xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ย้ำตุลาการที่พึ่งสุดท้ายต้องยุติธรรม ลั่นฟ้องกราวรูด ตร.ทุบตี ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุล
“สนธิ” ชี้สถาบันตุลาการเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประเทศชาติ วิงวอนให้ลืมเรื่องบุญคุณความสนิทสนมส่วนตัว แต่ให้ทำหน้าที่เพื่อเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดำรงความยุติธรรมอย่างแท้จริง อย่ายอมตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ระบุ “ความเป็นธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม” ลั่นฟ้องกราวรูดตำรวจชั่วทีเกี่ยวข้องกับการทุบตีประชาชน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย 

วันนี้ (24 ก.ย.) เมื่อเวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีทำเนียบรัฐบาล โดยเริ่มกล่าวถึงสถาบันตุลาการที่มีคนพูดว่า ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ทำลายทุกสถาบันในประเทศไทยไม่เว้นแม้แต่สถาบันตุลาการที่ได้รับการยอมรับจากสังคมอย่างสูงมาช้านาน

นายสนธิ ได้ยกตัวอย่างกรณีคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อปี 2544 ถือเป็นจุดเปลี่ยนของสถาบันตุลาการ และจากข้อมูลของ นายประพันธ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ระบุว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เคยวิ่งเต้นตุลาการเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ทักษิณ ให้พ้นผิด ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะนายสมชาย เป็นอดีตผู้พิพากษา เป็นอดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมมาก่อน แสดงว่าสถาบันตุลาการเริ่มบิดเบนมาตั้งแต่ปี 2544 และแสดงว่าตุลาการส่วนหนึ่งเป็นพวก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเป็นพวกพันธมิตรฯ หรือไม่ แต่อยากให้ศาลเป็นพวกเดียวคือพวกความถูกต้อง

“ขบวนการแทรกแซงสถาบันตุลาการมีมาตั้งแต่ปี 2544 มีตุลาการหลายคนที่ออกไปเป็น กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญ บางคนก็มีเรื่องอื้อฉาวเรื่องรับสินบน ดังนั้น ถ้ามีเรื่องนี้แสดงว่าที่มาก็มีปัญหา และประเทศไทยก็ไม่สามารถพึ่งพาอะไรได้ นอกจากสถาบันตุลาการที่ซื่อสัตย์และถูกต้อง แม้ว่ามีเพียงส่วนน้อยที่ไม่ซื่อสัตย์เราก็ยอมรับไม่ได้ เพราะทำในนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” นายสนธิ ระบุ

นายสนธิ ยังตั้งข้อสังเกตว่า แม้ที่ผ่านมาตนเองจะไม่ได้รับความเป็นธรรมหลายคดี แต่ไม่เคยวิจารณ์ตุลาการ ด้วยเหตุผลบางประการซึ่งในวงการทางกฎหมายย่อมรู้ดีว่าด้วยเหตุผลอะไร แม้จะไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษา แต่ก็ยอมรับ ดังนั้นอยากฝากถึงสถาบันตุลาการว่าท่านเป็นความหวังสุดท้ายของประเทศไทย และไม่ต้องมาชอบตนเองหรือพันธมิตรฯ แต่ต้องถามว่าสิ่งที่พวกเราต่อสู้มาท่านเห็นด้วยหรือไม่

นายสนธิ ตั้งคำถามว่า เราต่อสู้เพราะพรรพลังประชาชนไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทยซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งสรุปออกมาแล้ว และพรรคไทยรักไทยถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินตัดสินว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราต่อสู้ไม่ให้เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงท่านยอมรับหรือไม่

เราต่อสู้ในเรื่องอธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นปราสาทพระวิหาร ท่านยอมรับหรือไม่ว่าถูกต้อง และสิ่งที่รัฐบาลชุดที่แล้ว ที่มีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นรองนายกฯ ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 กรณีรับรองแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ยอมรับหรือไม่ เราสู้มาถูกต้องหรือไม่

นายสนธิ ตั้งคำถามอีกว่า ท่านยอมรับหรือไม่ว่าแกนนำพันธมิตรฯ ถูกตั้งข้อหากบฎเนื่องจากถูกตำรวจและนักการเมืองนำข้อหานี้มากลั่นแกล้งพวกเรา และท่านยอมรับหรือไม่ว่าพวกเราชุมนุมอย่างสงบสันติ อหิงสา แต่ถูกอันธพาลที่ถูกจัดตั้ง และสมรู้ร่วมคิดจากนักการเมืองและตำรวจมาทำร้ายพวกเราซึ่งมีหลักฐานปรากฎชัดเจน

นายสนธิ กล่าวอีว่า เวลานี้มีขบวนการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งนายจักรภพ เพ็ญแข และกรณี ดา ตอร์ปิโด ท่านยอมรับหรือไม่ ถ้าท่านยอมรับแสดงว่าท่านมีจุดยืนแบบเดียวกับพันธมิตรฯ แต่ท่านไม่ต้องประกาศเป็นพันธมิตรฯ แต่ท่านต้องพิพากษาด้วยความเป็นธรรม เพราะพันธมิตรฯ เอาธรรมนำหน้า ซึ่งธรรมะของพระพุทธเจ้าเข้าได้กับทุกหมู่เหล่า

“ผมอยากวิงวอนท่านสมชาย และผู้พิพากษาต้องแยกความมีบุญคุณต่อกัน เพราะผู้ที่มีบุญคุณของท่านคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะศาลเป็นที่พึ่งของสังคม เพราะทำในนามของพระมหากษัตริย์” นายสนธิ ระบุ และว่า กระบวนการยุติธรรมถูกแบ่งซอยเป็นศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาสฎีกา ทั้งหมดต้องใช้เวลา 5-6 ปี บางครั้งถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมต้องใช้เวลาถึง 6 ปี

นายสนธิ กล่าววิงวอนศาลทั้งหมดรวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครอง เพราะรู้อยู่แล้วว่าความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความอยุติธรรมนั่นเอง

นอกจากนี้ นายสนธิยังตั้งข้อสังเกตกรณีมีอดีตนายพลตำรวจ ทหาร และผู้พิพากษาที่ไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ แม้กฎหมายไม่ห้าม แต่ถือว่าไม่สมควร แต่ปัจจุบันที่น่าเกลียดก็คือมีนายพลตำรวจและทหารที่ยังรับราชการอยู่ไปเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจอยู่ พร้อมทั้งยกตัวอย่างกระทรวงมหาดไทยที่แต่งตั้งนายตำรวจยศพลตำรวจตรีในหน่วยงานสันติบาลเพื่อเป็นบำเหน็จในการสั่งใช้กำลังปราบปรามประชาชน

นายสนธิ กล่าวว่า สำหรับเรื่องทุบตีประชาชนนั้นนายตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นชั้นยศไหนไปจนถึงนายพลตำรวจเอกจะต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดีนับสิบคดีอย่างแน่นอน รวมทั้งจะฟ้องไปยัง ป.ป.ช.เพื่อให้ปลดจากราชการด้วย ขณะเดียวกันจะฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วย โดยขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเอาไว้ทั้งหมด ซึ่งถ้าบรรดาตำรวจเหล่านั้นรอดำเนินคดีไปได้ถือว่าชาติก่อนทำบุญไว้มาก แต่ถ้าไม่รอดก็ถือว่ารับกรรมไปก็แล้วกัน และให้ดู พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นตัวอย่างที่กำลังถูกฟ้องหลายคดี ซึ่งพันธมิตรฯ ทั่วประเทศจะไม่มีวันลืม เชื่อว่านายตำรวจที่เกษียณอายุราชการไปแล้วก็ยังจะต้องเดินขึ้นศาล ขณทะพันธมิตรฯ ไม่มีวันที่จะเกษียณอายุ
กำลังโหลดความคิดเห็น