xs
xsm
sm
md
lg

เวทีพฤษภาทมิฬฯ ชี้นักการเมืองแปลงร่างสูบประโยชน์แผ่นดิน หนุน ปชช.ตื่นตัวเฝ้าระวัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายบรรจง นะแส
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – วงเสวนาพฤษภาทมิฬถึงการต่อสู้ระบอบทักษิณชี้เหตุการณ์พฤษภาทมิฬสร้างคุณูปกรณ์ให้ภาคประชาชนในต่างจังหวัดตื่นตัวทางการเมือง แต่ไม่ว่ากี่ยุคสมัยนักการเมืองยังจ้องเฉือนประโยชน์ประเทศเพื่อแลกกับประโยชน์ในกระเป๋าตัวเองไม่จบสิ้น

วงเสวนาพฤษภาทมิฬถึงการต่อสู้ระบอบทักษิณ ที่ลานรถไฟ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (17 พ.ค.) นายบรรจง นะแส นักต่อสู้ภาคประชาสังคม เปิดเผยว่า เดือนพฤษภาคมที่เกิดเหตุการณ์นองเลือดที่กรุงเทพฯ ปี 2535 จ.สงขลาเองได้ร่วมเคลื่อนไหวต่อสู้ด้วย โดยจัดเวที ณ ลานรถไฟหาดใหญ่, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งรวบรวมผู้คนหลากหลายที่ตื่นตัวเรื่องการเมืองและเป็นกำลังหนุนสำคัญในการต่อสู้ครั้งนั้น ก่อนจะมารวมตัวเป็นหนึ่ง ณ ลานรถไฟ เพื่อประกาศให้รัฐบาลยุติการใช้ความรุนแรงกับการชุมนุมในกรุงเทพฯ มิฉะนั้น ต่างจังหวัดจะมีการเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน จวบจนถึงวันนี้ ลานรถไฟและ จ.สงขลา ก็ยังเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่ใช้ในการขับไล่ระบอบทักษิณ ซึ่งขณะนี้ได้เปลี่ยนเป็นรัฐบาลนอมินีที่มีเจตนาชัดเจนว่าต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อช่วยเหลือนักการเมือง 111 คนที่ถูกยุติบทบาททางการเมือง

ปัญหาที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นที่เกิดจากนักการเมืองและสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับคนสงขลา อาทิ การจัดสรรทรัพยากรไทยให้กับต่างชาติ โดยการปกปิดข้อมูลไม่ให้ประชาชนรู้ เช่น ก๊าซในแหล่ง JDA ซึ่งปล่อยให้มาเลเซียนำไปใช้ก่อนล่วงหน้าถึง 5 ปี ซึ่งไทยสามารถนำมาใช้ในโรงไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ได้เอื้อประโยชน์ถึงมือประชาชนโดยตรงดังที่ประกาศว่าจะทำให้ค่าแก๊สหุงต้มลดลง รวมถึงการฮุบที่ดินวะกัฟเพื่อใช้ในโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ซึ่งสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจหยั่งรากลึกให้กับชาวบ้าน เป็นต้น เบื้องหลังการเสียประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติล้วนเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ของนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศในแต่ละช่วงเวลาทั้งสิ้น

“ปกติการชุมนุมทางการเมืองสะท้อนถึงความเป็นประชาธิปไตยทางการเมือง แต่วิธีการแสดงออกมีการจัดตั้งและหวังจะทำให้เกิดการเผชิญหน้า ซึ่งความตึงเครียดทางการเมืองข้างหน้านั้นค่อนข้างหนัก แต่พี่น้องสงขลาจะเป็นกำลังสำคัญที่มีการแสดงออกทางการเมืองอย่างสันติ” นายบรรจงกล่าว

ด้านนายสุพิเชษฐ์ สุวรรชาตรี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์การรถไฟ สาขาหาดใหญ่, อ.เริงชัย ตันสกุล อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มอ.หาดใหญ่ และนายสุพจน์ จริงจิต บก.บริหารหนังสือพิมพ์โฟกัสภาคใต้ ร่วมเสวนาถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ โดยมีนายณขจร จันทวงศ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันเป็นผู้ดำเนินรายการ

เวทีเสวนาชี้ว่าไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยคนรถไฟยังรักประชาชนเหมือนเดิม และยินดีที่จะเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับการต่อสู้การเมือง ซึ่งมีมาตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ และเป็นองค์หลักในการขับเคลื่อน เหตุการณ์พฤษภาทมิฬในครั้งนั้นเกิดวิกฤตด้านข่าวสารที่ถูกปิดกั้น เหมือนกับการต่อสู้กับระบอบทักษิณในช่วงปี 2549 แต่มีเคเบิ้ลทีวีไทยสกายที่นำภาพความรุนแรงในเหตุการณ์จริงที่กรุงเทพฯ ทำให้ประชาชนต่างจังหวัดได้รับรู้ความรุนแรงจริงที่เกิดขึ้น และรัฐบาลได้ยุบสหภาพแรงงานของไทยทิ้งเพื่อลดทอนบทบาท ทำให้มีการต่อสู้เรียกร้องจนสามารถกู้กลับคืนมาได้ใน 10 ปีให้หลัง ในส่วนของผู้ที่ร่วมเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ได้สร้างคนให้เติบโตด้านต่างๆ ทั้งภาคธุรกิจ วงการสื่อมวลชน แต่คุณูปการใหญ่ในเหตุการณ์นั้นคือปลุกให้ภาคประชาชนตื่นตัวทางการเมือง รวมถึงสถานการณ์ในปัจจุบันด้วยที่ประชาชนต้องตื่นจากการหลับไหลและร่วมเฝ้าระวังการเมืองไม่ให้ถูกแทรกแซงอีกครั้ง

ส่วนนายจรูญ หยูทอง นักวิชาการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชนต่อสู้กันด้วยความคิดไม่ใช่แค่เพียงความรู้สึกนึกคิดหรือเพียงแต่คนๆ นั้นไม่ได้เกิดภาคใต้ แต่ในส่วนของคนที่ขึ้นเวทีร่วมกันพันธมิตรสงขลานั้นก็ไม่ได้เห็นด้วยกับทุกๆ เรื่อง ที่เรื่องที่ทำให้ตนอยู่จุดนี้เพราะไม่ชอบเป็นเรื่องใหญ่ที่ยอมกันไม่ได้ และอยากให้ประชาชนเรียนรู้เวทีนี้เป็นโรงเรียนทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่มีหลักสูตรแคปซูลที่กินแล้วรู้ได้ทันทีโดยปราศจากการสั่งสม

ในส่วนของพันธมิตรสงขลาได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภาที่เอื้อต่อระบอบทักษิณ ทั้งปลดปล่อย 111 คนทางการเมืองที่ถูกตีตรวน หรือล้มคดีความทั้งหลาย พันธมิตรสงขลาพร้อมที่จะเคลื่อนสนับสนุนกำลังสู่กรุงเทพฯ ทันที โดยมีการวางแผนเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบและสันติ ซึ่งขณะที่ได้เปิดรับลงชื่อผู้ที่ประสงค์จะร่วมเคลื่อนไหวที่ส่วนกลางหากสถานการณ์บ้านเมืองมีความจำเป็น โดยสามารถลงชื่อได้ ณ เต็นท์ลานรถไฟได้ทุกวัน



วงเสวนาพฤษภาทมิฬ
กำลังโหลดความคิดเห็น