การเมืองใหม่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
18. อำนาจใหม่- อำนาจนำใหม่เหนือสังคมไทย ทำความเข้าใจได้เป็นเบื้องต้นว่า “จุดเปลี่ยนประเทศไทย” อยู่ที่การเปลี่ยนถ่าย “อำนาจนำ” จากอำนาจนำเก่า ในมือของกลุ่มทุน ปัจจุบันคือกลุ่มทุนสามานย์ระบอบทักษิณ ที่มีรัฐบาลหุ่นเชิดเป็นตัวแทน มาเป็นอำนาจใหม่ ในมือของประชาชนที่มีขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นตัวแทน
19. อำนาจประชาชน - อำนาจใหม่ หมายถึงขบวนการการเมืองภาคประชาชน นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ดำเนินการต่อสู้ ติดอาวุธทางปัญญาให้แก่มวลชน ขยายเครือข่ายมวลชนผู้ตื่นรู้ เสริมสร้างอำนาจทางการเมืองภาคประชาชน ประชันกับอำนาจรัฐของรัฐบาลหุ่นเชิด หักล้างอำนาจรัฐของรัฐบาลหุ่นเชิดในกรณีรูปธรรมต่างๆอย่างต่อเนื่อง เป็นอำนาจกำหนดและกำกับการขับเคลื่อนทางการเมืองของประเทศไทยจากยุคเก่าไปสู่ยุคใหม่ จากการเมืองเก่าไปเป็นการเมืองใหม่ เป็นหัวใจของการเมืองไทยยุคใหม่ ที่สอดคล้องกับพัฒนาการทางการเมืองของเอเชีย จะสามารถเอาชนะอำนาจรัฐกลุ่มทุนสามานย์ในคราบระบอบทักษิณได้ในที่สุด
อำนาจนำใหม่ มาจากปัญญาใหม่ ทัศนะใหม่ ค่านิยมใหม่ การนำใหม่ สื่อแบบใหม่ มวลชนใหม่ ความสัมพันธ์ใหม่ การจัดตั้งใหม่ คุณภาพใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับตัวใหม่ของกลไกอำนาจรัฐ(กลุ่มบุคคลผู้อยู่ในสังกัดหน่วยงานราชการ) ของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆนอกวงการราชการ ที่จะต้อง “เลือกทางใหม่” ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของอำนาจนำใหม่ แข่งกับการดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง ขวัญหนีดีฝ่อของกลุ่มตัวแทนอำนาจเก่า พยายามหาทางยับยั้งขัดขวาง ทำลายกระบวนการพัฒนาของอำนาจนำใหม่ทุกวิถีทาง
20. อำนาจนำใหม่ – อำนาจยั่งยืน จะเข้าแทนที่อำนาจนำเดิม ซึ่งเป็นอำนาจเสื่อมในตัว ไม่สอดคล้องกับยุคสมัย อำนาจนำใหม่เป็นอำนาจของประชาชน โดยขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำ กำหนดให้ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปในทิศทางที่เอื้อประโยชน์แก่ประชาชนส่วนใหญ่ แก่ประเทศชาติ สร้างความเจริญแก่ชาติบ้านเมือง สร้างความผาสุกให้แก่ประชาชน สองสิ่งที่เป็นตัววัด “ความทันยุคทันสมัย”ของสังคมโลกยุคปัจจุบัน อันหมายถึงว่า ประเทศชาติจักต้องเจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้าน ประชาชนชาวไทยมีความรู้ มีปัญญา และมีธรรม เป็นประชากรคุณภาพของสังคมโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง
21. การสถาปนาอำนาจนำใหม่ กับ การดิ้นรนรักษาอำนาจนำเก่า ขบวนการการเมืองภาคประชาชนดำเนินการสถาปนาอำนาจนำใหม่ด้วยการจุดเทียนปัญญา ติดอาวุธทางปัญญาให้แก่มวลชน เคลื่อนไหวชุมนุมเปิดมหาวิทยาลัยราชดำเนิน ให้การศึกษาในเรื่องต่างๆตลอด 24 ชั่วโมงผ่านเครือข่ายเอเอสทีวี เปิดเวทีพันธมิตรขึ้นในขอบเขตทั่วทั้งประเทศและในต่างประเทศ ขณะที่กลุ่มอำนาจเก่าที่ควบคุมกลไกอำนาจรัฐพยายามจัดสรรอำนาจในระบบให้อยู่ในการควบคุมของพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ พร้อมกับสร้างโอกาสตักตวงผลประโยชน์เข้าตัวอยู่ตลอดเวลา หรือที่เรียกว่า “ตีกิน” เสวยผลในท่ามกลางวิกฤติที่ตนกำลังเผชิญอยู่ (โลภจนน้ำลายหยดสุดท้าย)
22. การดำรงอยู่ของอำนาจนำทางการเมืองในระยะเปลี่ยนผ่าน ที่อำนาจเก่ากำลังจะสูญสิ้นฐานะนำ และอำนาจใหม่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นอำนาจนำแทนที่ จะมีลักษณะเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลในตัวเองดังนี้
ก. อำนาจภาคประชาชน ประกอบด้วยองค์กรแกนนำ กองหน้า, มวลชนตื่นรู้ เปิดกว้าง เป็นพลวัต อารยะ (ผู้ทำ) --------- กลไกรัฐ, กลุ่มผลประโยชน์, กลุ่มอำนาจปลีกย่อย (ผู้ร่วมทำ ทำตามแนวทางกำกับ สนองตอบ สนองรับอำนาจภาคประชาชน ตามบทบาทและสถานภาพของตนในสังคม) --------- สาธารณชน (ผู้รับ ผู้ได้รับประโยชน์)
ข. อำนาจกลุ่มทุน ประกอบด้วยกลุ่มและขุมกำลังทุน กลุ่มลิ่วล้อและสมุน(ผู้ทำ) -------- กลไกรัฐ, กลุ่มผลประโยชน์, กลุ่มอำนาจปลีกย่อย (ผู้ร่วมทำ ทำการโกงกิน) --------- สาธารณชน (ผู้เสียหาย)
ในระยะเปลี่ยนผ่านนี้ อำนาจสองส่วนนี้จะดำรงอยู่ ประชันและเบียดขับกันไปมาอย่างเข้มข้น แต่ในที่สุดแล้วอำนาจภาคประชาชนจะยิ่งเข้มแข็งใหญ่โต และประสบชัยชนะในที่สุด
23. บทบาทของปัญญาชนและนักวิชาการ
1) ปัญญาชนต้องเป็นผู้รู้ผู้ตื่น รู้ว่าจะต้องทำอะไร อย่างไร ได้อย่างสอดคล้องกับความเป็นจริง ลำพังมีแต่ความรู้ยังไม่เรียกว่าเป็น “ปัญญาชน”
2) จะรู้จะตื่นได้ ต้อง “เข้าร่วม - เข้าถึง” ความจริงในระดับลึก ทะลุผ่านปรากฏการณ์ คือจับกฎเกณฑ์ได้ และ “ค้นพบ”สัจธรรมเฉพาะที่กำหนดกฎเกณฑ์และทิศทางการขับเคลื่อนของสังคมไทย
3) จะต้องทำหน้าที่ของตนให้ดี คือ “สะท้อน” ความจริงเหล่านั้นไปสู่สาธารณชน ด้วยแง่มุมต่างๆ อรรถาธิบายกฎเกณฑ์ให้เป็นที่เข้าใจของมวลชน
24. การเข้าร่วม-เข้าถึง “แก่นแท้ สัจธรรม” หมายถึงการได้ประสบการณ์ตรง การรับรู้ทางความรู้สึก ทางอารมณ์ ทางจิตใจ เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นเรื่องของคน อันเป็นคนส่วนใหญ่ หรือมวลชน โดยคนเราเป็นผู้กระทำ มีส่วนร่วมอยู่ตลอดเวลา จึงหนีไม่พ้นเรื่องอารมณ์ จิตใจ ความเชื่อมั่นศรัทธา
จากนี้ไปได้ข้อสรุปในระดับเหตุผล สามารถ “เข้าถึง”ความจริงในระดับแก่นแท้ ผ่านเลยปรากฏการณ์เข้าสู่แก่นแกน ธาตุแท้ของปัญหา เข้าถึง “สัจธรรม” หรือ “คำตอบ”ที่สะท้อนกฎเกณฑ์เฉพาะของประเทศไทย นั่นก็คือ “การเมืองใหม่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยมือเรา”
หลักประกันชัยชนะ ในการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งการเมืองใหม่
1. แนวทางความคิดถูกต้อง – สอดคล้องกับความเป็นจริงของยุคสมัยและสภาวะเป็นจริงของประเทศไทย สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของประชาชนไทย นั่นคือ ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง มุ่งหาสัจจะจากความเป็นจริง
2. แนวทางปฏิบัติถูกต้อง -- มุ่งสร้างอำนาจใหม่ ด้วยการเสริมสร้างทางปัญญา หลักๆคือการจุดเทียนปัญญา เอาธรรมนำหน้า ติดอาวุธทางความคิด เป็นต้น
3. การนำถูกต้อง -- เดินแนวทางมวลชน เชื่อมั่นมวลชน อาศัยมวลชน เป็นหนึ่งเดียวกับมวลชน มีท่วงทำนองที่เป็นประชาธิปไตย มีการนำแบบรวมหมู่
4. ยุทธศาสตร์ถูกต้อง -- ยุทธศาสตร์หลักคือ “รุก – ยัน – ขยาย – รุก” ขยายฐานมวลชน เสริมเพิ่มอำนาจภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง
5. ยุทธวิธียืดหยุ่น พลิกแพลง -- มุ่งให้การเคลื่อนไหวต่อสู้รุกรบในทุกแนวรบ ในทุกขั้นตอนและในทุกๆ ด้าน ประสบชัยชนะทุกครั้งไป เสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรระดับต่างๆให้แก่ขบวนการการเมืองภาคประชาชนโดยรวมอย่างทั่วด้าน
6. มวลชนเข้มแข็ง (แนวรบที่ 1) -- เคลื่อนไหวภายใต้การนำของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยตรง
7. มวลชนพร้อม (แนวรบที่ 2) -- พร้อมที่จะเสริมเข้าไปในขบวนการเคลื่อนไหวภายใต้การนำของแกนนำ ฯ เมื่อสถานการณ์เรียกร้องต้องการ
8. มวลชนสนับสนุน (แนวรบที่ 3) -- ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในด้านต่างๆอย่างกว้างขวาง ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ขบวนการเรียกร้องและต้องการ (1-7 เป็นปัจจัยชี้ขาด)
9. มติมหาชนทั่วไปยอมรับ เห็นด้วย เข้าใจ (ด้วยการนำเสนอของสื่อ-นักวิชาการ)
10. เจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ (กลุ่มบุคคลในสังกัดหน่วยงานราชการ กลไกอำนาจรัฐ) ตัดสินใจ “เลือก”ข้าง
11. ผู้อยู่ฝ่ายตรงข้ามสำนักผิด รู้สึกละอายใจ ต้องการทำบุญไถ่บาป (8-10 เป็นปัจจัยเสริม)
18. อำนาจใหม่- อำนาจนำใหม่เหนือสังคมไทย ทำความเข้าใจได้เป็นเบื้องต้นว่า “จุดเปลี่ยนประเทศไทย” อยู่ที่การเปลี่ยนถ่าย “อำนาจนำ” จากอำนาจนำเก่า ในมือของกลุ่มทุน ปัจจุบันคือกลุ่มทุนสามานย์ระบอบทักษิณ ที่มีรัฐบาลหุ่นเชิดเป็นตัวแทน มาเป็นอำนาจใหม่ ในมือของประชาชนที่มีขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นตัวแทน
19. อำนาจประชาชน - อำนาจใหม่ หมายถึงขบวนการการเมืองภาคประชาชน นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ดำเนินการต่อสู้ ติดอาวุธทางปัญญาให้แก่มวลชน ขยายเครือข่ายมวลชนผู้ตื่นรู้ เสริมสร้างอำนาจทางการเมืองภาคประชาชน ประชันกับอำนาจรัฐของรัฐบาลหุ่นเชิด หักล้างอำนาจรัฐของรัฐบาลหุ่นเชิดในกรณีรูปธรรมต่างๆอย่างต่อเนื่อง เป็นอำนาจกำหนดและกำกับการขับเคลื่อนทางการเมืองของประเทศไทยจากยุคเก่าไปสู่ยุคใหม่ จากการเมืองเก่าไปเป็นการเมืองใหม่ เป็นหัวใจของการเมืองไทยยุคใหม่ ที่สอดคล้องกับพัฒนาการทางการเมืองของเอเชีย จะสามารถเอาชนะอำนาจรัฐกลุ่มทุนสามานย์ในคราบระบอบทักษิณได้ในที่สุด
อำนาจนำใหม่ มาจากปัญญาใหม่ ทัศนะใหม่ ค่านิยมใหม่ การนำใหม่ สื่อแบบใหม่ มวลชนใหม่ ความสัมพันธ์ใหม่ การจัดตั้งใหม่ คุณภาพใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับตัวใหม่ของกลไกอำนาจรัฐ(กลุ่มบุคคลผู้อยู่ในสังกัดหน่วยงานราชการ) ของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆนอกวงการราชการ ที่จะต้อง “เลือกทางใหม่” ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของอำนาจนำใหม่ แข่งกับการดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง ขวัญหนีดีฝ่อของกลุ่มตัวแทนอำนาจเก่า พยายามหาทางยับยั้งขัดขวาง ทำลายกระบวนการพัฒนาของอำนาจนำใหม่ทุกวิถีทาง
20. อำนาจนำใหม่ – อำนาจยั่งยืน จะเข้าแทนที่อำนาจนำเดิม ซึ่งเป็นอำนาจเสื่อมในตัว ไม่สอดคล้องกับยุคสมัย อำนาจนำใหม่เป็นอำนาจของประชาชน โดยขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำ กำหนดให้ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปในทิศทางที่เอื้อประโยชน์แก่ประชาชนส่วนใหญ่ แก่ประเทศชาติ สร้างความเจริญแก่ชาติบ้านเมือง สร้างความผาสุกให้แก่ประชาชน สองสิ่งที่เป็นตัววัด “ความทันยุคทันสมัย”ของสังคมโลกยุคปัจจุบัน อันหมายถึงว่า ประเทศชาติจักต้องเจริญรุ่งเรืองในทุกๆด้าน ประชาชนชาวไทยมีความรู้ มีปัญญา และมีธรรม เป็นประชากรคุณภาพของสังคมโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง
21. การสถาปนาอำนาจนำใหม่ กับ การดิ้นรนรักษาอำนาจนำเก่า ขบวนการการเมืองภาคประชาชนดำเนินการสถาปนาอำนาจนำใหม่ด้วยการจุดเทียนปัญญา ติดอาวุธทางปัญญาให้แก่มวลชน เคลื่อนไหวชุมนุมเปิดมหาวิทยาลัยราชดำเนิน ให้การศึกษาในเรื่องต่างๆตลอด 24 ชั่วโมงผ่านเครือข่ายเอเอสทีวี เปิดเวทีพันธมิตรขึ้นในขอบเขตทั่วทั้งประเทศและในต่างประเทศ ขณะที่กลุ่มอำนาจเก่าที่ควบคุมกลไกอำนาจรัฐพยายามจัดสรรอำนาจในระบบให้อยู่ในการควบคุมของพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ พร้อมกับสร้างโอกาสตักตวงผลประโยชน์เข้าตัวอยู่ตลอดเวลา หรือที่เรียกว่า “ตีกิน” เสวยผลในท่ามกลางวิกฤติที่ตนกำลังเผชิญอยู่ (โลภจนน้ำลายหยดสุดท้าย)
22. การดำรงอยู่ของอำนาจนำทางการเมืองในระยะเปลี่ยนผ่าน ที่อำนาจเก่ากำลังจะสูญสิ้นฐานะนำ และอำนาจใหม่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นอำนาจนำแทนที่ จะมีลักษณะเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลในตัวเองดังนี้
ก. อำนาจภาคประชาชน ประกอบด้วยองค์กรแกนนำ กองหน้า, มวลชนตื่นรู้ เปิดกว้าง เป็นพลวัต อารยะ (ผู้ทำ) --------- กลไกรัฐ, กลุ่มผลประโยชน์, กลุ่มอำนาจปลีกย่อย (ผู้ร่วมทำ ทำตามแนวทางกำกับ สนองตอบ สนองรับอำนาจภาคประชาชน ตามบทบาทและสถานภาพของตนในสังคม) --------- สาธารณชน (ผู้รับ ผู้ได้รับประโยชน์)
ข. อำนาจกลุ่มทุน ประกอบด้วยกลุ่มและขุมกำลังทุน กลุ่มลิ่วล้อและสมุน(ผู้ทำ) -------- กลไกรัฐ, กลุ่มผลประโยชน์, กลุ่มอำนาจปลีกย่อย (ผู้ร่วมทำ ทำการโกงกิน) --------- สาธารณชน (ผู้เสียหาย)
ในระยะเปลี่ยนผ่านนี้ อำนาจสองส่วนนี้จะดำรงอยู่ ประชันและเบียดขับกันไปมาอย่างเข้มข้น แต่ในที่สุดแล้วอำนาจภาคประชาชนจะยิ่งเข้มแข็งใหญ่โต และประสบชัยชนะในที่สุด
23. บทบาทของปัญญาชนและนักวิชาการ
1) ปัญญาชนต้องเป็นผู้รู้ผู้ตื่น รู้ว่าจะต้องทำอะไร อย่างไร ได้อย่างสอดคล้องกับความเป็นจริง ลำพังมีแต่ความรู้ยังไม่เรียกว่าเป็น “ปัญญาชน”
2) จะรู้จะตื่นได้ ต้อง “เข้าร่วม - เข้าถึง” ความจริงในระดับลึก ทะลุผ่านปรากฏการณ์ คือจับกฎเกณฑ์ได้ และ “ค้นพบ”สัจธรรมเฉพาะที่กำหนดกฎเกณฑ์และทิศทางการขับเคลื่อนของสังคมไทย
3) จะต้องทำหน้าที่ของตนให้ดี คือ “สะท้อน” ความจริงเหล่านั้นไปสู่สาธารณชน ด้วยแง่มุมต่างๆ อรรถาธิบายกฎเกณฑ์ให้เป็นที่เข้าใจของมวลชน
24. การเข้าร่วม-เข้าถึง “แก่นแท้ สัจธรรม” หมายถึงการได้ประสบการณ์ตรง การรับรู้ทางความรู้สึก ทางอารมณ์ ทางจิตใจ เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นเรื่องของคน อันเป็นคนส่วนใหญ่ หรือมวลชน โดยคนเราเป็นผู้กระทำ มีส่วนร่วมอยู่ตลอดเวลา จึงหนีไม่พ้นเรื่องอารมณ์ จิตใจ ความเชื่อมั่นศรัทธา
จากนี้ไปได้ข้อสรุปในระดับเหตุผล สามารถ “เข้าถึง”ความจริงในระดับแก่นแท้ ผ่านเลยปรากฏการณ์เข้าสู่แก่นแกน ธาตุแท้ของปัญหา เข้าถึง “สัจธรรม” หรือ “คำตอบ”ที่สะท้อนกฎเกณฑ์เฉพาะของประเทศไทย นั่นก็คือ “การเมืองใหม่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยมือเรา”
หลักประกันชัยชนะ ในการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งการเมืองใหม่
1. แนวทางความคิดถูกต้อง – สอดคล้องกับความเป็นจริงของยุคสมัยและสภาวะเป็นจริงของประเทศไทย สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของประชาชนไทย นั่นคือ ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง มุ่งหาสัจจะจากความเป็นจริง
2. แนวทางปฏิบัติถูกต้อง -- มุ่งสร้างอำนาจใหม่ ด้วยการเสริมสร้างทางปัญญา หลักๆคือการจุดเทียนปัญญา เอาธรรมนำหน้า ติดอาวุธทางความคิด เป็นต้น
3. การนำถูกต้อง -- เดินแนวทางมวลชน เชื่อมั่นมวลชน อาศัยมวลชน เป็นหนึ่งเดียวกับมวลชน มีท่วงทำนองที่เป็นประชาธิปไตย มีการนำแบบรวมหมู่
4. ยุทธศาสตร์ถูกต้อง -- ยุทธศาสตร์หลักคือ “รุก – ยัน – ขยาย – รุก” ขยายฐานมวลชน เสริมเพิ่มอำนาจภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง
5. ยุทธวิธียืดหยุ่น พลิกแพลง -- มุ่งให้การเคลื่อนไหวต่อสู้รุกรบในทุกแนวรบ ในทุกขั้นตอนและในทุกๆ ด้าน ประสบชัยชนะทุกครั้งไป เสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรระดับต่างๆให้แก่ขบวนการการเมืองภาคประชาชนโดยรวมอย่างทั่วด้าน
6. มวลชนเข้มแข็ง (แนวรบที่ 1) -- เคลื่อนไหวภายใต้การนำของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยตรง
7. มวลชนพร้อม (แนวรบที่ 2) -- พร้อมที่จะเสริมเข้าไปในขบวนการเคลื่อนไหวภายใต้การนำของแกนนำ ฯ เมื่อสถานการณ์เรียกร้องต้องการ
8. มวลชนสนับสนุน (แนวรบที่ 3) -- ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในด้านต่างๆอย่างกว้างขวาง ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ขบวนการเรียกร้องและต้องการ (1-7 เป็นปัจจัยชี้ขาด)
9. มติมหาชนทั่วไปยอมรับ เห็นด้วย เข้าใจ (ด้วยการนำเสนอของสื่อ-นักวิชาการ)
10. เจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ (กลุ่มบุคคลในสังกัดหน่วยงานราชการ กลไกอำนาจรัฐ) ตัดสินใจ “เลือก”ข้าง
11. ผู้อยู่ฝ่ายตรงข้ามสำนักผิด รู้สึกละอายใจ ต้องการทำบุญไถ่บาป (8-10 เป็นปัจจัยเสริม)