นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถ้าลำพังถือตามคำพูดอย่างเดียวแล้วก็น่าชื่นใจ และน่าจะเป็นที่หวังได้ว่าจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น
แต่ความจริงนั้นบ้านเมืองจะดีขึ้นหรือแย่ลงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการพูดเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำเป็นสำคัญ และชี้ขาดกันที่การกระทำเท่านั้น
หากปากพูดมีศีล แต่มือถือสาก มีเถยจิตคิดร้ายต่อบ้านเมืองและประชาชน ถึงจะพูดดีและน่าเชื่อถืออย่างไร ผลดีก็ไม่เกิดขึ้น มิหนำซ้ำกลับจะร้ายหนักกว่าเก่า
แต่ถ้าหากปากพูดมีศีล แล้วปฏิบัติเคร่งครัดในศีล มีเมตตาจิตคิดหวังดีต่อบ้านเมืองและประชาชนก็จะสมบูรณ์พร้อมด้วยคำพูดและการกระทำ ย่อมเป็นมรรคเป็นผลที่ดีแก่บ้านเมืองและประชาชนด้วย
ดังนั้นจะปากถือศีล และปฏิบัติตามศีลจริง หรือว่าเป็นแค่มือถือสาก ปากถือศีล ย่อมเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามจับตามองกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะยุคนี้จะยึดถือเอาแต่คำพูดผู้คนเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ได้ เพราะคนไทยถูกหลอกมานักต่อนักแล้ว และที่บ้านเมืองย่ำแย่อยู่ถึงวันนี้ก็เพราะถูกหลอก และเพราะพฤติกรรมแบบมือถือสาก ปากถือศีลนั่นแหละ
คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พูดอย่างไรจึงกล่าวว่าพูดดี?
หลังจากรับพระบรมราชโองการ คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกในทำนองว่าเป็นปฐมพันธกิจหรือปฐมปณิธานในการบริหารราชการแผ่นดินก็ว่าได้ ดังนั้นคำพูดตรงนี้จึงต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เป็นพันธกิจ เป็นพันธะกรณีที่รัฐบาลคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องประพฤติปฏิบัติไม่ให้ประชาชนผิดหวัง
คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แถลงว่าเป็นผู้ที่เคารพเทิดทูนพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิตอย่างหนึ่ง จะบริหารบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างหนึ่ง และจะสร้างความสมานฉันท์กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกอย่างหนึ่ง
คำมั่นสัญญาในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ดังกล่าวนี้จึงเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องจดจำ จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และผลักดันให้คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีประพฤติและปฏิบัติตามคำมั่นสัญญานี้อย่างเคร่งครัด
คำมั่นสัญญาทั้งสามประการนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีการกล่าวถึงเรื่องใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเหตุและปัจจัยของความเดือดร้อนวุ่นวายในบ้านเมือง นั่นคือปัญหาการจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนั้น
ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นความจริงที่ดำรงอยู่ในบ้านเมือง เป็นเรื่องที่มองข้ามหรือละเลยเพิกเฉยใด ๆ ไม่ได้ หากเป็นเรื่องที่ต้องจัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ไม่ว่าจะช่วยเหลืออุ้มชูให้พ้นคดีและความผิดทั้งหลายเพื่อให้กลับเข้ามามีอำนาจเป็นใหญ่ในบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง หรือจะจัดการเรื่องราวให้เป็นไปโดยครรลองแห่งความยุติธรรมก็ตาม
ไม่ว่าทางไหนก็ต้องทำทั้งนั้น ตรงนี้จึงทำให้เป็นปมสงสัยในใจคนว่าคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะเอาอย่างไรกันแน่?
การไม่กล่าวถึงเรื่องสำคัญอย่างนี้อาจมีข้อแก้ตัวได้ว่าคำมั่นสัญญาทั้งสามประการนั้นได้ครอบคลุมปัญหาและเรื่องราวดังกล่าวเอาไว้แล้วก็ได้ เพราะ
คำมั่นสัญญาข้อแรกที่ว่าจะจงรักภักดี เทิดทูนบูชาพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิตจะต้องจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ที่มีผลต่อการสร้างความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ต้องไม่เอื้อเฟื้อหรือสนับสนุนหรือปกป้องช่วยเหลือขบวนการบ่อนทำลายล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ได้ขยายตัวเติบใหญ่กว้างขวางและต่อเนื่องมาระยะหนึ่งแล้ว
ต้องกวาดล้างเอาผิดกับขบวนการบ่อนทำลายล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงจังและจริงใจ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นบริษัทบริวารของพรรคไหนหรือของใครก็ตาม
ต้องสนับสนุนบรรดากรณียกิจทั้งหลายที่สอดคล้องรองรับกับพระปฐมบรมราชโองการในการครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม โดยเฉพาะการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นส่วนสำคัญของนโยบายรัฐบาล ยกเลิกโครงการล้างผลาญชาติที่กำลังทำให้ชาติล่มจมตามกระแสพระราชดำรัสในทันทีด้วย
คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อาจจะเริ่มต้นด้วยการสนับสนุนโครงการตามพระราชดำริให้เด่นชัด ไม่ใช่มุ่งแต่จำกัดหรือตัดรอนงบประมาณดังที่เพิ่งทำมาหยก ๆ ในงบประมาณปี 2552
ทำตรงนี้ให้เห็นประจักษ์ก็ย่อมเป็นที่ตั้งแห่งความเชื่อเป็นข้อแรก
คำมั่นสัญญาข้อสองที่ว่าจะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ย่อมครอบคลุมถึงการสรรหาคนดีมีฝีมือเข้ามาเป็นรัฐมนตรี และให้มีอำนาจในวงราชการกับทั้งกำจัดขัดขวางคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสสอน
ต้องประพฤติปฏิบัติเองและการกำกับการบริหารราชการแผ่นดินไม่ให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่ให้มีการเอื้อประโยชน์ตนและพวกพ้อง ไม่ให้นักการเมืองกอบโกยโกงกินผลาญชาติ และแน่นอนว่าย่อมครอบคลุมถึงการกำกับควบคุมคนใกล้ชิดใกล้ตัวทั้งเหนือตนและเคียงข้างตนเองด้วย
ต้องเอาผิดกับผู้ฉ้อฉลปล้นชาติทั้งหลาย ทั้งที่เกิดขึ้นในรัฐบาลก่อน ๆ และที่จะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้อย่างองอาจกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว
ต้องธำรงรักษาความยุติธรรมและขื่อแปของบ้านเมือง ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าองค์กรไหนหรือชั้นใด
ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาข้อนี้ได้ประจักษ์เมื่อใดก็จะลบข้อครหาที่ถูกปรามาสว่าได้ดีเพราะใช้กระโปรงคลุมหัวอย่างได้ผล
คำมั่นสัญญาข้อสามที่ว่าจะสมานฉันท์ปรองดองกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ย่อมสะท้อนให้เห็นว่ามีสายตาที่ยืนอยู่กับความจริงว่าขณะนี้ประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ร่วม 20 ล้านคนไม่พอใจกับการเมืองแบบเก่า ต้องการการเมืองแบบใหม่ที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
การไม่ปฏิเสธความจริงข้อนี้เป็นเบื้องต้นของความคิดที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหา และถ้าได้ดำเนินการแสวงหาความร่วมมืออย่างจริงจังและจริงใจเพื่อแก้ไขปัญหาชาติแล้วก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดี
การสร้างความสามัคคีในชาติย่อมต้องมีหลักการ ไม่ใช่ให้โจรกับพระไปสามัคคีกัน แต่ต้องทำให้โจรประพฤติปฏิบัติดีตามอย่างพระ ก็จะเกิดความสามัคคีขึ้นเอง
คำมั่นสัญญาประการนี้ย่อมครอบคลุมถึงการสลายการจัดตั้งคนเสื้อแดง แปรเป็นคนเสื้อเหลืองที่มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์อย่างเดียวกัน
ไม่ใช่คนเสื้อแดงจงรักภักดีต่อทุนสามานย์ แล้วคนเสื้อเหลืองจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์แล้วจะให้สามัคคีกัน ย่อมเป็นไปไม่ได้
ทั้งสามประการนี้เป็นเรื่องที่ต้องประพฤติปฏิบัติจริงและให้เป็นผลจริงจึงจะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยราบรื่นเรียบร้อย
มิฉะนั้นคำมั่นสัญญานี้แม้ดูสวยหรูเพียงใดก็จะเป็นแค่วาทะกรรมที่เรียกว่ามือถือสาก ปากถือศีลเท่านั้น.
แต่ความจริงนั้นบ้านเมืองจะดีขึ้นหรือแย่ลงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการพูดเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการกระทำเป็นสำคัญ และชี้ขาดกันที่การกระทำเท่านั้น
หากปากพูดมีศีล แต่มือถือสาก มีเถยจิตคิดร้ายต่อบ้านเมืองและประชาชน ถึงจะพูดดีและน่าเชื่อถืออย่างไร ผลดีก็ไม่เกิดขึ้น มิหนำซ้ำกลับจะร้ายหนักกว่าเก่า
แต่ถ้าหากปากพูดมีศีล แล้วปฏิบัติเคร่งครัดในศีล มีเมตตาจิตคิดหวังดีต่อบ้านเมืองและประชาชนก็จะสมบูรณ์พร้อมด้วยคำพูดและการกระทำ ย่อมเป็นมรรคเป็นผลที่ดีแก่บ้านเมืองและประชาชนด้วย
ดังนั้นจะปากถือศีล และปฏิบัติตามศีลจริง หรือว่าเป็นแค่มือถือสาก ปากถือศีล ย่อมเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามจับตามองกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะยุคนี้จะยึดถือเอาแต่คำพูดผู้คนเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ได้ เพราะคนไทยถูกหลอกมานักต่อนักแล้ว และที่บ้านเมืองย่ำแย่อยู่ถึงวันนี้ก็เพราะถูกหลอก และเพราะพฤติกรรมแบบมือถือสาก ปากถือศีลนั่นแหละ
คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี พูดอย่างไรจึงกล่าวว่าพูดดี?
หลังจากรับพระบรมราชโองการ คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกในทำนองว่าเป็นปฐมพันธกิจหรือปฐมปณิธานในการบริหารราชการแผ่นดินก็ว่าได้ ดังนั้นคำพูดตรงนี้จึงต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เป็นพันธกิจ เป็นพันธะกรณีที่รัฐบาลคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องประพฤติปฏิบัติไม่ให้ประชาชนผิดหวัง
คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แถลงว่าเป็นผู้ที่เคารพเทิดทูนพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิตอย่างหนึ่ง จะบริหารบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างหนึ่ง และจะสร้างความสมานฉันท์กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกอย่างหนึ่ง
คำมั่นสัญญาในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ดังกล่าวนี้จึงเป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องจดจำ จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และผลักดันให้คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีประพฤติและปฏิบัติตามคำมั่นสัญญานี้อย่างเคร่งครัด
คำมั่นสัญญาทั้งสามประการนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีการกล่าวถึงเรื่องใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเหตุและปัจจัยของความเดือดร้อนวุ่นวายในบ้านเมือง นั่นคือปัญหาการจัดการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนั้น
ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นความจริงที่ดำรงอยู่ในบ้านเมือง เป็นเรื่องที่มองข้ามหรือละเลยเพิกเฉยใด ๆ ไม่ได้ หากเป็นเรื่องที่ต้องจัดการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ไม่ว่าจะช่วยเหลืออุ้มชูให้พ้นคดีและความผิดทั้งหลายเพื่อให้กลับเข้ามามีอำนาจเป็นใหญ่ในบ้านเมืองอีกครั้งหนึ่ง หรือจะจัดการเรื่องราวให้เป็นไปโดยครรลองแห่งความยุติธรรมก็ตาม
ไม่ว่าทางไหนก็ต้องทำทั้งนั้น ตรงนี้จึงทำให้เป็นปมสงสัยในใจคนว่าคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะเอาอย่างไรกันแน่?
การไม่กล่าวถึงเรื่องสำคัญอย่างนี้อาจมีข้อแก้ตัวได้ว่าคำมั่นสัญญาทั้งสามประการนั้นได้ครอบคลุมปัญหาและเรื่องราวดังกล่าวเอาไว้แล้วก็ได้ เพราะ
คำมั่นสัญญาข้อแรกที่ว่าจะจงรักภักดี เทิดทูนบูชาพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิตจะต้องจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ที่มีผลต่อการสร้างความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ต้องไม่เอื้อเฟื้อหรือสนับสนุนหรือปกป้องช่วยเหลือขบวนการบ่อนทำลายล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ได้ขยายตัวเติบใหญ่กว้างขวางและต่อเนื่องมาระยะหนึ่งแล้ว
ต้องกวาดล้างเอาผิดกับขบวนการบ่อนทำลายล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงจังและจริงใจ ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นบริษัทบริวารของพรรคไหนหรือของใครก็ตาม
ต้องสนับสนุนบรรดากรณียกิจทั้งหลายที่สอดคล้องรองรับกับพระปฐมบรมราชโองการในการครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม โดยเฉพาะการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นส่วนสำคัญของนโยบายรัฐบาล ยกเลิกโครงการล้างผลาญชาติที่กำลังทำให้ชาติล่มจมตามกระแสพระราชดำรัสในทันทีด้วย
คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อาจจะเริ่มต้นด้วยการสนับสนุนโครงการตามพระราชดำริให้เด่นชัด ไม่ใช่มุ่งแต่จำกัดหรือตัดรอนงบประมาณดังที่เพิ่งทำมาหยก ๆ ในงบประมาณปี 2552
ทำตรงนี้ให้เห็นประจักษ์ก็ย่อมเป็นที่ตั้งแห่งความเชื่อเป็นข้อแรก
คำมั่นสัญญาข้อสองที่ว่าจะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ย่อมครอบคลุมถึงการสรรหาคนดีมีฝีมือเข้ามาเป็นรัฐมนตรี และให้มีอำนาจในวงราชการกับทั้งกำจัดขัดขวางคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสสอน
ต้องประพฤติปฏิบัติเองและการกำกับการบริหารราชการแผ่นดินไม่ให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่ให้มีการเอื้อประโยชน์ตนและพวกพ้อง ไม่ให้นักการเมืองกอบโกยโกงกินผลาญชาติ และแน่นอนว่าย่อมครอบคลุมถึงการกำกับควบคุมคนใกล้ชิดใกล้ตัวทั้งเหนือตนและเคียงข้างตนเองด้วย
ต้องเอาผิดกับผู้ฉ้อฉลปล้นชาติทั้งหลาย ทั้งที่เกิดขึ้นในรัฐบาลก่อน ๆ และที่จะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้อย่างองอาจกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว
ต้องธำรงรักษาความยุติธรรมและขื่อแปของบ้านเมือง ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าองค์กรไหนหรือชั้นใด
ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาข้อนี้ได้ประจักษ์เมื่อใดก็จะลบข้อครหาที่ถูกปรามาสว่าได้ดีเพราะใช้กระโปรงคลุมหัวอย่างได้ผล
คำมั่นสัญญาข้อสามที่ว่าจะสมานฉันท์ปรองดองกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ย่อมสะท้อนให้เห็นว่ามีสายตาที่ยืนอยู่กับความจริงว่าขณะนี้ประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ร่วม 20 ล้านคนไม่พอใจกับการเมืองแบบเก่า ต้องการการเมืองแบบใหม่ที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
การไม่ปฏิเสธความจริงข้อนี้เป็นเบื้องต้นของความคิดที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหา และถ้าได้ดำเนินการแสวงหาความร่วมมืออย่างจริงจังและจริงใจเพื่อแก้ไขปัญหาชาติแล้วก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดี
การสร้างความสามัคคีในชาติย่อมต้องมีหลักการ ไม่ใช่ให้โจรกับพระไปสามัคคีกัน แต่ต้องทำให้โจรประพฤติปฏิบัติดีตามอย่างพระ ก็จะเกิดความสามัคคีขึ้นเอง
คำมั่นสัญญาประการนี้ย่อมครอบคลุมถึงการสลายการจัดตั้งคนเสื้อแดง แปรเป็นคนเสื้อเหลืองที่มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์อย่างเดียวกัน
ไม่ใช่คนเสื้อแดงจงรักภักดีต่อทุนสามานย์ แล้วคนเสื้อเหลืองจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์แล้วจะให้สามัคคีกัน ย่อมเป็นไปไม่ได้
ทั้งสามประการนี้เป็นเรื่องที่ต้องประพฤติปฏิบัติจริงและให้เป็นผลจริงจึงจะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยราบรื่นเรียบร้อย
มิฉะนั้นคำมั่นสัญญานี้แม้ดูสวยหรูเพียงใดก็จะเป็นแค่วาทะกรรมที่เรียกว่ามือถือสาก ปากถือศีลเท่านั้น.