ผู้เขียนขอแสดงความยินดี และเป็นกำลังใจให้คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี คนที่ 26 ที่จะต้องรับภารกิจอันยิ่งใหญ่และหนักอึ้งรออยู่ ภารกิจของผู้เขียนคือการแนะนำให้รัฐบาลทำในสิ่งที่ถูกต้องและสำคัญที่สุดของชาติ หลายรัฐบาลมาแล้วนับแต่รัฐบาลพลเอกชาติชาย รัฐบาลบรรหาร รัฐบาลสุจินดา รัฐบาลชวน รัฐบาลพลเอกชวลิต รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลเหล่านี้ไม่ยินดีรับฟังในการเสนอแนะให้แก้ไขเหตุวิกฤตชาติ ด้วยการเสนอผลักดันสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม จากนั้นจึงปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับหลักการปกครอง เพียงเท่านี้การเริ่มต้นของระบอบการเมืองที่ถูกต้องก็จะเริ่มขึ้นทันที ก็หวังว่ารัฐบาลนี้จะยินดีรับฟังคำแนะนำ และพวกเราติดตามดูกันต่อไป
ภารกิจอันสำคัญยิ่งของรัฐบาล ที่จะต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องกว่า 76 ปี ประเทศไทยไม่เคยมีระบอบประชาธิปไตย มีแต่เผด็จการ 2 ขั้ว 2 รูปแบบ หรือ 2 วิธีการ คือ รัฐบาลจากการยึดอำนาจร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งของระบอบเผด็จการอีกขั้วหนึ่ง อยู่ได้ไม่นานก็จะถูกยึดอำนาจอีก เรื่อยมาเป็นวงจรอุบาทว์
แน่นอนรัฐบาลของท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นรัฐบาลในท่ามกลางเหตุวิกฤตการเมืองจึงต้องปรับตัว ปรับใจให้เข้ากับสภาพความเป็นจริง อย่ายืนอยู่บนฐานความเชื่อ ตามที่เชื่อสืบกันมาว่าการเมืองไทยเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่ความจริงแท้ที่มันดำรงอยู่จริงๆ มันไม่ได้เป็นประชาธิปไตยตามคำโฆษณาชวนเชื่อ ท่านนายกรัฐมนตรีจึงต้องมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องปรับความเห็น ปรับตนให้เป็นฝ่ายก้าวหน้า เราเชื่อว่าท่านนายกฯ คนใหม่น่าจะรู้ดีว่าอะไรคือเหตุแห่งวิกฤตชาติ เพราะท่านเจริญเติมโตมาในสายงานผู้พิพากษา ท่านย่อมประจักษ์ ท่านย่อมเห็นความทุกยากของประชนทุกชั้น
ท่านได้ยืนยันจากการให้สัมภาษณ์ว่า “จะบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โดยการทุ่มเทเสียสละด้วยวิริยะ อุตสาหะ ด้วยความมีคุณธรรม ยึดมั่นในหลักกฎหมาย ยึดมั่นในหลักแห่งกระบวนการยุติธรรม เพื่อความเป็นธรรม เรียบร้อยในบ้านเมือง ขณะนี้ในบ้านเมืองของเรามีปัญหาที่จะต้องดำเนินการแก้ไข เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าบางครั้งเรามีความขัดแย้งทางความคิด ความขัดแย้งเหล่านั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่เราจะต้องมองว่า เกิดขึ้นแล้วทำอย่างไรจึง จะนำพาไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์ และความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมือง เราน่าจะหันหน้าเข้ามาสู่ความปรองดอง ความอะลุ่มอล่วย ให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ถือโทษโกรธกัน และจะต้องมีความเมตตาอารี เอื้ออาทรแก่กัน รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ในเร็ววันนี้จะคำนึงถึงประโยชน์สุข ความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชน เป้าหมายสูงสุดก็คือ การร่วมกันนำพาประชาชนและประเทศชาติของเรา ไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและวัฒนาถาวร”
เราเห็นว่าท่านพูดได้ดี น่ารับฟัง น่าชื่นชมยินดีท่านเห็นปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ และเป้าหมายสูงสุดคือการนำพาประชาชนและประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและวัฒนาถาวร แล้วท่านจะทำอย่างไร เราขอบอกท่านว่า ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นความขัดแย้งพิเศษ เป็นความขัดแย้งเพื่อการพัฒนา เป็นความขัดแย้งต่างฝ่ายต่างก็มีปรัชญาแนวคิด ความเชื่อแฝงอยู่ ความขัดแย้งทางการเมืองนั้น ทุกฝ่ายต้องคิดอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ไม่มีฝ่ายใดถูก หรือฝ่ายใดผิด ความขัดแย้งทางการเมืองนั้น ผู้ปกครอง รัฐบาลที่ฉลาดจะไม่ใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าดำเนินการกับการชุมนุมทางการเมือง แต่อดีตรัฐบาลที่โง่เขลาในอดีต เช่น รัฐบาลสุจินดา รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร เลือกใช้มาตรการทางกฎหมายล้วนแล้วมีความเป็นไปอย่างไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี
รัฐบาลจะต้องศึกษาสภาพความเป็นจริงว่าประเทศไทยมีสภาวการณ์เป็นเผด็จการมายาวนาน จนทำให้คนทั้งหลายเข้าใจผิดอย่างลึกซึ้งเข้าสู่พันธุกรรมแล้ว ถ้าระบอบประชาธิปไตยจริงมันให้ประโยชน์ต่อประเทศชาติและให้ความเป็นธรรมต่อประชาชน แต่มันกลับตรงข้าม
เมื่อท่านได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านต้องยอมรับเสียก่อนว่าเดิมมันเป็นเผด็จการฯ เพียงเท่านี้การคิดแก้เหตุวิกฤตก็จะเริ่มต้นถูกต้องขึ้นมาทันที
ประเทศไทยตกอยู่ในแนวทาง ความคิด วัฒนธรรมเป็นเผด็จการมายาวนาน ประชาชนผู้บริสุทธิ์แทบจะอยู่กันไม่ได้แล้ว สังคมเต็มไปด้วยความไม่เป็นธรรม ธุรกิจด้านเสริมสร้างอบายมุขของมึนเมาทั้งหลายกลับเติบโตร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่ง สอง สาม ของประเทศ นักการเมืองไทยทุกระดับไร้คุณภาพ โง่เขลาเบาปัญญา แดกดัน คอร์รัปชัน โกงกินฉ้อราษฎร์บังหลวงทุกระดับที่ไหนมีงบประมาณที่นั่นจะมีคอร์รัปชัน
ประเทศนี้ข้าราชการเป็นหนี้ท่วมตัว การแทรกแซงของมหาอำนาจ นักเลงหัวไม้ ปล้น จี้ ฆ่า ข่ม ขืน เยาวชนตกอยู่ในห้วงเหวความต่ำช้าของสังคม ครอบครัวหย่าร้าง โทรทัศน์มีแต่โฆษณาชวนเชื่อแต่สิ่งไร้สาระ อาชญากรรมเต็มบ้านเต็มเมืองจนคุกไม่มีที่จะคุมขังกันอยู่แล้ว
จะเห็นชัดว่ารัฐบาลของระบอบเผด็จการเข้ามาบริหารประเทศที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรมากที่สุด แต่กลับทำให้กลายเป็นประเทศยากจนที่สุด ประชาชนทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศที่เขาขาดแคลนทรัพยากร แต่รัฐบาลของเขากลับบริหารให้ประเทศร่ำรวย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี อิสราเอล เป็นต้น
รัฐบาลใหม่จะต้องระดมนักปราชญ์ ราชบัณฑิต ที่มีอยู่ในภาคส่วนของประเทศ ที่มีอยู่ในทุกสาขาอาชีพ มาเป็นที่สภาที่ปรึกษาในการสร้างชาติให้ถูกต้องโดยธรรม อย่างไรเสียก็ให้อย่าได้ซ้ำรอยเดิมอีกเด็ดขาด ประเทศไทยจะต้องไม่มีคำว่าผิดพลาดอีกแล้ว จะมีแต่เห็นถูก คิดถูก ทำถูก สร้างชาติให้ถูกต้องโดยธรรม ก้าวสู่ความเป็นผู้นำอารยธรรมโลกต่อไป
ภารกิจของรัฐบาลใหม่ ในการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ เหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งร้ายแรงภายในชาติอย่างหนักคือการที่เรามีการเมืองมิจฉาทิฐิ การเมืองมิจฉาทิฐิ (เห็นผิดไปจากความถูกต้องโดยธรรม) คือการเมืองที่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม (อุปมาการเมืองไทยดุจ เล่นฟุตบอลโดยไม่ประตูโกล์ (Goal) อย่างหนึ่ง เลี้ยงวัวโดยไม่มีหลักผูกอย่างหนึ่ง, ดาวเคราะห์ไร้ดวงสุริยาอย่างหนึ่ง มันก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ระบอบการเมืองที่ไม่มีจุดมุ่งหมายเป็นระบอบซึ่งนำความหายนะมาสู่ชาติ จุดมุ่งหมายทางการเมืองของชนในชาติก็จะมีความแตกต่างหลากหลายตามความเชื่อและผลประโยชน์ที่แฝงมากับลักษณะอาชีพของตน และส่วนหนึ่งก็จะตกเป็นทาสอำนาจเงินจากผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เพราะความอยากมีเกียรติ มีชื่อเสียง อยากร่ำรวย ส่วนประชาชนก็จะตกเป็นเบี้ยล่างตามลมปากของนักการเมืองสถุลอันเป็นเหตุให้คนชาติขัดแย้งกัน
หากรัฐบาลเห็นตรงกับผู้เขียน ก็จะรู้ว่าสิ่งสำคัญสูงสุดในการสร้างชาติ คือการสร้างระบอบ (Regime) หรือหลักการปกครอง (Principle of government) โดยธรรม ขึ้นมาก่อนเพื่อเป็นหลัก หรือเป็นธง เป็นแนวทาง หรือเป็นสัญญาประชาคม (Social contracts) หลักการปกครองโดยธรรมจะเป็นศูนย์กลางทางการเมืองให้กับประชาชนทุกคน ทุกคนรู้การเมือง ได้รับการปฏิบัติทางการเมืองเสมอเหมือนกันหมด ทำให้ประชาชนฉลาดรู้เท่าทันการเมือง และจะต่อต้านไอ้พวกนักการเมืองจอมปลอม นักการเมืองขี้โกง นักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
ถ้าท่านนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ บริหารประเทศโดยไม่ได้ใส่ใจกับการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ คือไม่คิด ไม่ทำ ไม่ผลักดัน ไม่ตั้งคณะกรรมการเพื่อการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม การเมืองก็จะเข้ารอยเดิม เป็นวงจรอุบาทว์เหมือนเดิมอีก ถ้าเป็นเหมือนเดิมอันเป็นทางมิจฉาทิฐิ แนวทางหายนะของชาติ ก็คือการที่ผู้ปกครองยกร่าง หรือคิดแก้รัฐธรรมนูญเพื่อจะสร้าง หรือจะให้เป็นระบอบประชาธิปไตย ตามคำแนะนำของนักวิชาการมิจฉาทิฐิ บอกได้เลยร้อยครั้งพันฉบับ ก็จะไม่ได้ระบอบประชาธิปไตย มันกลับรังแต่จะได้ระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งและทำให้เกิดความขัดแย้งไม่รู้จบ ท่านทั้งหลายลองย้อนกลับไปดูนับแต่รัฐธรรมนูญฉบับแรกถึงปัจจุบันล้วนแล้วเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งทั้งสิ้น
รัฐบาลใหม่จะต้องเป็นรัฐบาลธรรมาธิปไตย เชิดชูนโยบาย ผลักดันสร้างหลักการปกครองธรรมาธิปไตย ยกธรรม ยกองค์ประกอบแห่งรัฐ (ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์) ยกความมั่นคงแห่งชาติ ยกหลักนิติธรรม หรือยกหลักประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ยิ่งควบคู่กับระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง ตามลักษณะพิเศษของประเทศไทย จะเป็นปัจจัยให้ประเทศชาติมีความมั่นคงและก้าวหน้ากว่าประเทศใดๆ ทั่วโลก
ภารกิจอันสำคัญยิ่งของรัฐบาล ที่จะต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องกว่า 76 ปี ประเทศไทยไม่เคยมีระบอบประชาธิปไตย มีแต่เผด็จการ 2 ขั้ว 2 รูปแบบ หรือ 2 วิธีการ คือ รัฐบาลจากการยึดอำนาจร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งของระบอบเผด็จการอีกขั้วหนึ่ง อยู่ได้ไม่นานก็จะถูกยึดอำนาจอีก เรื่อยมาเป็นวงจรอุบาทว์
แน่นอนรัฐบาลของท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นรัฐบาลในท่ามกลางเหตุวิกฤตการเมืองจึงต้องปรับตัว ปรับใจให้เข้ากับสภาพความเป็นจริง อย่ายืนอยู่บนฐานความเชื่อ ตามที่เชื่อสืบกันมาว่าการเมืองไทยเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่ความจริงแท้ที่มันดำรงอยู่จริงๆ มันไม่ได้เป็นประชาธิปไตยตามคำโฆษณาชวนเชื่อ ท่านนายกรัฐมนตรีจึงต้องมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องปรับความเห็น ปรับตนให้เป็นฝ่ายก้าวหน้า เราเชื่อว่าท่านนายกฯ คนใหม่น่าจะรู้ดีว่าอะไรคือเหตุแห่งวิกฤตชาติ เพราะท่านเจริญเติมโตมาในสายงานผู้พิพากษา ท่านย่อมประจักษ์ ท่านย่อมเห็นความทุกยากของประชนทุกชั้น
ท่านได้ยืนยันจากการให้สัมภาษณ์ว่า “จะบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โดยการทุ่มเทเสียสละด้วยวิริยะ อุตสาหะ ด้วยความมีคุณธรรม ยึดมั่นในหลักกฎหมาย ยึดมั่นในหลักแห่งกระบวนการยุติธรรม เพื่อความเป็นธรรม เรียบร้อยในบ้านเมือง ขณะนี้ในบ้านเมืองของเรามีปัญหาที่จะต้องดำเนินการแก้ไข เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าบางครั้งเรามีความขัดแย้งทางความคิด ความขัดแย้งเหล่านั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่เราจะต้องมองว่า เกิดขึ้นแล้วทำอย่างไรจึง จะนำพาไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์ และความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมือง เราน่าจะหันหน้าเข้ามาสู่ความปรองดอง ความอะลุ่มอล่วย ให้อภัยซึ่งกันและกัน ไม่ถือโทษโกรธกัน และจะต้องมีความเมตตาอารี เอื้ออาทรแก่กัน รัฐบาลที่จะเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ในเร็ววันนี้จะคำนึงถึงประโยชน์สุข ความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชน เป้าหมายสูงสุดก็คือ การร่วมกันนำพาประชาชนและประเทศชาติของเรา ไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและวัฒนาถาวร”
เราเห็นว่าท่านพูดได้ดี น่ารับฟัง น่าชื่นชมยินดีท่านเห็นปัญหาความขัดแย้งภายในชาติ และเป้าหมายสูงสุดคือการนำพาประชาชนและประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและวัฒนาถาวร แล้วท่านจะทำอย่างไร เราขอบอกท่านว่า ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นความขัดแย้งพิเศษ เป็นความขัดแย้งเพื่อการพัฒนา เป็นความขัดแย้งต่างฝ่ายต่างก็มีปรัชญาแนวคิด ความเชื่อแฝงอยู่ ความขัดแย้งทางการเมืองนั้น ทุกฝ่ายต้องคิดอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ไม่มีฝ่ายใดถูก หรือฝ่ายใดผิด ความขัดแย้งทางการเมืองนั้น ผู้ปกครอง รัฐบาลที่ฉลาดจะไม่ใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าดำเนินการกับการชุมนุมทางการเมือง แต่อดีตรัฐบาลที่โง่เขลาในอดีต เช่น รัฐบาลสุจินดา รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร เลือกใช้มาตรการทางกฎหมายล้วนแล้วมีความเป็นไปอย่างไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี
รัฐบาลจะต้องศึกษาสภาพความเป็นจริงว่าประเทศไทยมีสภาวการณ์เป็นเผด็จการมายาวนาน จนทำให้คนทั้งหลายเข้าใจผิดอย่างลึกซึ้งเข้าสู่พันธุกรรมแล้ว ถ้าระบอบประชาธิปไตยจริงมันให้ประโยชน์ต่อประเทศชาติและให้ความเป็นธรรมต่อประชาชน แต่มันกลับตรงข้าม
เมื่อท่านได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านต้องยอมรับเสียก่อนว่าเดิมมันเป็นเผด็จการฯ เพียงเท่านี้การคิดแก้เหตุวิกฤตก็จะเริ่มต้นถูกต้องขึ้นมาทันที
ประเทศไทยตกอยู่ในแนวทาง ความคิด วัฒนธรรมเป็นเผด็จการมายาวนาน ประชาชนผู้บริสุทธิ์แทบจะอยู่กันไม่ได้แล้ว สังคมเต็มไปด้วยความไม่เป็นธรรม ธุรกิจด้านเสริมสร้างอบายมุขของมึนเมาทั้งหลายกลับเติบโตร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่ง สอง สาม ของประเทศ นักการเมืองไทยทุกระดับไร้คุณภาพ โง่เขลาเบาปัญญา แดกดัน คอร์รัปชัน โกงกินฉ้อราษฎร์บังหลวงทุกระดับที่ไหนมีงบประมาณที่นั่นจะมีคอร์รัปชัน
ประเทศนี้ข้าราชการเป็นหนี้ท่วมตัว การแทรกแซงของมหาอำนาจ นักเลงหัวไม้ ปล้น จี้ ฆ่า ข่ม ขืน เยาวชนตกอยู่ในห้วงเหวความต่ำช้าของสังคม ครอบครัวหย่าร้าง โทรทัศน์มีแต่โฆษณาชวนเชื่อแต่สิ่งไร้สาระ อาชญากรรมเต็มบ้านเต็มเมืองจนคุกไม่มีที่จะคุมขังกันอยู่แล้ว
จะเห็นชัดว่ารัฐบาลของระบอบเผด็จการเข้ามาบริหารประเทศที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรมากที่สุด แต่กลับทำให้กลายเป็นประเทศยากจนที่สุด ประชาชนทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศที่เขาขาดแคลนทรัพยากร แต่รัฐบาลของเขากลับบริหารให้ประเทศร่ำรวย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี อิสราเอล เป็นต้น
รัฐบาลใหม่จะต้องระดมนักปราชญ์ ราชบัณฑิต ที่มีอยู่ในภาคส่วนของประเทศ ที่มีอยู่ในทุกสาขาอาชีพ มาเป็นที่สภาที่ปรึกษาในการสร้างชาติให้ถูกต้องโดยธรรม อย่างไรเสียก็ให้อย่าได้ซ้ำรอยเดิมอีกเด็ดขาด ประเทศไทยจะต้องไม่มีคำว่าผิดพลาดอีกแล้ว จะมีแต่เห็นถูก คิดถูก ทำถูก สร้างชาติให้ถูกต้องโดยธรรม ก้าวสู่ความเป็นผู้นำอารยธรรมโลกต่อไป
ภารกิจของรัฐบาลใหม่ ในการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ เหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งร้ายแรงภายในชาติอย่างหนักคือการที่เรามีการเมืองมิจฉาทิฐิ การเมืองมิจฉาทิฐิ (เห็นผิดไปจากความถูกต้องโดยธรรม) คือการเมืองที่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม (อุปมาการเมืองไทยดุจ เล่นฟุตบอลโดยไม่ประตูโกล์ (Goal) อย่างหนึ่ง เลี้ยงวัวโดยไม่มีหลักผูกอย่างหนึ่ง, ดาวเคราะห์ไร้ดวงสุริยาอย่างหนึ่ง มันก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ระบอบการเมืองที่ไม่มีจุดมุ่งหมายเป็นระบอบซึ่งนำความหายนะมาสู่ชาติ จุดมุ่งหมายทางการเมืองของชนในชาติก็จะมีความแตกต่างหลากหลายตามความเชื่อและผลประโยชน์ที่แฝงมากับลักษณะอาชีพของตน และส่วนหนึ่งก็จะตกเป็นทาสอำนาจเงินจากผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เพราะความอยากมีเกียรติ มีชื่อเสียง อยากร่ำรวย ส่วนประชาชนก็จะตกเป็นเบี้ยล่างตามลมปากของนักการเมืองสถุลอันเป็นเหตุให้คนชาติขัดแย้งกัน
หากรัฐบาลเห็นตรงกับผู้เขียน ก็จะรู้ว่าสิ่งสำคัญสูงสุดในการสร้างชาติ คือการสร้างระบอบ (Regime) หรือหลักการปกครอง (Principle of government) โดยธรรม ขึ้นมาก่อนเพื่อเป็นหลัก หรือเป็นธง เป็นแนวทาง หรือเป็นสัญญาประชาคม (Social contracts) หลักการปกครองโดยธรรมจะเป็นศูนย์กลางทางการเมืองให้กับประชาชนทุกคน ทุกคนรู้การเมือง ได้รับการปฏิบัติทางการเมืองเสมอเหมือนกันหมด ทำให้ประชาชนฉลาดรู้เท่าทันการเมือง และจะต่อต้านไอ้พวกนักการเมืองจอมปลอม นักการเมืองขี้โกง นักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง
ถ้าท่านนายกรัฐมนตรีสมชาย วงศ์สวัสดิ์ บริหารประเทศโดยไม่ได้ใส่ใจกับการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ คือไม่คิด ไม่ทำ ไม่ผลักดัน ไม่ตั้งคณะกรรมการเพื่อการสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม การเมืองก็จะเข้ารอยเดิม เป็นวงจรอุบาทว์เหมือนเดิมอีก ถ้าเป็นเหมือนเดิมอันเป็นทางมิจฉาทิฐิ แนวทางหายนะของชาติ ก็คือการที่ผู้ปกครองยกร่าง หรือคิดแก้รัฐธรรมนูญเพื่อจะสร้าง หรือจะให้เป็นระบอบประชาธิปไตย ตามคำแนะนำของนักวิชาการมิจฉาทิฐิ บอกได้เลยร้อยครั้งพันฉบับ ก็จะไม่ได้ระบอบประชาธิปไตย มันกลับรังแต่จะได้ระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งและทำให้เกิดความขัดแย้งไม่รู้จบ ท่านทั้งหลายลองย้อนกลับไปดูนับแต่รัฐธรรมนูญฉบับแรกถึงปัจจุบันล้วนแล้วเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งทั้งสิ้น
รัฐบาลใหม่จะต้องเป็นรัฐบาลธรรมาธิปไตย เชิดชูนโยบาย ผลักดันสร้างหลักการปกครองธรรมาธิปไตย ยกธรรม ยกองค์ประกอบแห่งรัฐ (ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์) ยกความมั่นคงแห่งชาติ ยกหลักนิติธรรม หรือยกหลักประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ยิ่งควบคู่กับระบบเศรษฐกิจแบบพอเพียง ตามลักษณะพิเศษของประเทศไทย จะเป็นปัจจัยให้ประเทศชาติมีความมั่นคงและก้าวหน้ากว่าประเทศใดๆ ทั่วโลก