดยตลอด ซึ่งหากรัฐบาลไม่ใช้ตำรวจปราบปรามประชาชนก็ไม่เกิดความรุนแรง
เมื่อถามว่า ทางเครือข่ายสันติธรรม จะมีการตั้งผู้ประสานงานเจรจา ทั้ง นปช. พันธมิตรฯ ฝ่ายค้าน และรัฐบาล ซึ่งหากมีการติดต่อเพื่อเจรจาหาข้อยุติ ทางพันธมิตรฯ จะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมา แต่หากติดต่อมาก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพูดคุยกัน เพียงแต่พันธมิตรฯ ขอนำเรื่องดังกล่าวหารือประชุมก่อน
เมื่อถามว่า ทางรัฐบาลมีความพยายามทุ่มเงินกว่าพันล้านบาท เพื่อซื้อตัวส.ว. เพื่อให้มีเสียงข้างมาในสภาสนับสนุนการตั้ง ส.ส.ร 3 เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายพิภพ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลชุดก่อน ก็มีข่าวอยู่เสมอว่ามีการใช้เงินเพื่อซื้อตัว ส.ส. และ ส.ว. ในรูปแบบการเมืองเก่า ถ้าหากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น ก็เท่ากับว่าระบบการเมืองเก่าไปไม่รอด มีการใช้เงินใช้ทองซื้อเสียง รัฐบาลต้องการจะอยู่ยาวเพื่อต้องการหางบประมาณให้แก่ของพรรคตัวเอง
สำหรับคำถามที่ว่าในวันที่ 30–31 ต.ค.จะมีการระดมพลจากกลุ่ม นปช. เพื่อมารวมกับผู้ชุมนุมในวันที่ 1 พ.ย. ทางพันธมิตรฯ มีการประเมินว่าจะมีการเคลื่อนพลมาปิดทำเนียบฯ หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ข่าวเช่นนี้มีอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็บอกผู้ชุมนุมว่าอย่าตกใจ แต่ครั้งนี้เชื่อว่ามีการรวมพลกันจริง แต่ที่ไม่มีการปิดล้อมทำนียบฯ คงเป็นเพราะกลุ่ม นปช. คงเห็นแล้วว่า หากเข้ามาสลายผู้ชุมนุมได้แล้ว เรื่องคงยังไม่จบ เพราะพันธมิตรฯ จากต่างจังหวัดจะลุกฮือขึ้นมามากมาย กลุ่มนปช. ก็คงจะกลัวผลที่จะตามมามากกว่า
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ จะเดินทางมารับเหรียญพระบิดาฝนหลวง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายพิภพ กล่าวว่า หากการเดินทางมาครั้งนี้ มาเพียงรับเหรียญดังกล่าว โดยไม่มีการเคลื่อนพลมาเพื่อปิดล้อมทำเนียบฯ คงจะไม่เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น
**นปก.ระดมพลอีก
เมื่อเวลา 11.00น. ที่ร้านสภากาแฟ ชั้น6 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิล์ด ลาดพร้าว นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายอดิศร เพีงเกษ ร่วมแถลงข่าวการจัดงานความจริงวันนี้ในวันที่ 1พ.ย. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยผู้แถลงข่าวครั้งนี้ทุกคนต่างสวมเสื้อสีแดง
นายวีระ กล่าวว่า การจัดงานเพื่อต้องการให้การเมืองเปลี่ยนแปลงไปตามระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่การรัฐประหาร ขอให้การรัฐประหาร 19 ก.ย. เป็นครั้งสุดท้ายในประเทศไทย การชุมนุมครั้งนี้ยึดหลักประชาธิปไตย ชุมนุมโดยสงบสันติ โดยมีเป้าหมายต้านรัฐประหาร ขอเชิญชวนผู้มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยมาร่วมงาน โดยงานเริ่มเวลา 15.00-22.00น. และเราพยายามเชิญนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี มาร่วมงานด้วยแต่ไม่รู้ว่าจะมาได้หรือไม่
เมื่อถามว่ากลุ่มสันติธรรมออกมาแถลงอยากให้หลายฝ่ายยุติการสร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดความรุนแรง นายวีระกล่าวว่า โดยส่วนตัวเคารพกลุ่มสันติธรรม แต่การออกมาบอกว่าฝ่ายพวกตนเป็นฝ่ายที่มีปัญหาตนรับไม่ได้เพราะเราอยู่ในส่วนของผู้ที่เคารพกฎหมาย แต่อีกฝ่ายไม่เคารพกฎหมายมีข้อหาต่างๆรุงรังไปหมด โดยส่วนตัวก็เห็นด้วยที่คนในสังคมต้องการให้เกิดสันติ
**อ้างแสดงพลังต้านปฎิวัติ
นายอดิศร กล่าวว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นการจัดงานเพื่อแสดงพลังต่อต้านการปฏิวัติ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น การที่ผู้นำเหล่าทัพออกรายการทีวีนั่นคือการโยนหินถามทางเรื่องปฏิวัติ ไม่ใช่ว่าเหล่าทัพไม่อยากทำแต่เป็นเพราะกระแสโลกขณะนี้เขาไม่เอา และต้องเตือนนายทหารที่จบจปร.แปลว่า นายร้อยพระจุลจอมเกล้า ไม่ได้แปลว่า จะปฏิวัติรัฐประหารอีก เพราะหากเกิดขึ้นจริงครั้งนี้จะเกิดความรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายจักรภพ กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตหลายประเทศ รวมทั้งสื่อมวลชนต่างประเทศ ขอเข้าสังเกตุการณ์ในงานวันดังกล่าวด้วย เพราะปัจจุบันต่างชาติให้ความสนใจมาก
**ทักษิณโฟนอินแน่
นายจตุพรกล่าวว่า ขอยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินจากประเทศอังกฤษมาบนเวทีอย่างแน่นอน โดยเป็น 1ใน9คนที่ปราศรัยบนเวที แต่จะไม่มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ส่วนการรักษาความปลอดภัยภายในงานตนได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1,000 นาย รวมทั้งนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงอีก 500คน ในการดูแลความเรียบร้อย
**นปก.ดื้อไม่ออกสนามหลวง
นายบวรพัฒน์ บุญธนทัต ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการย้ายกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เพื่อปรับปรุงพื้นที่ฝั่งทิศเหนือของสนามหลวง สำหรับงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า ทางกลุ่มนปช.จะยังไม่ย้ายเต็นท์ออกจากสนามหลวง โดยให้เหตุผลว่าจะขอจัดการชุมนุมระดมมวลชนระหว่างวันที่ 29-31 ต.ค. นี้ ก่อนที่จะมีการจุดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 1 พ.ย. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
ทั้งนี้ ทางเขตฯ ได้ทำรายงานไปยังผู้บริหารวานนี้(27 ต.ค.)เพื่อขอความเห็นชอบว่าจะให้กลุ่มนปช.จัดการชุมนุมในช่วงเวลาดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งหากจัดการชุมนุมได้แต่เมื่อครบกำหนดกลับไม่ยอมออกจากพื้นที่ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่เพราะในวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย.จะมีการซ้อมใหญ่พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ฯ ซึ่งทางเขตต้องประสานสน.นครบาลชนะสงคราม กลุ่มนปช.เพราะไม่อยากไม่การปะทะกันรุนแรงหากต้องไล่รื้อเต๊นท์ออกไป มันไม่คุ้มค่าหากจะเหตุการณ์เลือดตกยางออกซึ่งทางเขตต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า ตนอยากเรียกร้องรัฐบาลให้ช่วยประสานไปยังแกนนำ นปช. ในการให้ความร่วมมือรื้อถอนเต็นท์ออกจากพื้นที่ที่ต้องใช้ในงานพระราชพิธีด้วย เนื่องจากทางหน่วยงานกทม. เคยมีหนังสือแจ้งไปแล้ว และหมายกำหนดการงานราชพิธีก็มีชัดเจนแล้ว ส่วนจะขอเวลาเพิ่มเติมไปจนถึงสิ้นเดือนต.ค.นี้นั้น ตนจะให้หน่วยงานของกทม.ประสานไปยังแกนนำอีกครั้ง เพราะมีความจำเป็นต้องปรับปรุงพื้นที่ให้เสร็จก่อนวันที่ 2 พ.ย. ซึ่งเป็นวันซ้อมใหญ่ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินในการนี้ด้วย
“จริงๆ รัฐบาลในฐานะที่เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงานพระราชพิธีควรที่จะช่วยประสานเครือข่ายนปช.ให้เกิดความเรียบร้อยซึ่งวันที่ 2 พ.ย.นี้ก็จะมีการซ้อมใหญ่แล้วการประสานงานทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อยใน1-2 วันนี้” นายอภิรักษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายประเสริฐ ฉวีอินทร์ หัวหน้าฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตพระนคร ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจกว่า 30 คน เข้ารื้อเต็นท์ขายของของผู้ค้าที่ตั้งอยู่บริเวณสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ หลังจากที่ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ค้าบริเวณดังกล่าวแล้วว่าให้ย้ายที่ขายของออกไปจากบริเวณสนามหลวงก่อนวันที่ 25 ต.ค. เนื่องจากกองทัพและสำนักการโยธา(สนย.) ต้องเข้าปรับปรุงพื้นที่ โดยนำรถยนต์ 4 ล้อ และรถยนต์ 6ล้อ ขนสิ่งของออกไปจากพื้นที่ ซึ่ง สิ่งของดังกล่าวจะนำไปไว้ที่สำนักงานเขตพระนคร และผู้ค้าที่เป็นเจ้าของสามารถนำไปรับคืนได้ โดยจะต้องเสียค่าปรับด้วย ทั้งนี้อยากขอความร่วมมือผู้ค้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ค้ากทม. หรือ ต่างจังหวัด ในวันที่ 2 พ.ย. และวันที่ 14-16 พ.ย.นี้ห้ามนำสินค้ามาขายในบริเวณสนามหลวงอย่างเด็ดขาด
***คนบางตารับเหรียญสล้าง
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อรอรับเหรียญ “กู้วิกฤตชาติ” ของ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีต รองอธิบดีกรมตำรวจ (รอง อ.ตร.) ที่มีการแจกคูปองในงานเจริญพระพุทธมนต์ “กู้วิกฤตชาติ” ที่จัดขึ้น ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีประชาชนทยอยเดินทางมารับเหรียญอย่างบางตา ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.สล้าง เกี่ยวกับการปิดล้อมทำเนียบที่กลับไปกลับมาจึงทำให้ขาดความน่าเชื่อถือก็เป็นได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในกองบัญชาการตำรวจนครบาล บริเวณสวนหย่อมด้านซ้ายของประตูทางเข้า มีการตั้งเต็นท์ลงทะเบียนมอบเหรียญให้ประชาชนเดินเข้ามารับเหรียญได้อย่างสะดวกโดยไม่มีตรวจสอบบุคคลแต่อย่างใด โดยภายในเต็นท์มีการตั้งโต๊ะ มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นนักศึกษาประมาณ 5 คนคอยให้บริการ ซึ่งผู้ที่จะรับเหรียญได้นั้นต้องมีคูปองรับเหรียญ พร้อมนำบัตรประจำตัวประชาชนมาเป็นหลักฐานแสดง ซึ่งก่อนรับเหรียญจะมีการลงรายละเอียด ทั้งเลขประชาชน 13 หลักที่อยู่ตามบัตร และลงลายมือชื่อก่อนรับเหรียญด้วย ส่วนด้านซ้ายของโต๊ะลงทะเบียนจะมีการแจกซีดี “พันธมิตรฆ่าประชาชน” ควบคู่กันไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ได้ให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีการแจกเหรียญของ พล.ต.อ.สล้าง ที่ บช.น. แต่วันนี้กลับมีการตั้งเต็นท์แจกเหรียญและซีดีอย่างเป็นล่ำเป็นสัน และมีทั้งตำรวจ และประชาชนทยอยมารับอย่างต่อเนื่อง
**นักรบศรีวิชัยรายงานตัวศาล
เวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน จากสภาทนายความ นำผู้ต้องหากลุ่มนักรบศรีวิชัย และการ์ดของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำนวน 81 คน เป็นชาย 78 คน เป็นหญิง 4 คน ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหา บุกรุกสถานีโทรทัศน์ NBT โดยมีอาวุธ และข้อหาอื่น รวม 6 ข้อหา เหตุเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 26 ส.ค.51 ที่ผ่านมา มารายงานตัวต่อศาลเป็นครั้งที่ 2 ตามข้อกำหนดของศาลที่อนุญาตให้ประกัน
ทั้งนี้ศาลได้นัดให้นักรบศรีวิชัยทั้ง 81 คน มารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 6 พ.ย. นี้ ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คนที่ยังไม่ได้รับการประกันตัวนายนิติธร ทนายความเตรียมนำหลักทรัพย์ เงินสด 2 แสนบาท มายื่นขอประกันตัวต่อไป
**ส่งเทศกิจคุมสวนสันติฯ
นายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันอันตรายจากดอกไม้เพลิงในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ประจำปี 2551 ของ กทม. ว่า สำหรับการจัดงานบริเวณสวนสันติชัยปราการ ใกล้กับท่าพระอาทิตย์ ที่ทำการหนังสือพิมพ์ผู้จัดการนั้น ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานลอยกระทงของ กทม.ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)นั้น จะเน้นความปลอดภัยเป็นพิเศษ แต่เชื่อว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น.