xs
xsm
sm
md
lg

จับตาระบายข้าว 5 ล้านตัน วิธีสุดพิศดารสมาคมข้าวงง!"ไชยา"ติดต่อใครเป็นพิเศษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จับตาระบายข้าวเฉียด 5 ล้านตันด้วยวิธีใหม่สุดพิลึก ไม่เปิดประมูล แต่เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อเสนอราคาและเงื่อนไขได้เอง จะซื้อเหมายกล๊อตหรือวิธีอะไรก็ได้ “ไชยา”ระบุได้แจ้งสมาคมข้าวทางโทรศัพท์ไปแล้ว พร้อมตั้งเงื่อนไขราคาที่ซื้อรัฐต้องไม่ขาดทุนและส่งออกเท่านั้น เผยต้องเร่งทำเพื่อหางินใช้จำนำข้าวนาปีที่จะเริ่ม 16 ต.ค.นี้ไม่ต่ำกว่าแสนล้าน สมาคมข้าวงง อ้างยังไม่ได้รับการติดต่อ ตั้งข้อสงสัยคุยรายใดเป็นพิเศษหรือเปล่า

นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลทั้งหมดตั้งแต่ปี 2547-51 โดยเป็นข้าวสต๊อกเก่า 2.1 ล้านตันข้าวสาร และสต๊อกใหม่ 3.96 ล้านตันข้าวเปลือก โดยมอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้ดูแลการระบายข้าว โดยการกำกับดูแลของปลัดกระทรวงพาณิชย์ และมีเงื่อนไขการระบายข้าวแบบพ่วงข้าวเก่ากับใหม่ตามสัดส่วน 1/1 ราคาที่เสนอรัฐต้องไม่ขาดทุน ต้องส่งออกเท่านั้น โดยไม่จำกัดว่าผู้ซื้อจะเป็นรายเดียวซื้อยกล๊อต หรือหลายๆ รายรวมกันซื้อ

“ได้แจ้งให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยไปแล้วเมื่อ 2 วันก่อน โดยแจ้งว่าใครที่สนใจจะซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลก็ให้เสนอราคา เสนอเงื่อนไขการซื้อเข้ามา แต่ต้องเป็นราคาที่รัฐไม่ขาดทุน และไม่กังวลว่าจะเกิดข้อครหา เพราะต้องรีบระบายข้าว เพื่อทำโกดังให้ว่าง และต้องหาเงินทุนกว่าแสนล้านบาทเพื่อใช้ในการเปิดรับจำนำข้าวที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.นี้ เพราะทางกระทรวงการคลัง ได้แจ้งมาว่าไม่อยากให้มีการรับจำนำที่ตันละ 1.4 หมื่นบาท เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเงินเพียงพอ”นายไชยา กล่าว

นายไชยา กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าจะไม่มีการทบทวนราคาใหม่แล้ว เพราะถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างถูกต้อง อีกทั้งข้าวนาปรังที่รับจำนำก่อนหน้านี้ รัฐยังรับสูงถึงตันละ 14,000 บาท หากข้าวนาปีที่มีคุณภาพดีกว่า แต่เปิดรับจำนำต่ำกว่า แสดงว่ารัฐไม่ประสบความสำเร็จในการพยุงราคาข้าวให้ชาวนา ที่สำคัญจะทำให้รัฐขายข้าวนาปรังที่รับจำนำมาลำบาก โดยหากราคาใหม่จำนำแค่ตันละ 12,000 บาท จะทำให้รัฐขาดทุนถึง 8,000 ล้านบาท จากราคาจำนำกับราคาตลาดที่ต่างกันถึงตันละ 2,000 บาท

“เรื่องราคารับจำนำข้าว ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีพูดให้ทบทวน ผมกลัว แต่นี่เป็นธ.ก.ส.พูดจะกลัวทำไม เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล”

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการเจรจาระบายข้าวด้วยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) โดยจะดำเนินการควบคู่กันไปด้วย โดยขณะนี้มีคำสั่งซื้อจาก 3 ประเทศเข้ามาแล้ว 200,000-300,000 ล้านตัน เช่น ติมอร์เลสเต รวมถึงจะพิจารณาการปลดบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) โรงสี โดยจะเน้นโรงสีที่มีโทษกลางและเบาเพื่อให้มีโรงสีเพียงพอต่อการรับจำนำ และจะพิจารณาลดหย่อนเบี้ยปรับแก่โรงสีที่ติดบัญชีดำที่ต้องจ่ายวันละ 0.02% ด้วย

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายไชยาเพื่อแจ้งให้เข้าร่วมประมูลการระบายข้าวของสต๊อกรัฐบาล เพียงแต่ติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับตลาดข้าว และชนิดของข้าวที่จะใช้ระบายเท่านั้น ซึ่งคาดว่านายไชยาน่าจะติดต่อการขายข้าวกับบริษัทรายใหญ่ เป็นรายบริษัทมากกว่า แต่ไม่ใช่การแจ้งผ่านสมาคมฯ และหากรัฐบาลเร่งระบายสต๊อกข้าวออกมาช่วงนี้ ก็ไม่น่าจะขายได้ล็อตใหญ่ เพราะเอกชนจะซื้อเล็กน้อยเพื่อเก็บเป็นสต๊อกสำรองเท่านั้น เนื่องจากตลาดข้าวขณะนี้กำลังซบเซา

ส่วนการกำหนดราคาขายข้าว ที่รัฐกำหนดสูตรนำข้าวใหม่กับข้าวเก่ามาถัวเฉลี่ยกันนั้น ถือเป็นราคาที่สูง เพราะจะทำให้ต้นทุนอยู่ที่ตันละ 9,000 บาท คิดเป็นราคาส่งออกเกิน 600 เหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงกว่าเวียดนามถึงตันละ 140-150 เหรียญสหรัฐ ทำให้เป็นปัญหาต่อการส่งออกในปีหน้าอย่างแน่นอน และหากเปิดราคานี้จริงคงไม่มีเอกชนรายใดเข้าไปรับซื้อไหว

รายงานข่าวจากวงการค้าข้าว แจ้งว่า ภาคเอกชนมีความกังวลว่าการระบายข้าวล็อตใหญ่ที่ใช้วิธีติดต่อโดยตรง อาจมีความไม่โปร่งใส เพราะเอกชนที่เข้าเสนอซื้ออาจต้องจ่ายค่าส่วนต่างจำนวนมากเหมือนในอดีต ที่เคยมีการเปิดประมูลข้าวรัฐบาลล็อตใหญ่ ให้กับบริษัทเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด รายเดียว ซึ่งเป็นการผูกขาดให้กับผู้ซื้อรายเดียว นอกจากนี้ยังรู้สึกประหลาดใจ ที่รัฐบาลออกมาปล่อยข่าวว่าต้องการระบายข้าวช่วงนี้ เพราะจะทำให้ตลาดตรึงตัวและเป็นการกดราคาซื้อขายให้ตกต่ำลงอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น