“สนธิ” ยืนยันแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 คนหากถูกจับกุมจะไม่ขอประกันตัวอย่างเด็ดขาดเพราะถือว่าหมายจับออกโดยมิชอบ เตือนให้รับมือกระแสไม่พอใจทั่วประเทศ ชี้การรวบ “ไชยวัฒน์” เป็นการทดสอบพลังมวลชนแต่คิดผิด ส่งสัญญาณเคลื่อนไหวใหญ่อีกครั้งในอีก 2-3 วันข้างหน้า
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันนี้ (4 ต.ค.) เมื่อเวลา 21.20 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเปิดเผยว่า ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ตั้งแต่ถูกจับกุมจนถึงวันนี้ โดยได้พูดคุยกันถึงเรื่องการประกันตัวว่าเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนตัว แต่เหตุผลที่ 9 แกนนำไม่ยอมมอบตัวหลังจากที่ถูกออกหมายจับในข้อหากบฏ เพราะตำรวจเอาความเท็จไปตั้งข้อหา โดยใช้ศาลเป็นเครื่องมือเพื่อขัดขวางไม่ให้ขบวนการประชาชนเติบใหญ่
“พวกเราจึงคัดค้านว่าเป็นการจับกุมโดยมิชอบ และศาลจะมีคำสั่งในวันจันทร์นี้ และคุณไชยวัฒน์จึงไม่ขอประกันตัวเพราะไม่ยอมรับการออกหมายจับ ถ้าขอประกันตัวก็เท่ากับยอมรับหมายจับนี้" นายสนธิระบุและว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเกมทดสอบพลังของพี่น้องประชาชน แต่ถือว่าเป็นความคิดที่โง่ที่สุดอีกครั้ง เพราะนับตั้งแต่พี่น้องพันธมิตรฯ ลุกขึ้นสู้มาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.เป็นต้นมาพี่น้องไม่มีวันท้อ แม้ในวันนี้ไม่ได้มีการระดมมา พี่น้องยังมากันมากมายขนาดนี้ ดังนั้นถ้าอยากทดสอบพลังของพี่น้องประชาชนอีกครั้งก็ให้ลองจับ 5 แกนนำดูก็ได้”
นายสนธิ ได้ย้อนเหตุการณ์ในช่วงที่ถูกออกหมายจับในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกรณีที่ชี้ให้จับดา ตอร์ปิโด ตอนนั้นมีคนบางคนวางแผนไม่ให้ประกันตัวแล้ว และระหว่างนำไปควบคุมตัวก็จะยิงในรถตู้ และถ้าจำได้ในวันเดียวกันนั้นเกิดเหตุการณ์วุ่นวายที่อุดรธานี และถ้าตนเองไม่ได้รับการประกันตัวและถูกยิงทิ้งก็จะเกิดความวุ่นวายไปทั่วก็จะทำให้ฝ่ายทหารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช้เป็นสาเหตุในการยึดอำนาจ แต่โชคดีที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มีการประกันตัว
นายสนธิ ย้ำอีกครั้งว่า ยอมตายเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และยอมเจ๊งเป็นเจ๊ง แต่พี่น้องไม่ยอมให้เจ๊งเสียที และวันนี้พนักงานเอเอสทีวีขอกราบแทบเท้าพี่น้องทุกคน เพราะเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้
นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมขบวนการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์จึงไม่หยุดเสียที แต่ขณะเดียวกัน พันธมิตรฯ เป็นตัวขัดขวางขบวนการโกงชาติของระบอบทักษิณ และนี่คือที่มาของสาเหตุการออกหมายจับ 9 แกนนำ คิดว่าเมื่อแกนนำนำถูกจับแล้วทำให้ขาดการนำ แต่คิดผิด
“ครั้งนี้เป็นสงครามครั้งสุดท้ายแล้ว และถ้าตายแต่ได้ประเทศคืนมาก็ยินดีตาย และฝากไปบอก พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ว่าอย่าเอาความตายและคุกมาขู่ เพราะถ้ากลัวก็ไม่มายืนตรงนี้ และฝากไปถึง พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ และ พล.ต.ต.ไชยวัฒน์ เกตุวรชัย ให้รับรู้ทั่วกันด้วยว่าถ้าผมตายแล้วอยากเห็นคนทั่วประเทศฉีกพวกคุณเป็นชิ้นหรือเปล่า” นายสนธิ ระบุและว่าคนที่ออกมาปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คนประเภทนี้เป็นกบฏได้อย่างไร
นายสนธิ ย้ำว่า 8 แกนนำพันธมิตรฯ ที่เหลือหากถูกจับกุมก็จะไม่ขอประกันตัวเช่นเดียวกัน และอยากดูว่าพวกคุณจะรับมือประชาชนทั่วประเทศอย่างไร แต่ขอให้อย่าลืมชื่อ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ เป็นอันขาด เพราะคนๆ นี้วางแผนให้มีการสลายการชุมนุมด้วยกำลัง แต่เชื่อว่าเวรกรรมมีจริง และอีกไม่นานคนพวกนี้จะได้รับกรรมแน่
นายสนธิ ย้ำว่า รัฐบาลชุดนี้ และพรรคพลังประชาชนเป็นพวกเดียวกับพวกที่ไม่เอาราชบัลลังก์มีความจงรักภักดีแต่ปาก โดยมีตำรวจบางคนที่หวังลาภยศตำแหน่งเป็นเครื่องมือ
“ผมขอท้าว่าถ้าอยากให้จลาจลทั่วประเทศก็ให้ลองดูก็แล้วกัน” นายสนธิ กล่าว และว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลต้องการใช้ทำเนียบฯ เพื่อหน้าตาของประเทศ อยากถามว่าเวลานี้ประเทศไทยมีหน้าตาอะไรเหลืออยู่บ้าง เพราะมีนายกฯ ที่มีคดีทุจริตอยู่เต็มไปหมด และอีกไม่นานพรรคก็จะถูกยุบ คนพวกนี้ไม่มีคุณสมบัติที่จะใช้ทำเนียบฯ และไม่เคยมีครั้งใดที่บ้านเมืองบอบช้ำเท่ากับยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกฯ
มาถึงตอนนี้ นายสนธิ กล่าวว่า จำเป็นต้องพูดถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เพียงสั้นๆ หลังจากที่ออกมาสนับสนุนการตั้ง ส.ส.ร.3 แล้วให้พันธมิตรฯ ถอย ไม่อยากพูดถึง พล.อ.สุรยุทธ์ มากนัก เพราะเห็นแก่บุญบารมีของพระเจ้าอยู่หัว เห็นแก่องคมนตรี แต่ที่บ้านเมืองที่เป็นแบบนี้เพราะมีคนสองคนคือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ พล.อ.สุรยุทธ์ นี่แหละ
ในตอนท้าย นายสนธิ ได้กล่าวเป็นนัยว่า หากต้องการทดสอบลังของพี่น้องประชาชนขอให้รออีก 2-3 วัน ตอนนี้ยังไม่บอกว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ให้คอยดูว่าถ้ามีการทดลอบพลังแบบนั้นจริงถือว่าเป็นความคิเที่บัดซบที่สุด แต่คราวนี้จะเป็นพลังของพี่น้องที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งยุทธการสงครามเก้าทัพหลายเท่านัก