ASTVผู้จัดการรายวัน- "ประสงค์" เชื่อเสื้อแดงเผาเมืองแน่ คาดมวลชน 8หมื่น เข้ากรุง พร้อมจัดคนคุมศูนย์ราชการนับ 10 จังหวัด รับสงสารแดงไม่รู้อิโหน่อิเหน่ร่วมม็อบโดนพวกเดียวกันทำร้ายสร้างสถานการณ์ ปูดแดงฝึกฮาร์ดคอร์ไว้ลำตะคองก่อนส่งปาบึ้มโยนความผิดรัฐ จี้รัฐอย่ากลัวผีนรก แนะชาวชุมชนลุกสู้ต้านคนป่วน เย้ย"นช.ทักษิณ " ชาตินี้ก็ไม่มีทางชนะ เสียดายไม่น่าเกิดในแผ่นดินไทย จี้รัฐหากชนะเลิกจับงูข้างหางเหตุจะไม่ยืดเยื้อ เตือน "มาร์ค" ระวังคนในลอบสังหาร
วานนี้ (11 มี.ค.) ที่สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ถึงแนวโน้มของสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เท่าที่ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอดเห็นว่าการเตรียมการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคพวก มีความพร้อมยิ่งกว่าสมัยที่ผ่านมา เพราะมีสัญญาณหลายอย่างที่แสดงให้เห็น เช่น การปลุกระดมผ่านเวทีชุมนุม ทางสื่อโทรทัศน์และวิทยุของกลุ่มคนเสื้อแดง การหาประชาชนเข้าร่วมชุมนุม และการจัดหารถขนส่ง
ส่วนเรื่องความขัดแย้งในการจ่ายเงินสนับสนุนก็ยอมรับว่ามีจริง แต่คนทำงานใหญ่เขาทำงานกันมาเป็นเดือนแล้ว ซึ่งตนเตือนว่าอย่าประมาทในจำนวนคน ทั้งนี้ ตนยังเชื่อว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะมีวิธีการที่นำปฏิบัติรุนแรงกว่าเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน ปี2552
ขณะที่การเคลื่อนตัวของมวลชนคนเสื้อแดง ก็ต้องมองทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด โดยในต่างจังหวัด ก็มีมวลชนส่วนหนึ่งในพื้นที่ที่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 10 จังหวัด เพื่อเฝ้าระวังในจุดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการจังหวัด ส่วนคนที่เข้ามาในกรุงเทพฯก็มาตามจุดนัดหมายตั้งแต่วันที่ 12 ซึ่งตนคาดว่าในวันที่ 14 นี้ จะมีคนเข้ามามาก แต่ไม่น่าจะเกิน 80,000 คน
“ผมสงสารคนเสื้อแดงที่เข้ามาชุมนุมทั้งจากการชักชวนหรือว่าจ้าง โดยไม่รู้เรื่องว่าจะมีการปฏิบัติการจากคนพวกเดียวกัน ซึ่งได้รับการฝึกฝนอยู่ที่ลำตะคองเป็นเดือนๆ และไม่ได้เข้ามามือเปล่า ซึ่งคนพวกนี้ผ่านการใช้อาวุธ กระสุน ระเบิดมาแล้ว และข่าวที่ว่ามีการจัดซื้อขวดเปล่า ขณะนี้ก็นำเข้ามาอยู่ใน กทม.แล้ว สิ่งที่ต้องระวังคือการยิง ปาระเบิด นอกจากระเบิดมือ และระเบิดวาง ก็คือระเบิดขวด ซึ่งตรงนี้จะประมาทไม่ได้ เพราะมีการรวบรวมดำเนินการอย่างนี้จริงๆ และผมเชื่อว่า แนวโน้มความรุนแรงจะมีมากกว่าเก่า คนเสื้อแดงที่ไม่รู้เรื่องน่าสงสารที่สุด เพราะอะไรที่ยิงเข้าไปในกลุ่ม คนเสื้อแดงก็จะโทษรัฐ ทั้งๆ ที่เป็นฝีมือพวกเดียวกันทำ จนถึงการเผาบ้านเผาเมืองก็เป็นไปได้” น.ต.ประสงค์ กล่าว
ส่วนเป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณในครั้งนี้นั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า มี 3 อย่าง คือ 1.ล้มอำนาจรัฐ 2.จัดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารปกครองอำนาจเบ็ดเสร็จ และ 3.สถาปนารัฐไทยใหม่ ฉะนั้นการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ยุบสภา แต่แฝงไว้ด้วยการจลาจล ซึ่งตนเชื่อว่าการวางแผนทั้งหมดไม่ใช่ฝีมือสามเกลอ แต่มีอีกพวกหนึ่ง และจะไม่ได้วางแผนเพียงแค่แผนเดียว ถ้าไม่สำเร็จก็จะมีอีกแผนให้ยืดเยื้อต่อไป ขณะที่จะสำเร็จหรือไม่ ตนเห็นว่าขึ้นอยู่กับรัฐ ซึ่งมีจุดแข็งคือ กำลังพล อาวุธ และกฎหมาย แต่ก็มีจุดอ่อน คือ ถ้ารัฐทำงานเป็น คงไม่ลากมาถึงเหตุการณ์ช่วงนี้
“ ที่ผ่านมาดูเหมือนกับว่ารัฐบาลกลัวอะไรบางอย่าง ซึ่งไม่ผิดกับคนกลัวผี ถ้ายิ่งกลัวผีก็ยิ่งมาหา สิ่งที่น่าจะจัดการได้กลับไม่ทำ การใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ ก็เหมือนเอายันต์มากันผีหลอก แต่ครั้งนี้ผีไม่ได้มาตัวเดียว มาทั้งแดนนรก แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมา 2-3 วันก็ดูรัฐทำงานกระฉับกระเฉงขึ้น ” น.ต.ประสงค์กล่าวและว่า
สิ่งที่ต้องระวังในขณะนี้คือความอลหม่าน ถ้าหากมีการใช้ระเบิดก็จะมีความอลหม่านเกิดขึ้นมีการล้มตาย และทำให้มีการปราบปราม ซึ่งรัฐบาลจะเสียเปรียบ ส่วนของภาคประชาชนที่ไม่ใช่กลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ตนขอให้ประชาชนเข้าใจว่าศึกครั้งนี้ไม่ใช่การเผชิญหน้าของคน 2 ฝ่าย แต่เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องคุมสถานการณ์ จึงขอให้ประชาชนอย่าเข้าไปยุ่งในเหตุการณ์เป็นอันขาด แต่ถ้าหากคนเหล่านี้เลยเถิดไปก่อปัญหากับสถาบัน ก็ขอให้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศออกมาปกป้อง
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างสถานการณ์เพื่อให้มีการนิรโทษกรรมตัวเองแบบสมัยพฤษภาทมิฬนั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เขาอาจจะคิดอย่างนั้น แต่เขาวางแผนก้าวล่วงเกินไปแล้ว ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายรัฐจะสามารถจัดการได้ และหากรัฐทำไม่ได้คนที่รักษาความมั่นคงก็จะมีวิธีจัดการ ทั้งนี้ ขอตำหนิรัฐที่ปล่อยปละละเลยให้มีการละเมิดสถาบัน และจาบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ตนไม่เห็นว่ารัฐจะใส่ใจจัดการคนผิดกฎหมาย เลยทำให้คนพวกนี้ได้ใจ แต่ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชาตินี้จะไม่มีทางชนะ ซึ่งตนเสียดายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่น่าเกิดมาในแผ่นดินไทยที่ให้ได้โกงได้มหาศาลแล้วยังจะกระทำอย่างนี้อีก
ขณะที่ภาครัฐหากชนะครั้งนี้ได้ ก็จะต้องเลิกจับงูข้างหาง ต้องจัดการหัวโจกตามกฎหมาย แต่ถ้ายังทำปกติก็จะมีเหตุการณ์ยืดเยื้อต่อไป
“ขอเตือนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องระวังความปลอดภัยให้มากที่สุด โดยเอาบทเรียนของการลอบสังหารผู้นำต่างประเทศมาศึกษา โดยเฉพาะคนในต้องระวังเป็นพิเศษ"
วานนี้ (11 มี.ค.) ที่สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ถึงแนวโน้มของสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เท่าที่ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอดเห็นว่าการเตรียมการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคพวก มีความพร้อมยิ่งกว่าสมัยที่ผ่านมา เพราะมีสัญญาณหลายอย่างที่แสดงให้เห็น เช่น การปลุกระดมผ่านเวทีชุมนุม ทางสื่อโทรทัศน์และวิทยุของกลุ่มคนเสื้อแดง การหาประชาชนเข้าร่วมชุมนุม และการจัดหารถขนส่ง
ส่วนเรื่องความขัดแย้งในการจ่ายเงินสนับสนุนก็ยอมรับว่ามีจริง แต่คนทำงานใหญ่เขาทำงานกันมาเป็นเดือนแล้ว ซึ่งตนเตือนว่าอย่าประมาทในจำนวนคน ทั้งนี้ ตนยังเชื่อว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะมีวิธีการที่นำปฏิบัติรุนแรงกว่าเหตุการณ์เมื่อเดือนเมษายน ปี2552
ขณะที่การเคลื่อนตัวของมวลชนคนเสื้อแดง ก็ต้องมองทั้งในส่วนกลางและต่างจังหวัด โดยในต่างจังหวัด ก็มีมวลชนส่วนหนึ่งในพื้นที่ที่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 10 จังหวัด เพื่อเฝ้าระวังในจุดสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการจังหวัด ส่วนคนที่เข้ามาในกรุงเทพฯก็มาตามจุดนัดหมายตั้งแต่วันที่ 12 ซึ่งตนคาดว่าในวันที่ 14 นี้ จะมีคนเข้ามามาก แต่ไม่น่าจะเกิน 80,000 คน
“ผมสงสารคนเสื้อแดงที่เข้ามาชุมนุมทั้งจากการชักชวนหรือว่าจ้าง โดยไม่รู้เรื่องว่าจะมีการปฏิบัติการจากคนพวกเดียวกัน ซึ่งได้รับการฝึกฝนอยู่ที่ลำตะคองเป็นเดือนๆ และไม่ได้เข้ามามือเปล่า ซึ่งคนพวกนี้ผ่านการใช้อาวุธ กระสุน ระเบิดมาแล้ว และข่าวที่ว่ามีการจัดซื้อขวดเปล่า ขณะนี้ก็นำเข้ามาอยู่ใน กทม.แล้ว สิ่งที่ต้องระวังคือการยิง ปาระเบิด นอกจากระเบิดมือ และระเบิดวาง ก็คือระเบิดขวด ซึ่งตรงนี้จะประมาทไม่ได้ เพราะมีการรวบรวมดำเนินการอย่างนี้จริงๆ และผมเชื่อว่า แนวโน้มความรุนแรงจะมีมากกว่าเก่า คนเสื้อแดงที่ไม่รู้เรื่องน่าสงสารที่สุด เพราะอะไรที่ยิงเข้าไปในกลุ่ม คนเสื้อแดงก็จะโทษรัฐ ทั้งๆ ที่เป็นฝีมือพวกเดียวกันทำ จนถึงการเผาบ้านเผาเมืองก็เป็นไปได้” น.ต.ประสงค์ กล่าว
ส่วนเป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณในครั้งนี้นั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า มี 3 อย่าง คือ 1.ล้มอำนาจรัฐ 2.จัดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารปกครองอำนาจเบ็ดเสร็จ และ 3.สถาปนารัฐไทยใหม่ ฉะนั้นการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ยุบสภา แต่แฝงไว้ด้วยการจลาจล ซึ่งตนเชื่อว่าการวางแผนทั้งหมดไม่ใช่ฝีมือสามเกลอ แต่มีอีกพวกหนึ่ง และจะไม่ได้วางแผนเพียงแค่แผนเดียว ถ้าไม่สำเร็จก็จะมีอีกแผนให้ยืดเยื้อต่อไป ขณะที่จะสำเร็จหรือไม่ ตนเห็นว่าขึ้นอยู่กับรัฐ ซึ่งมีจุดแข็งคือ กำลังพล อาวุธ และกฎหมาย แต่ก็มีจุดอ่อน คือ ถ้ารัฐทำงานเป็น คงไม่ลากมาถึงเหตุการณ์ช่วงนี้
“ ที่ผ่านมาดูเหมือนกับว่ารัฐบาลกลัวอะไรบางอย่าง ซึ่งไม่ผิดกับคนกลัวผี ถ้ายิ่งกลัวผีก็ยิ่งมาหา สิ่งที่น่าจะจัดการได้กลับไม่ทำ การใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ ก็เหมือนเอายันต์มากันผีหลอก แต่ครั้งนี้ผีไม่ได้มาตัวเดียว มาทั้งแดนนรก แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมา 2-3 วันก็ดูรัฐทำงานกระฉับกระเฉงขึ้น ” น.ต.ประสงค์กล่าวและว่า
สิ่งที่ต้องระวังในขณะนี้คือความอลหม่าน ถ้าหากมีการใช้ระเบิดก็จะมีความอลหม่านเกิดขึ้นมีการล้มตาย และทำให้มีการปราบปราม ซึ่งรัฐบาลจะเสียเปรียบ ส่วนของภาคประชาชนที่ไม่ใช่กลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ตนขอให้ประชาชนเข้าใจว่าศึกครั้งนี้ไม่ใช่การเผชิญหน้าของคน 2 ฝ่าย แต่เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องคุมสถานการณ์ จึงขอให้ประชาชนอย่าเข้าไปยุ่งในเหตุการณ์เป็นอันขาด แต่ถ้าหากคนเหล่านี้เลยเถิดไปก่อปัญหากับสถาบัน ก็ขอให้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศออกมาปกป้อง
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างสถานการณ์เพื่อให้มีการนิรโทษกรรมตัวเองแบบสมัยพฤษภาทมิฬนั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เขาอาจจะคิดอย่างนั้น แต่เขาวางแผนก้าวล่วงเกินไปแล้ว ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายรัฐจะสามารถจัดการได้ และหากรัฐทำไม่ได้คนที่รักษาความมั่นคงก็จะมีวิธีจัดการ ทั้งนี้ ขอตำหนิรัฐที่ปล่อยปละละเลยให้มีการละเมิดสถาบัน และจาบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ตนไม่เห็นว่ารัฐจะใส่ใจจัดการคนผิดกฎหมาย เลยทำให้คนพวกนี้ได้ใจ แต่ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชาตินี้จะไม่มีทางชนะ ซึ่งตนเสียดายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่น่าเกิดมาในแผ่นดินไทยที่ให้ได้โกงได้มหาศาลแล้วยังจะกระทำอย่างนี้อีก
ขณะที่ภาครัฐหากชนะครั้งนี้ได้ ก็จะต้องเลิกจับงูข้างหาง ต้องจัดการหัวโจกตามกฎหมาย แต่ถ้ายังทำปกติก็จะมีเหตุการณ์ยืดเยื้อต่อไป
“ขอเตือนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องระวังความปลอดภัยให้มากที่สุด โดยเอาบทเรียนของการลอบสังหารผู้นำต่างประเทศมาศึกษา โดยเฉพาะคนในต้องระวังเป็นพิเศษ"