xs
xsm
sm
md
lg

กขช.ปัดรับจำนำข้าวตันละ1.4หมื่นบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชาวนาน้ำตาตก กขช.ไม่รับราคาจำนำข้าวนาปีตันละ 1.4 หมื่นบาทตามมติครม.เดิมพร้อมตั้งอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาราคาที่เหมาะสมใหม่ภายในวันที่ 20 ต.ค.นี้
รายงานงานจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) แจ้งว่า การประชุมพิจารณาโครงการรับจำนำข้าวเลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 ไม่สามารถหาข้อสรุปในเรื่องราคารับจำนำได้ เนื่องจากหลายฝ่ายทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งนักวิชาการต่างไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ ที่ยืนยันให้ใช้ราคารับจำเดิมตามมติครม.เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2551 โดยกำหนดข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 1.6 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 1.4 หมื่นบาท และข้าวเหนียวตันละ 9,000 บาท
ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาข้าวที่มีนายสมพร อิศวิลานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านข้าวจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นประธาน และมีตัวแทนจากฝ่ายต่างๆ ทั้งกลุ่มเกษตรกรและหน่วยงานรัฐ เพื่อพิจารณาราคาข้าวที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องได้ข้อสรุปภายในวันที่ 20 ต.ค.นี้ เพื่อเสนอให้ครม. พิจารณาในวันที่ 21 ต.ค.ทันที
สำหรับสาเหตุที่ยังไม่สามารถสรุปเรื่องราคารับจำนำได้ เนื่องจากรัฐบาลต้องการดูสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งหากมีแนวโน้มยุบสภา ก็อาจกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกที่ตันละ 1.4 หมื่นบาท ตามมติ ครม.เดิม แต่หากรัฐบาลยังบริหารประเทศได้ต่อไปและไม่ยุบสภาอาจกำหนดราคารับจำที่ราคา 1.2 หมื่นบาท/ตัน และค่อยปรับเพิ่มราคาเป็น 1.4 หมื่นบาทในภายหลัง เนื่องจากขณะนี้ประสบปัญหาแหล่งเงินที่จะใช้รับจำนำ
ทั้งนี้การหาเงินมาใช้ในโครงการรับจำนำ เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังจะเป็นผู้จัดหา เบื้องต้นอาจต้องจัดหาแหล่งเงินเพิ่มเติมจากธนาคารของรัฐ เช่น กรุงไทยและออมสิน นอกเหนือจากการกู้ยืมจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขณะเดียวกันจะเร่งระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลเพื่อนำมาเป็นทุนในการรับจำนำต่อไป
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กขช. ได้มีการพิจารณารับจำนำข้าวตามมติครม. เดิม ซึ่งหลายฝ่ายเห็นว่าขณะนี้ปัจจัยในการผลิตข้าวเปลี่ยนแปลงไปทั้งเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ราคาส่งออก ดังนั้น ที่ประชุมจึงตั้งคณะกรรมการฯ ข้างต้นให้พิจารณาราคาที่เหมาะสมอีกครั้ง ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ยังยืนยันที่จะต้องรับจำนำราคาข้าวตามมติครม. เดิม เพราะหากปรับลดราคาจำนำลง จะทำให้ข้าวนาปรังปี 2551 ที่รับจำก่อนหน้านี้ขาดทุนทันที และยังทำให้ราคาข้าวนาปีลดลงไปด้วย
นายศิริพล ยอดเมือง ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ตั้งองค์ประกอบคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีก 4 คณะประกอบด้วย 1. คณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ด้านการตลาด มีรมว.พาณิชย์เป็นประธาน 2. คณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติด้านการผลิต มี รมว.เกษตรฯ เป็นประธาน 3. คณะอนุกรรมการข้าวแห่งชาติระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และ4.คณะอนุกรรม การงบประมาณและการเงิน มีกระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพ
นอกจากนี้ ยังแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายและจำหน่ายข้าวสาร มีนายโอฬาร ชัยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังได้พิจารณาจำนวนโรงสีที่จะเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีว่าจะมีปริมาณเพียงพอหรือไม่ เบื้องต้นกระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอแนวทางปฏิบัติในการปลดบัญชีดำ 89 โรงสีที่มีความผิดกับภาครัฐอยู่ โดยจะพิจารณาตามโทษหนักเบา ซึ่งกรณีโรงสีกระทำผิดรุนแรง มีการยักยอกข้าวจะไม่ละเว้นโทษ ส่วนกรณีโรงสีที่กระทำผิดเพียงเล็กน้อย เช่น ส่งมอบข้าวไม่ทันเวลาจะผ่อนผันให้เพื่อให้เข้าร่วมโครงการรับจำนำได้
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังมีมติที่จะนำข้าวในสต็อกรัฐบาลปี 2549/50 จำนวน 4.63 แสนตัน มาประมูลในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) ซึ่งเป็นข้าวขาว 5% ด้วย
นายประสิทธิ บุญเฉย รักษาการนายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า หากรัฐบาลกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 ต่ำกว่ามติครม.ที่ตันละ 14,000 บาทจริง รัฐบาลต้องมีมาตรการช่วยเหลือชาวนาเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาต้นทุนการปลูกข้าวที่กำลังเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้ต้นทุนการปลูกข้าวปรับขึ้นมาก ทั้งจากค่าเช่าที่ดินเพิ่มจากไร่ละ 500 บาท เป็น 1,000 บาท ค่าปุ๋ยยูเรียที่กำลังจะขึ้นอีก 10-20% จากตันละ 26,000-27,000 บาท เป็น 30,000 บาท ซึ่งหากรัฐจะลดราคารับจำนำ สวนทางกับต้นทุนชาวนาจะมีชีวิตที่ลำบาก
‘การปรับลดราคาจำนำทำได้ แต่ต้องเจรจารายละเอียดกัน หากรัฐลดราคาจำนำแต่ราคาปุ๋ยขึ้น ใครจะรับผิดชอบ แต่ถ้ารัฐหางบช่วยอุดหนุนส่วนต่าง ไม่ให้ภาระตกไปอยู่ชาวนาก็ถือว่าโอเค รัฐบาลจะต้องตอบคำถามให้ได้ เพราะเร็วๆ นี้จะครบกำหนดมาตรการตรึงราคาปุ๋ยของกระทรวงพาณิชย์แล้ว ทำให้ราคาปุ๋ยยูเรียจะขึ้นราคาอีกไม่น้อยกว่า 10-20% รวมถึงหามาตรการดูแลเรื่องต้นทุนการปลูกข้าวอื่นๆ ด้วย ซึ่งภายใน 1-2 วันจะเจรจากับผู้ค้าปุ๋ยเพื่อหาทางออกและนำเสนอรัฐบาล’
กำลังโหลดความคิดเห็น