xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” ย้ำต้าน “พลังแม้ว-5 พรรคร่วม” ถึงที่สุด ปูทางสู่การเมืองใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิภพ ธงไชย
“พิภพ”ย้ำพันธมิตรฯ ยึดทำเนียบขวางนักการเมืองโกงบริหารประเทศ ถึงเวลาต้องหยุดยั้งพฤติกรรมทุจริตไม่ให้สืบทอดไปสู่ลูกหลาน เผยเค้าโครงการเมืองใหม่ ระบบทุนต้องเสรีและเป็นธรรม พร้อมมีทางเลือกให้ ปชช. ไม่ผูกขาด-ครอบงำโดยทุนสามานย์ เชื่อ “พลังแม้ว” และ 5 พรรคร่วมไม่สร้างการเมืองใหม่แน่ ต้องปฏิเสธและต่อต้านถึงที่สุด

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

เมื่อเวลา 21.50 น.วันที่ 15 ก.ย. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้กล่าวชื่นชมบทบาทของผู้หญิงในการต่อสู้ของพันธมิตรครั้งนี้ ที่ผู้หญิงเป็นกำลังสำคัญทั้งด้านการรักษาพยาบาล การดูแลความเป็นอยู่ และอาหารการกิน นอกจากนี้จะเห็นว่าในการชุมนุมของประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ผ่านมา ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของสมัชชาคนจน การต่อต้านบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน การปิดท่อก๊าซไทย-พม่าของ ปตท.ที่ป่ากาญจนบุรี การต่อต้านท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซ ปตท.ที่ จ.สงขลา นอกจากนี้ ผู้หญิงยังมีบทบาทต่อสู้เพื่อผู้ใช้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ถูกเอารัดเอาเปรียบอีกด้วย

นายพิภพ กล่าวต่อว่า เรามาสู้ครั้งนี้ สู้เพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ สู้กับคนที่ฉีกรัฐธรรมนูญ และได้เข้าสู่อำนาจโดยการโกงการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นวิธีการเข้าสู่อำนาจโดยผิดรัฐธรรมนูญ คนพวกนี้ต่างหากที่ควรโดนข้อหากบฏ แต่กลับมาตั้งข้อหาพวกเรา 9 คน ซึ่งเราก็ไม่กลัว อยากให้มาจับเลย จะดูว่าจะฝ่าเข้ามาได้หรือไม่

นายพิภพ ย้ำว่า เราทำตามกฎหมายทุกอย่าง นั่นคือมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยสิทธิในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ตั้งแต่กระบวนการที่จะถูกฉีก กระบวนการที่จะเข้าสู่อำนาจโดยไม่ถูกต้อง เราสู้ตั้งแต่ กกต.ยังโลเล จนกระทั่งมีมติว่าพรรคการเมือง 3-4 พรรคทำผิดกฎหมาย ซื้อเสียงเลือกตั้ง โดยที่กรรมการบริหารพรรคทำผิดเอง จะต้องมีการยุบพรรค

“ถ้าว่ากันตามมาตรฐานฝรั่ง รัฐบาลที่มาจากการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และกำลังจะถูกยุบพรรค ตามมารยาททางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เขาจะต้องลาออกไปเลย แต่ทุกวันนี้พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล เขาทำผิดกฎหมาย และยังจะเป็นรัฐบาลต่อ เราจึงปฏิเสธรัฐบาลชุดนี้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้อต้านรัฐบาลนี้และ 6พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งมีหลายพรรค กกต.มีมติให้ยุบพรรคแล้ว แต่ก็ยังหน้าด้านอยู่”

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ไม่ใช่ว่าพันธมิตรฯ เรื่องมาก ใครก็ไม่เอา แต่ที่เราไม่เอารัฐบาลนี้ เพราะเป็นรัฐบาลที่ทำผิดกฎหมาย และกำลังจะถูกยุบพรรค ไม่มีสิทธิที่จะมาจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่การทำงานของกระบวนการตุลาการขณะนี้ช้าไปเท่านั้น ซึ่งการช้าของท่านจะทำให้ประเทศเสียหาย เท่ากับปล่อยให้คนโกง และทำผิดกฎหมายมาบริหารประเทศเพื่อโกงเงินแผ่นดินต่อไปอีก เพราะฉะนั้นกระบวนการยุติธรรมต้องเร่งรัด ตอนนี้เรื่องอยู่ที่อัยการ ต้องเร่งรัด ไม่เช่นนั้นอัยการก็จะถูกกล่าวหาว่าเข้าข้างระบอบทักษิณ ปล่อยให้รัฐบาลที่ทำผิดกฎหมายบริหารประเทศต่อไปได้

“นี่คือเหตุผลที่เรามายึดทำเนียบ แต่เราไม่ได้เข้าไปข้าง เพียงแต่เราต้องการบอกว่าคุณทำผิดกฎหมาย เราจึงยึดทำเนียบไว้ไม่ให้คุณมีสิทธิบริหารประเทศ”

นายพิภพ กล่าวต่อว่า การบริหารประเทศนั้นจะใช้กฎหมายรองรับความถูกต้องอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีจริยธรรมรองรับด้วย เพราะฉะนั้นในการปกครอง นอกจากมีศาล มีสภา มีรัฐบาลแล้ว ต้องมีศาสนารองรับด้วย ซึ่งปัญหาของบ้านเราคือ นักการเมืองปฏิเสธหลักทางศาสนา จึงไม่มีจริยธรรมแม้แต่สักนิดเดียวในการบริหารบ้านเมือง แต่พวกเราพันธมิตรมีมาตรฐานจริยธรรมที่สูงกว่า ซึ่งภาษาทางวัด ก็ถือว่าคนที่มีศีลต่ำกว่าจะมาปกครองคนที่มีศีลธรรมสูงกว่าก็ไม่ได้ โดยเฉพาะคนอย่างนายสมัคร สุนทรเวช ที่ทำผิดศีล 5 มาโดยตลอด

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังตั้งรัฐบาลไม่ได้เพราะมีการต่อรองผลประโยชน์ เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี เลขารัฐมนตรี ไม่ได้ต่อรองเพื่อประเทศชาติ นักการเมืองมีแต่การตระบัดสัตย์ ตระบัดศีล โกงกินบ้านเมือง จึงถึงเวลาแล้วที่เราต้องเปลี่ยนไปสู่การเมืองใหม่

“มีคนถามผมว่า เรื่องการเมืองใหม่ เป็นเรื่องที่พันธมิตรชูขึ้นมาเพื่อที่จะไม่หยุดหรือไม่ ผมตอบได้ทันทีว่า ไม่ใช่ เพราะเราสู้มาก่อน 19 ก.ย.2549 สู้มาตั้งแต่ปี 2547-2548 ว่าพรรคไทยรักไทยโกงกินอย่างไร เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณออกไป ก็ยังตั้งพรรคพลังประชาชน เอานักการเมืองเก่าที่เคยร่วมกันโกงกินมาครองบ้านเมืองอีก ถ้าเราไม่สามารถขจัดคนพวกนี้ออกไปได้จากการเมืองไทย การทุจริตก็จะถูกส่งต่อจากพ่อสู่ลูก เราจึงเห็นลูกเมียนักการเมืองโผล่เป็นแถว และจะสืบทอดการโกงกินต่อไป

การเมืองแบบนี้เป็นการเมืองเก่า เราทนมานานหลายสิบปีแล้ว ถ้าคนอายุ 40 ก็ทนมา 30 ปี คนอายุ 50 ก็ทนมา 40 ปี ใครอายุ 60 ก็ทนมา 50 ปี จะเราเหลือทนแล้ว เราจะส่งเรื่องนี้ต่อไปให้ลูกหลานไม่ได้อีก เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เราคิดการเมืองใหม่ขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย แต่เราคิดว่าการเมืองใหม่เท่านั้นที่เป็นคำตอบ เราต้องแก้ปัญหาการทุจริต ปัญหาจริยธรรม ปัญหาการใช้อำนาจของตำรวจข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม ปัญหานักธุรกิจที่เกาะกับนักการเมืองโกงกินประเทศชาติ”

นายพิภพ กล่าวว่า เราต้องแก้ไขเรื่องทุนสามานย์ เราไม่ได้ปฏิเสธว่าเราอยู่ในยุคทุนนิยมเสรี แต่เราต้องการความเป็นธรรมของทุนนิยมเสรี ถ้าทุนเสรีและเป็นธรรมไม่ผูกขาดตัดตอน ไม่เป็นทุนสามานย์ ชีวิตเราก็เป็นสุขในการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ขณะเดียวกันก็มีการคุ้มครองผู้บริโภค ซื้อรถไปแล้วไม่ต้องทุบรถ ระบบเศรษฐกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับตระกูลใดตระกูลหนึ่งไปจนตาย ทุนไม่ยอมสยบอยู่กับนักการเมืองจนกลายเป็นทุนสามานย์

“นี่คือการเมืองใหม่ เดี๋ยวจะคิดว่าเรากำลังจะหนีโลกาภิวัฒน์ หนีทุนนิยม เราไม่หนี แต่เราจะเผชิญด้วยความเป็นธรรม และยุติธรรม ค่าแรงงานขั้นต่ำ ต้องให้ผู้ใช้แรงงานอยู่ได้ เกษตรกรต้องได้รับการประกันและดูแลอย่าดี ไม่ถูกผูกขาดโดยทุนที่จะให้ใช้ปุ๋ย ใช้ยาฆ่าแลงไปตลอดชีวิต จนติดอยู่กับกลุ่มทุนสามานย์กลุ่มเดียว ทำให้วิตคนไม่มีทางเลือก

งานของเราเรื่องการเมืองใหม่ สังคมใหม่จะเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคน ถ้าใครจะอยู่กับระบอบทุนนิยม ต้องเป็นทุนนิยมที่เป็นธรรม แต่ถ้าเขาไม่เอาระบบทุน ก็ต้องมีวิถีชีวิตให้เขา เช่น จะอยู่แบบพอเพียง ก็ต้องมีทางเลือกให้เขา การเมืองใหม่จะเกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คนทุกอาชีพและไม่บังคับให้คนมีวิถีชีวิตแบบเดียว การแพทย์ต้องมีแพทย์ทางเลือก ให้สามารถใช้สมุนไพรได้ด้วย ไม่ใช้แต่ยาฝรั่งอย่างเดียว

“บางคนอาจจะบอกว่า คุณพิภพคุณจะใช้สมุนไพรรักษาคุณก็ใช้ไป ไม่มีใครว่าคุณ แต่ในการเมืองใหม่ เราจะให้รัฐรับรองแพทย์ทางเลือกด้วย เช่น การรักษาด้วยการนวดต้องเบิกค่ารักษาได้ ไม่ใช่ต้องใช้วิธีกายภาพแบบฝรั่งอย่างเดียว ถ้าเราไม่ต้องการักษาแบบฝรั่ง ต้องสามารถรักษาแบบทางเลือก รักษาโดยใช้สมุนไพร หรือฝังเข็มแบบจีนได้

การเมืองใหม่ต้องมีทางเลือกให้ประชาชนมากขึ้น และเราไมได้ทำเล่นๆ เราทำจริง ชีวิตเราจะมีความสุข อยู่ในทุนก็มีความสุขเพราะมีความเป็นธรรม ใครไม่ชอบใจทุน ก็มีมีชีวิตแบบทางเลือกได้ เช่น แบบบุญนิยม ของสันติอโศก ซึ่งอยู่กับทุนได้ ถ้าไม่ใช่ทุนสามานย์ วิถีชีวิตแบบสมัยใหม่ก็อยู่กับธรรมชาติได้ แต่ต้องคำนึงว่าไม่รุกรานธรรมชาติ หรือทำลายธรรมชาติ

เรื่องการศึกษา ต้องไม่มีแค่ระบบเดียว ตอนนี้ทุกคนรู้ว่า ระบบการศึกษาเดียวโดยกระทรวงศึกษาธิการไปไม่ได้ เพราะเด็กมีความแตกต่างกัน บางคนฉลาด บางคนเป็นออธิสติก บางคนปัญญาอ่อน เราต้องมีระบบการศึกษาหลายระบบรองรับ และรัฐจะต้องให้เงินอุดหนุนทุกระบบ พ่อแม่บางคนมีลูกที่ฉลาดมากๆ ถ้าไปเข้าโรงเรียนครูอาจจะทำให้โง่ลง พ่อแม่เขาต้องการสอนหนังสือเอง ก็ต้องจัดหลักสูตรเรียนที่บ้านได้ โดยรัฐต้องรับรอง

โจทย์สำคัญคือ เราต้องได้รัฐบาลที่จะมาทำการเมืองใหม่ ซึ่งถ้ารัฐบาลชุดนี้เข้ามาก็เป็นการเมืองเก่าอีก ซึ่งคุณไม่มีสิทธิ และคุณไม่สามรถทำการเมืองใหม่ได้ การเมืองใหม่ ต้องมาจาการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง ที่เรียกว่าประชาภิวัฒน์”

นายพิภพ ย้ำในตอนท้ายว่า เราจะสู้ต่อไปจนกว่าจะได้การเมืองใหม่ ซึ่งกุญแจอยู่ที่ทำอย่างไรจึงจะได้รัฐบาลที่สร้างการเมืองใหม่ เราต้องปฏิเสธพรรคพลังประชนชนและ 5 พรรคร่วม และต้องปฏิเสธให้ถึงที่สุด ถ้าเขาไม่เปลี่ยนแปลงก็ต้องไม่เป็นรัฐบาล
กำลังโหลดความคิดเห็น