“สันติ ตั้งรพีพากร” จวกนายกฯ หุ่นเชิด หวังเหยียบพันธมิตรฯ ด้วยการอ้างมาจากระบบ ป้ายสีการชุมนุมเหมือนการเมืองข้างถนน ระบุถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงประเทศ เปิดทางการเมืองใหม่ ขจัดอสูรกายทางการเมือง เปิดทางให้อำนาจที่มีคุณธรรมเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสันติ ตั้งรพีพากร ปราศรัย
วันนี้ (5 ก.ย.) นายสันติ ตั้งรพีพากร วิทยากรผู้เชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐศาสตร์ประเทศจีน ขึ้นปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณทำเนียบรัฐบาล เพื่อย้ำถึงภารกิจสถาปนาอำนาจประชาชนแทนอำนาจกลุ่มทุนสามานย์ว่า การเมืองการครองในระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นระบอบการเมืองของประเทศไทย ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่ภารกิจของพันธมิตรฯ คือ จะเอาเนื้อร้าย ซึ่งคือกลุ่มอำนาจทุนสามานย์ออกไป แล้วสถาปนาอำนาจประชาชน ด้วยเจตนารมณ์ที่จะสร้างอำนาจประชาชนเพื่อประชาชน ให้ประชาธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
นายสันติ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะอ้างว่ามาจากระบบ กล่าวหาพันธมิตรฯ เป็นการเมืองข้างถนน คงไม่ถูกต้อง เป็นความคิดที่ผิดถนัด พยายามใส่ร้ายป้ายสีหวังจะเหยียบพันธมิตรฯ ให้จมลงแล้วยกตัวเองขึ้นมา อย่างเช่นเมื่อเช้าวันที่ 4 ก.ย.ก็พูดยกตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มาจากระบบ หากการพูดเพียงเพื่อกระทบชิ่งไปยัง คมช.(คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ) ก็ไม่น่าจะเป็นไร แต่การพูดกล่าวหาพันธมิตรฯ เป็นพวกการเมืองนอกระบบ การเมืองข้างถนน เป็นสิ่งที่ยอมรับกันไม่ได้ ทั้งๆ ที่ความจริง สิ่งที่พันธมิตรฯ กำลังสร้างขึ้นมานั้นก็เป็นระบบเช่นกัน และจะเป็นระบบการเมืองใหม่ที่ดีกว่าวันนี้แน่นอน
ทั้งนี้ นายสันติได้ขยายความระบบการเมืองใหม่ที่พันธมิตรฯ จะสร้างขึ้นว่า ระบบการเมืองเป็นสิ่งที่คนสร้างขึ้นได้ การเมืองของประเทศไทยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 การเมืองที่เน้นระบบการเลือกตั้งที่เป็นหัวใจของประชาธิปไตย มันได้สร้างสิ่งที่แย่ขึ้นมา คือ อสุรกายทางการเมือง พวกกลุ่มการเมืองขี้ฉ้อทั้งหลาย เหมารวม รวบหัวรวมหางประเทศไปอยู่ในมือมานานนับสิบปีแล้ว โกงกินสารพัดโดยที่คนไทยได้เพียงแค่ยืนทำตาปริบ ปริบ เพียงเท่านั้น
“การเมืองใหม่ของของเราจะต้องปิดประตูความชั่วให้สนิท นั่นหมายความว่า อำนาจแกนกลางในการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่อยู่ในมือกลุ่มทุนสามานย์ต้องถูกกำจัดให้หมดสิ้น เปิดทางให้อำนาจที่มีคุณธรรม มีอุดมการณ์ มีจริยธรรม และเป็นอำนาจที่ยั่งยืน สามารถยังประโยชน์สูงสุดให้แก่ประเทศชาติและประชาชน เป็นอำนาจระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่แท้จริง การพัฒนาแบบวงจรที่เป็นคุณจะเข้ามาแทนการเมืองที่ชั่วช้าในที่สุด” นายสันติ กล่าว