มีคนมักชอบให้ผมเข้าไปดูเว็บต่างๆ ที่เป็นฝ่าย “ตรงข้าม” กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่บ่อยๆ ผมเองก็ไม่ค่อยใส่ใจ แต่ทนลูกตื๊อไม่ไหวเพราะเหตุที่พวกคนเหล่านี้บอกว่าควรจะใช้หลักรู้เขารู้เราบ้าง ผมก็เลยท่องเว็บเหล่านี้อยู่สองสามวัน
เว็บพวกนี้ก็เป็นที่รู้จักกันดี เป็นเว็บที่มีการตั้งกระทู้ประเภทให้คนมาตอบ และบางครั้งก็เป็นกระทู้ล่อเป้า คือล่อให้คนมาตอบทั้งๆ ที่รู้แล้วว่าจะได้คนแบบไหน และมาตอบอย่างไร
บางคนนั้น จากที่อ่านก็เห็นว่าระดับการรับรู้ทางการเมืองค่อนข้างจะฟันธงได้เลยว่าเป็นบุคคลประเภทมีความคิดแบบ Fixed idea คือ “กำหนดเอาตัวเองเป็นคำตอบ” โดยไม่ได้ดูเหตุผลหรือหาข้อมูลอื่น ดังนั้นเท่ากับปิดกั้นความคิดอื่นๆ
อีกพวกหนึ่งก็มักจะโพสต์รูป, ข้อความ รวมทั้งไปประดิษฐ์โปสเตอร์ “เบื่อพันธมิตรฯ” ค่อนข้างหลากหลายมาก
แล้วก็เรียกแกนนำบางคนว่า “แป๊ะลิ้ม” อะไรทำนองนั้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้ตัวตนของเขาแม้สักกระผีก
เว็บพวกนี้จะมียาดำมาแทรก หมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบัน ไม่รู้ว่าปล่อยไว้ได้อย่างไร
คนรุ่นหลังนี่ไม่เคารพสถาบันก็ไม่น้อย เหตุผลกลใดไม่ทราบทั้งๆ เรียนจบกันมาก็รับปริญญาบัตรมากับพระหัตถ์ของพระองค์ท่านด้วยกันทั้งนั้น ดูข่าวก็มีพระราชกรณียกิจให้ได้เห็นแทบทุกวันอยู่แล้ว
เอาเป็นว่าในระยะประมาณหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ การท่องเว็บของผมนั้นเกือบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรมากไปกว่ารู้ว่ามีคนจำนวนหนึ่งไม่ได้ชื่นชมกับพันธมิตรฯ คนพวกนี้ว่ากันตามจริงก็สิงสู่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ และสนใจการเมืองอย่างผิวเผิน และผมเองก็มั่นใจว่า พวกเขาไม่เคยเคลื่อนไหวในกิจกรรมทางการเมือง ไม่เข้าร่วมทั้ง 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภาทมิฬ คงเสพสุขอยู่กับโลกไซเบอร์เท่านั้น
หวังอะไรได้กับระบบความคิดของคนเหล่านี้
ลึกๆ แล้ว พวกเขาคงอยากได้คนอย่างนายทักษิณกลับมาเป็นใหญ่เป็นโตอีกครั้ง
เกือบทุกคนอาจพร้อมกันยกขบวนไปเชียร์ พวกเสื้อแดง นปช.อะไรนั่น และก็อาจจะพร้อมเห็นพันธมิตรฯ โดนทุบตีด้วย
ขอยุติเรื่องเส็งเคร็งเหล่านี้ ไปเขียนเรื่องอื่นจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านมากกว่าครับ
การดิ้นรนของอดีตนายกฯ ทักษิณนั้นยังคงเป็นข่าวต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่น่าจะหมดฤทธิ์เพราะแกโดนหลายคดีมาก
นี่ทนายความของแกจู่ๆ ก็ทำพิลึกอีกไปร้องต่อศาลให้ศาลออกหมายเรียกคุณสนธิ ลิ้มทองกุล โดยกล่าวว่าแม้วเคยฟ้องคุณสนธิในข้อกล่าวหาคดีแพ่งเรียกเงิน 100 ล้านบาท ห้ามคุณสนธิพูดจาให้แม้วเสียหายอีก โดยศาลก็สั่งไปแล้วเมื่อ 1 ก.ค. 51 แต่คุณสนธิกลับพูดอีก หาว่าแม้วไปจ้างวานให้ล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ (แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ล้มสถาบัน)
แบบนี้ก็มีครับท่าน!
ส่วนอีกคนหนึ่งจอมจาบจ้วงสถาบันในที่ชุมนุมคนจำนวนมาก ได้แก่ นายสุชาติ นาคบางไทร ซึ่งเป็นตัวเอ้ของ นปช. นายคนนี้ไม่เคยเห็นสถาบันว่าควรดำรงอยู่คู่สังคมไทยเลย
นายสุชาติแกนอกจากจะจาบจ้วงแล้ว ยังเลยเถิดแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อในหลวง พระราชินี รัชทายาท และราชวงศ์อื่นๆ ด้วย โดยกระทำพฤติกรรมอันอุบาทว์ชาติชั่วนี้ที่สนามหลวงครับท่าน และเลือกทำเมื่อ 14 ตุลาคมที่ผ่านมาอย่างโจ่งแจ้ง
ตำรวจยังตามตัวไม่พบ คาดว่าหนีหัวซุกหัวซุน
เวลานี้พวก นปช.ที่โดนขังในข้อหาหมิ่นสถาบันก็ยังติดคุกอยู่ เช่น น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือรู้จักกันในนาม “ดา ตอร์ปิโด” นางบุญยืน ประเสริฐยิ่ง คนนี้เป็นแกนนำกลุ่มประชาชนก้าวหน้า นายชูชีพ ชีวกุลสุทธิ์ ประธานชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ (คนสนิททักษิณ) ชอบหมิ่นในหลวงผ่านวิทยุชุมชนจนผู้ฟังทนไม่ไหว แถมไอ้ชูชีพยังมีเว็บหมิ่นสถาบันรองรับความชั่วมันด้วย
อีกคนหนึ่งสำคัญมาก คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ ถูกหมายจับเพราะทะลึ่งไปพูดที่สนามหลวง หมิ่นแล้วยังอาฆาตในหลวงอีก
ยังมีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.สำนักนายกฯ และอดีตก็เป็น นปก.คดีหมิ่นเช่นกัน คดีนายจักรภพนี้อัยการสั่งฟ้องศาลแล้ว
เห็นหรือยังว่า พวกแกนนำ นปช.ทั้งหลายนั้นมันล้วนแต่ไม่มีความจงรักภักดีต่อในหลวง และสถาบัน ซึ่งประชาชนคนไทยให้ความศรัทธา และอยู่ในหัวใจมาโดยตลอด
พวกคนและสมาชิกของ นปช.ก็คงชอบที่ได้ยินได้ฟังการหมิ่นสถาบันเป็นนิจสิน และแน่นอนละครับคนพวกนี้ก็ไม่นิยมสถาบันกษัตริย์เช่นกัน
มันทำกันเป็นขบวนการใหญ่โตระดับชาติเลยล่ะ
นอกเหนือจากนี้แล้ว นปช.ทำอะไรกันอีก
อ๋อ ก็ปกป้องพ่อของพวกมันไง
ทักษิณ! พวกเขาเคารพทักษิณแทนในหลวงไงครับ
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา พ่อของมันโดนพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ โดยเป็นคดีทุจริตที่ใหญ่โตมโหฬาร คือการทุจริตซื้อที่ดิน 33 ไร่ บนถนนรัชดาภิเษก มูลค่ารวมก็มากกว่า 770 ล้านบาท
โดนฟ้องทั้งผัวเมีย คือแม้วกับอ้อ
เรื่องนี้ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์เสร็จสรรพ โดยประมูลไป 770 กว่าล้านบาท ทั้งที่มูลค่ามันร่วม 2 พันล้านบาท การโอนกรรมสิทธิ์ทำเมื่อ 30 ธันวาคม ปี 2546
เว็บพวกนี้ก็เป็นที่รู้จักกันดี เป็นเว็บที่มีการตั้งกระทู้ประเภทให้คนมาตอบ และบางครั้งก็เป็นกระทู้ล่อเป้า คือล่อให้คนมาตอบทั้งๆ ที่รู้แล้วว่าจะได้คนแบบไหน และมาตอบอย่างไร
บางคนนั้น จากที่อ่านก็เห็นว่าระดับการรับรู้ทางการเมืองค่อนข้างจะฟันธงได้เลยว่าเป็นบุคคลประเภทมีความคิดแบบ Fixed idea คือ “กำหนดเอาตัวเองเป็นคำตอบ” โดยไม่ได้ดูเหตุผลหรือหาข้อมูลอื่น ดังนั้นเท่ากับปิดกั้นความคิดอื่นๆ
อีกพวกหนึ่งก็มักจะโพสต์รูป, ข้อความ รวมทั้งไปประดิษฐ์โปสเตอร์ “เบื่อพันธมิตรฯ” ค่อนข้างหลากหลายมาก
แล้วก็เรียกแกนนำบางคนว่า “แป๊ะลิ้ม” อะไรทำนองนั้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้ตัวตนของเขาแม้สักกระผีก
เว็บพวกนี้จะมียาดำมาแทรก หมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบัน ไม่รู้ว่าปล่อยไว้ได้อย่างไร
คนรุ่นหลังนี่ไม่เคารพสถาบันก็ไม่น้อย เหตุผลกลใดไม่ทราบทั้งๆ เรียนจบกันมาก็รับปริญญาบัตรมากับพระหัตถ์ของพระองค์ท่านด้วยกันทั้งนั้น ดูข่าวก็มีพระราชกรณียกิจให้ได้เห็นแทบทุกวันอยู่แล้ว
เอาเป็นว่าในระยะประมาณหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ การท่องเว็บของผมนั้นเกือบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรมากไปกว่ารู้ว่ามีคนจำนวนหนึ่งไม่ได้ชื่นชมกับพันธมิตรฯ คนพวกนี้ว่ากันตามจริงก็สิงสู่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ และสนใจการเมืองอย่างผิวเผิน และผมเองก็มั่นใจว่า พวกเขาไม่เคยเคลื่อนไหวในกิจกรรมทางการเมือง ไม่เข้าร่วมทั้ง 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภาทมิฬ คงเสพสุขอยู่กับโลกไซเบอร์เท่านั้น
หวังอะไรได้กับระบบความคิดของคนเหล่านี้
ลึกๆ แล้ว พวกเขาคงอยากได้คนอย่างนายทักษิณกลับมาเป็นใหญ่เป็นโตอีกครั้ง
เกือบทุกคนอาจพร้อมกันยกขบวนไปเชียร์ พวกเสื้อแดง นปช.อะไรนั่น และก็อาจจะพร้อมเห็นพันธมิตรฯ โดนทุบตีด้วย
ขอยุติเรื่องเส็งเคร็งเหล่านี้ ไปเขียนเรื่องอื่นจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านมากกว่าครับ
การดิ้นรนของอดีตนายกฯ ทักษิณนั้นยังคงเป็นข่าวต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่น่าจะหมดฤทธิ์เพราะแกโดนหลายคดีมาก
นี่ทนายความของแกจู่ๆ ก็ทำพิลึกอีกไปร้องต่อศาลให้ศาลออกหมายเรียกคุณสนธิ ลิ้มทองกุล โดยกล่าวว่าแม้วเคยฟ้องคุณสนธิในข้อกล่าวหาคดีแพ่งเรียกเงิน 100 ล้านบาท ห้ามคุณสนธิพูดจาให้แม้วเสียหายอีก โดยศาลก็สั่งไปแล้วเมื่อ 1 ก.ค. 51 แต่คุณสนธิกลับพูดอีก หาว่าแม้วไปจ้างวานให้ล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ (แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ล้มสถาบัน)
แบบนี้ก็มีครับท่าน!
ส่วนอีกคนหนึ่งจอมจาบจ้วงสถาบันในที่ชุมนุมคนจำนวนมาก ได้แก่ นายสุชาติ นาคบางไทร ซึ่งเป็นตัวเอ้ของ นปช. นายคนนี้ไม่เคยเห็นสถาบันว่าควรดำรงอยู่คู่สังคมไทยเลย
นายสุชาติแกนอกจากจะจาบจ้วงแล้ว ยังเลยเถิดแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อในหลวง พระราชินี รัชทายาท และราชวงศ์อื่นๆ ด้วย โดยกระทำพฤติกรรมอันอุบาทว์ชาติชั่วนี้ที่สนามหลวงครับท่าน และเลือกทำเมื่อ 14 ตุลาคมที่ผ่านมาอย่างโจ่งแจ้ง
ตำรวจยังตามตัวไม่พบ คาดว่าหนีหัวซุกหัวซุน
เวลานี้พวก นปช.ที่โดนขังในข้อหาหมิ่นสถาบันก็ยังติดคุกอยู่ เช่น น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือรู้จักกันในนาม “ดา ตอร์ปิโด” นางบุญยืน ประเสริฐยิ่ง คนนี้เป็นแกนนำกลุ่มประชาชนก้าวหน้า นายชูชีพ ชีวกุลสุทธิ์ ประธานชมรมพิทักษ์รัฐธรรมนูญ (คนสนิททักษิณ) ชอบหมิ่นในหลวงผ่านวิทยุชุมชนจนผู้ฟังทนไม่ไหว แถมไอ้ชูชีพยังมีเว็บหมิ่นสถาบันรองรับความชั่วมันด้วย
อีกคนหนึ่งสำคัญมาก คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ ถูกหมายจับเพราะทะลึ่งไปพูดที่สนามหลวง หมิ่นแล้วยังอาฆาตในหลวงอีก
ยังมีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.สำนักนายกฯ และอดีตก็เป็น นปก.คดีหมิ่นเช่นกัน คดีนายจักรภพนี้อัยการสั่งฟ้องศาลแล้ว
เห็นหรือยังว่า พวกแกนนำ นปช.ทั้งหลายนั้นมันล้วนแต่ไม่มีความจงรักภักดีต่อในหลวง และสถาบัน ซึ่งประชาชนคนไทยให้ความศรัทธา และอยู่ในหัวใจมาโดยตลอด
พวกคนและสมาชิกของ นปช.ก็คงชอบที่ได้ยินได้ฟังการหมิ่นสถาบันเป็นนิจสิน และแน่นอนละครับคนพวกนี้ก็ไม่นิยมสถาบันกษัตริย์เช่นกัน
มันทำกันเป็นขบวนการใหญ่โตระดับชาติเลยล่ะ
นอกเหนือจากนี้แล้ว นปช.ทำอะไรกันอีก
อ๋อ ก็ปกป้องพ่อของพวกมันไง
ทักษิณ! พวกเขาเคารพทักษิณแทนในหลวงไงครับ
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา พ่อของมันโดนพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ โดยเป็นคดีทุจริตที่ใหญ่โตมโหฬาร คือการทุจริตซื้อที่ดิน 33 ไร่ บนถนนรัชดาภิเษก มูลค่ารวมก็มากกว่า 770 ล้านบาท
โดนฟ้องทั้งผัวเมีย คือแม้วกับอ้อ
เรื่องนี้ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์เสร็จสรรพ โดยประมูลไป 770 กว่าล้านบาท ทั้งที่มูลค่ามันร่วม 2 พันล้านบาท การโอนกรรมสิทธิ์ทำเมื่อ 30 ธันวาคม ปี 2546