“พันธมิตรฯ” เตรียมเคลื่อนขบวนบุก สตช.พรุ่งนี้ เรียกร้องนำตัวคนสั่งการ-ตร.สารเลว จงใจฆ่า ปชช.จนเสียชีวิตและบาดเจ็บมาลงโทษ พร้อมจี้ “สมชาย” รับผิดชอบ ไม่หวั่นปะทะ นปช. ลั่นยึดอหิงสา สันติ ขณะเดียวกันจะนำหนังสือและวีซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแจกจ่ายให้ ปชช.และจะส่งไปยังสถานทูตต่างๆ ทั่วโลกด้วย
วันนี้ (12 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อระชาธิปไตย เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.) เวลา 09.00 น. พันธมิตรฯ จะรวมตัวกันที่บริเวณสนามศุภชลาศัย เพื่อเคลื่อนขบวนไปชุมนุมกันบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนำสายบังคับบัญชาที่ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้มีการสลายการชุมนุมด้วยอาวุธหนัก มารับผิดชอบ พร้อมทั้งเรียกร้องให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี รับผิดชอบด้วยการลาออก ซึ่งการเรียกร้องครั้งนี้ถือว่าเข้มข้นกว่าทุกครั้งทื่พันธมิตรฯ เรียกร้อง เพราะผ่านมาเป็นการเรียกร้องในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นตัวแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เท่านั้น แต่ครั้งนี้พันธมิตรเรียกร้องนายกรัฐมนตรีในฐานะฆาตกร
“พันธมิตรฯ ยืนยันว่าการเคลื่อนขบวนไปหน้า สตช. พันธมิตรฯ จะไม่บุกไปข้างในเป็นอันขาด และจะไมกระทำใดๆ ที่นำไปสู่ความรุนแรง ดังนั้น ก็ขอให้ตำรวจอย่าได้ใช้ความรุนแรงกับพันธมิตร เนื่องจากไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้า และจะใช้วิธีสันติ อหิงสาเท่านั้น หากเจอแนวกั้นของตำรวจ พันธมิตรก็จะนั่งลง เพราะพันธมิตร ยังเชื่อในวิธีสันติอหิงสา เชื่อในกระบวนการยุติธรรม ให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำงาน ป้องกันไม่ให้ความรุนแรงขยายตัว หากพันธมิตรไม่เชื่อมั่นในสันติก็จะทำให้เหตุการณ์บานปลายได้ ซึ่งจะเป็นที่น่าเสียดายเมื่อความสันติ อหิงสาหมดไป”นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ ญาติเสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจะฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลทุกศาล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้พันธมิตรฯ จะรณรงค์แจกหนังสือ”ตำรวจฆ่าประชาชน”และวิซีดีต่างสถานที่ต่างๆ เพื่อให้คนในสังคมได้รับรู้ รับทราบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งจะจัดส่งไปให้ทางสถานทูตทั่วโลก เพื่อให้ได้ทราบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเหตุการณ์ 14 ตุลา จนถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ นั้นข้อมูลข้อเท็จจริงไม่ถูกนำมาเปิดเผยจึงไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ เห็นได้ชัดว่าคนที่เคยทำผิดยังได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีเลย
ส่วนกระแสข่าวที่ นปก. จะเดินทางมายัง สตช. ในวันเดียวกันกับพันธมิตรฯ นั้น นายพิภพ กล่าวว่า เราไม่เผชิญหน้ากับคนที่ใช้ความรุนแรง แต่เราจะประเมินสถานการณ์ในขณะที่เราเดินขบวนอยู่ ทั้งนี้ รัฐบาลควรออกมาห้าม นปก. และไม่ควรสนับสนุนคนของรัฐบาลที่อยู่ใน นปก. ซึ่งรัฐบาลต้องพูดให้ชัดในเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นแสดงว่ารัฐบาลสนับสนุนกระบวนการที่ต้องการให้เกิดความรุนแรง เพื่อต่อต้านประชาชนที่ใช้สิทธิในการชุมนุมตามรัฐธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลของพันธมิตรฯ ที่ไปยื่นต่อสถานทูตนั้น คิดว่าทางสถานทูตจะยอมฟังข้อมูลของทางพันธมิตรหรือไม่ นายพิภพ กล่าวว่า คิดว่าทางสถานทูตคงไม่ฟังรัฐบาลฝ่ายเดียว เนื่องจากทางสถานทูตก็มีคนของเขาคอยสังเกตการณ์
นายพิภพ กล่าวว่า ตั้งแต่วันนี้ (12 ต.ค.) จนถึงวันที่ 21 ต.ค. ที่จะมีการตัดสินคดีที่ดินรัชดา ถือเป็น 10 วันอันตราย เพราะเราทราบมาว่าคนในพรรคพลังประชาชน รวมทั้งลิ่วล้อทักษิณต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อต้องการให้เกิดความวุ่นวายขึ้น ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องออกมาช่วยกันยับยั้งและให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงใดๆ ขึ้นมา ไม่เช่นนั้นจะทำให้ความรุนแรงกระจายตัว และทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในสันติวิธี ซึ่งเป็นอันตรายต่อสังคมไทย และรายงานอยู่แล้ว และคิดว่าข้อมูลก็คงไม่ได้มาจากทางฝ่ายรัฐบาล แต่มาจากองค์กรภาคประชาชนด้วย
เมื่อถามว่าขณะนี้มีกระแสเรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติ รัฐประหาร พันธมิตรมีจุดยืนในเรื่องนี้อย่างไร นายพิภพ กล่าวว่า พันธมิตรไม่เรียกร้องให้ทหารออกมาทำปฏิวัติ รัฐประหาร แต่เรียกร้องให้ทหารออกมาทำในสองบทบาทคือ หนึ่งทหารต้องดูแลปกป้องประชาชน สองทหารต้องมีมโนธรรม จิตสำนึกของความถูกต้อง และแม่ทัพนายกองผู้นำทางสังคม ปลัดกระทรวงทุกกระทรวงต้องออกมาแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลสมชาย ที่สั่งฆ่าและทำร้ายประชาชน นอกจากนี้ ทหารในฐานะที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาวุธ ควรออกมาชี้แจงว่าอาวุธที่รัฐบาลใช้ในการสลายการชุมนุมนั้น เป็นอาวุธที่รุนแรงขนาดไหน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.จะออกมาแสดงท่าทีแล้ว แต่ก็ยังถือว่าน้อยเกินไป ควรจะออกมาแสดงบทบาทมากกว่านี้
ด้านนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า มีแนวทางในการดำเนินการกับเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคมมี 3 แนวทางคือ 1.การนำคนผิดมาลงโทษให้ได้ 2.ให้รัฐบาลชดใช้ค่าเสียหาย โดยเตรียมเรียกค่าเสียหาย 1,000 ล้านบาท 3.หาคนออกคำสั่งสลายการชุมนุมมาลงโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมในช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนทยอยเดินทางเข้าร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง พิธีกรบนเวทีได้มีการรายงานข่าว ที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ไม่ได้เข้าร่วมงาน “สานใจไทย สู่ใจใต้” แต่กลับไปเยี่ยมนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งพิธีกรบอกกับผู้ชุมนุมว่า ที่นายสมัคร รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนั้น กระแสหนึ่งบอกว่าเป็นมะเร็งตับ
ส่วนอีกกระแสรายงานว่านายสมัครแกล้งทำเป็นป่วยแล้วจะเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อหลบหนีการติดคุก นอกจากนี้ ยังรายรายงานความเคลื่อนไหวของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) รวมถึงแนะนำผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า อย่าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากมีการมาสอบปากคำ และอย่าให้หลักฐานใดๆ จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากทนายของกลุ่มพันธมิตรฯ