xs
xsm
sm
md
lg

ประมวลทัศนะพื้นฐานเกี่ยวกับการเมืองใหม่

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

1. การเมืองใหม่-การเมืองใหม่หมายถึงอำนาจนำของสังคมตกอยู่ในมือประชาชน ซึ่งก็คือขบวนการการเมืองภาคประชาชน นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นปัจจัยกำหนดทิศทางการเมืองของประเทศไทย และเป็นหลักประกันให้การใช้อำนาจของคณะผู้บริหารประเทศและเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนข้าราชการดำเนินไปในครรลองที่ยังประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนไทย

2. จุดเปลี่ยนประเทศไทย 1) เป็นผลสืบเนื่องจากการผสมผสานกันของเงื่อนไขทางภววิสัย ซึ่งก็คือการสั่งสมทางประวัติศาสตร์ เปิดทางให้ภาคประชาชนก้าวขึ้นสู่เวทีประวัติศาสตร์ ในฐานะ “เจ้าภาพ” สร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่ประเทศชาติ ต่อจากกลุ่มทหารและกลุ่มทุน 2) ปัจจัยทางอัตวิสัยพร้อม เกิดผู้นำและกลุ่มผู้นำ องค์กรนำการเคลื่อนไหวที่มีจุดยืนชัดเจน ยุทธศาสตร์ถูกต้อง บุคลิกและวิธีการทำงานที่ดี

3. ภารกิจทางประวัติศาสตร์ ของขบวนการการเมืองภาคประชาชน นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คือ “ล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่” ด้วยการ

1) สร้างอำนาจของประชาชน

2) ขยายฐานอำนาจของประชาชน

3) ยกระดับอำนาจของประชาชนสู่ความเป็นอำนาจนำทางการเมืองในการล้างการเมืองเก่าและสร้างการเมืองใหม่ (ต่อกลไกอำนาจรัฐ เช่น รัฐบาล สภาฯ ศาล องค์กรอิสระ กองทัพ ข้าราชการ ฯลฯ และต่อกลุ่มอำนาจอื่นๆ เช่น กลุ่มทุน สื่อ เป็นต้น ทั้งโดยตรงและทางอ้อม)

4. หลักประกันชัยชนะ ในการสร้างอำนาจของประชาชน การขยายฐานอำนาจของประชาชน และการยกระดับอำนาจของประชาชนสู่ความเป็นอำนาจนำทางการเมืองในการล้างการเมืองเก่าและสร้างการเมืองใหม่ ประกอบด้วย

1) แนวคิด แนวทางยุทธศาสตร์ยุทธวิธี ของคณะผู้นำในพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

2) ความเข้มแข็งของคณะผู้ทำงานในทุกแนวรบ ทั้งในส่วนกลางและในภูมิภาค

3) การเข้าร่วมและการให้การสนับสนุนของมวลชน

5. บทบาทของปัญญาชนและนักวิชาการ

1) ปัญญาชนต้องเป็นผู้รู้ผู้ตื่น รู้ว่าจะต้องทำอะไร อย่างไร ได้อย่างสอดคล้องกับความเป็นจริง ลำพังมีแต่ความรู้ยังไม่เรียกว่าเป็น “ปัญญาชน”

2) จะรู้จะตื่นได้ ต้อง “เข้าร่วม-เข้าถึง” ความจริงในระดับลึก ทะลุผ่านปรากฏการณ์ คือจับกฎเกณฑ์ได้ และ “ค้นพบ”สัจธรรมเฉพาะที่กำหนดกฎเกณฑ์และทิศทางการขับเคลื่อนของสังคมไทย

3) จะต้องทำหน้าที่ของตนให้ดี คือ “สะท้อน” ความจริงเหล่านั้นไปสู่สาธารณชน ด้วยแง่มุมต่างๆ อรรถาธิบายกฎเกณฑ์ให้เป็นที่เข้าใจของมวลชน

6. หลักการทำงานของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หลักๆ คือ เสริมสร้างคุณค่า คุณสมบัติ เอกลักษณ์ของขบวนการการเมืองภาคประชาชน อาทิ

1) จุดเทียนปัญญา ทำให้มวลชนหูตาสว่าง

2) เอาธรรมนำหน้า ยึดมั่นในสิ่งถูกต้อง แยกผิดแยกถูก แยกมิตร-ศัตรู ทำในสิ่งที่ดีและถูกต้องเสมอ ถือเอาผลประโยชน์ของส่วนรวม ประเทศชาติ ประชาชนเป็นที่ตั้ง

3) ยึดหลักสัมมา ยึดมั่นในสัจธรรม ความจริงที่ชอบ ทั้งคิด-พูด-ทำ โดยเริ่มต้นจากความเป็นจริงที่เราเป็นอยู่ ที่เรากำลังมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง มุ่งอิงต่อสัจธรรมหรือแก่นแท้ของสิ่งที่เรากำลังทำการเปลี่ยนแปลง

7. การปฏิบัติภารกิจประวัติศาสตร์ ที่ประวัติศาสตร์มอบหมายให้ คือ ล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่

8. ภารกิจพื้นฐาน ในการล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่ คือ การสร้างอำนาจประชาชน (อำนาจทางปัญญา) ด้วยการจุดเทียนปัญญา ติดอาวุธทางปัญญา จัดตั้ง เคลื่อนไหว ต่อสู้ ขยายฐานอำนาจประชาชนไปทั่วประเทศและต่างประเทศ

9. ยุทธศาสตร์หลัก ที่จะต้องยืนหยัดต่อเนื่อง ถักทอต่อเชื่อม ประกอบด้วย

1) จุดเทียนปัญญา ด้วยสื่อไอที

2) เอาธรรมนำหน้า ยึดหลักสัมมา

3) สันติอหิงสา และอารยะขัดขืน เป็นต้น

10. เป้าหมายสำคัญ หลักๆ คือ

1) ช่วงชิงชัยชนะในทุกๆ ขั้นตอน

2) สั่งสมชัยชนะ พัฒนาขบวนการฯ ขยายอำนาจภาคประชาชนในท่ามกลางการบั่นทอนอำนาจฝ่ายตรงกันข้าม

3) สร้างการยอมรับอำนาจประชาชนในกลุ่มผลประโยชน์และอำนาจอื่นๆ ทั้งในและนอกระบบกลไกอำนาจรัฐ

11. อำนาจนำทางการเมืองในระยะเปลี่ยนผ่าน ที่อำนาจเก่ากำลังจะสูญสิ้นฐานะนำ และอำนาจใหม่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นอำนาจนำแทนที่ จะมีลักษณะเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลในตัวเองดังนี้

ก. อำนาจภาคประชาชน-องค์กรแกนนำ กองหน้า, มวลชนตื่นรู้ เปิดกว้าง เป็นพลวัต อารยะ (ผู้ทำ)-กลไกรัฐ, กลุ่มผลประโยชน์, กลุ่มอำนาจปลีกย่อย (ผู้ร่วมทำ ทำตามแนวทางกำกับ สนองตอบ สนองรับอำนาจภาคประชาชน ตามบทบาทและสถานภาพของตนในสังคม)-สาธารณชน (ผู้รับ ผู้ได้รับประโยชน์)

ข. อำนาจกลุ่มทุน-กลุ่มขุมกำลังทุน ลิ่วล้อ สมุน (ผู้ทำ)-กลไกรัฐ, กลุ่มผลประโยชน์, กลุ่มอำนาจปลีกย่อย (ผู้ร่วมทำ ทำการโกงกิน)-สาธารณชน (ผู้เสียหาย)

12. การเข้าร่วม-เข้าถึง “แก่นแท้ สัจธรรม” หมายถึงการได้ประสบการณ์ตรง การรับรู้ทางความรู้สึก ทางอารมณ์ ทางจิตใจ เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นเรื่องของคน อันเป็นคนส่วนใหญ่ หรือมวลชน โดยคนเราเป็นผู้กระทำ มีส่วนร่วมอยู่ตลอดเวลา จึงหนีไม่พ้นเรื่องอารมณ์ จิตใจ ความเชื่อมั่นศรัทธา

จากนี้ไปได้ข้อสรุปในระดับเหตุผล สามารถ “เข้าถึง”ความจริงในระดับแก่นแท้ ผ่านเลยปรากฏการณ์เข้าสู่แก่นแกน ธาตุแท้ของปัญหา เข้าถึง “สัจธรรม” หรือ “คำตอบ”ที่สะท้อนกฎเกณฑ์เฉพาะของประเทศไทย นั่นก็คือ “การเมืองใหม่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยมือเรา”

13. อำนาจใหม่- อำนาจนำใหม่เหนือสังคมไทย ทำความเข้าใจได้เป็นเบื้องต้นว่า “จุดเปลี่ยนประเทศไทย” อยู่ที่การเปลี่ยนถ่าย “อำนาจนำ” จากอำนาจนำเก่า ในมือของกลุ่มทุน ปัจจุบันคือกลุ่มทุนสามานย์ระบอบทักษิณ ที่มีรัฐบาลหุ่นเชิดเป็นตัวแทน มาเป็นอำนาจใหม่ ในมือของประชาชนที่มีขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นตัวแทน

14. อำนาจนำใหม่ มาจากปัญญาใหม่ ทัศนะใหม่ ค่านิยมใหม่ การนำใหม่ สื่อแบบใหม่ มวลชนใหม่ ความสัมพันธ์ใหม่ การจัดตั้งใหม่ คุณภาพใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับตัวใหม่ของกลไกอำนาจรัฐ (กลุ่มบุคคลผู้อยู่ในสังกัดหน่วยงานราชการ) ของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ นอกวงการราชการ ที่จะต้อง “เลือกทางใหม่” ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของอำนาจนำใหม่ แข่งกับการดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง ขวัญหนีดีฝ่อของกลุ่มตัวแทนอำนาจเก่า พยายามหาทางยับยั้งขัดขวาง ทำลายกระบวนการพัฒนาของอำนาจนำใหม่ทุกวิถีทาง

15. การสถาปนาอำนาจนำใหม่กับการดิ้นรนรักษาอำนาจนำเก่า ขบวนการการเมืองภาคประชาชนดำเนินการสถาปนาอำนาจนำใหม่ด้วยการจุดเทียนปัญญา ติดอาวุธทางปัญญาให้แก่มวลชน เคลื่อนไหวชุมนุมเปิดมหาวิทยาลัยราชดำเนิน ให้การศึกษาในเรื่องต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านเครือข่ายเอเอสทีวี เปิดเวทีพันธมิตรฯ ขึ้นในขอบเขตทั่วทั้งประเทศและในต่างประเทศ ขณะที่กลุ่มอำนาจเก่าที่ควบคุมกลไกอำนาจรัฐพยายามจัดสรรอำนาจในระบบให้อยู่ในการควบคุมของพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ พร้อมกับสร้างโอกาสตักตวงผลประโยชน์เข้าตัวอยู่ตลอดเวลา หรือที่เรียกว่า “ตีกิน” เสวยผลในท่ามกลางวิกฤตที่ตนกำลังเผชิญอยู่ (โลภจนน้ำลายหยดสุดท้าย)

16. อำนาจนำใหม่-อำนาจยั่งยืน แทนที่อำนาจนำเดิม ซึ่งเป็นอำนาจเสื่อมในตัว ไม่สอดคล้องกับยุคสมัย อำนาจนำใหม่เป็นอำนาจของประชาชน โดยขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำ กำหนดให้ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปในทิศทางที่เอื้อประโยชน์แก่ประชาชนส่วนใหญ่ แก่ประเทศชาติ สร้างความเจริญแก่ชาติบ้านเมือง สร้างความผาสุกให้แก่ประชาชน สองสิ่งที่เป็นตัววัด “ความทันยุคทันสมัย” ของสังคมโลกยุคปัจจุบัน อันหมายถึงว่า ประเทศชาติจักต้องเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน ประชาชนชาวไทยมีความรู้ มีปัญญา และมีธรรม เป็นประชากรคุณภาพของสังคมโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น