xs
xsm
sm
md
lg

“ไชยา” ตั้งบอร์ดสางบัญชีดำ 40 โรงสี จ่ายคืนเงินต้น 1.4 พันล.เอื้ออาทร ดบ.72%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รมว.พาณิชย์ สั่งตั้ง คกก.พิจารณาปลดแบล็กลิสต์โรงสีกว่า 40 แห่ง โดยให้จ่ายเงินต้น 1.4 พันล้าน โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยคงค้าง 72% อ้างโรงสีคงไม่มีปัญญาจ่ายแน่ ด้านผู้ส่งออกวิ่งพล่าน หาตัวจริงเคาะออเดอร์ จีทูจี แนะจับตาศึก โรงสี-ผู้ส่งออก เปิดช่องไอ้โม่งตั้งโต๊ะรับหัวคิว 2 ต่อ

วันนี้ (22 ส.ค.) นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนเตรียมจะตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) เพื่อมาศึกษารายละเอียดโรงสีที่ติดแบล็กลิสต์จำนวน 40 กว่าแห่ง เพื่อเตรียมนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป เพราะหากเมื่อผลผลิตข้าวนาปีออกมา คาดว่า โรงสีที่รองรับจะมีจำนวนไม่พอ ซึ่งโรงสีที่จะถูกปลดแบล็กลิสต์ (บัญชีดำ) จะต้องจ่ายเงินต้นทั้งหมด 1,400 ล้าน คืนรัฐบาลก่อน โดยไม่ต้องจ่ายเงินค้างดอกเบี้ย

นายไชยา ระบุว่า ดอกเบี้ยค้างจ่ายทั้งปี คิดเป็น 72% นั้น ถึงรัฐบาลจะฟ้องร้อง โรงสีคงไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ ทั้งนี้ ตนเตรียมจะปรับอัตราดอกเบี้ยผิดสัญญาเหลือเพียง 7-8% ต่อปี แต่จะเพิ่มเงินค้ำประกันโรงสีเป็น 15-20% แทน

นายไชยา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องราคาการรับจำนำข้าวนาปีนั้น คงต้องรอให้การรับจำนำข้าวนาปรังสิ้นสุดลงก่อนจะพิจารณาต่อไป

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวในวงการค้าข้าว ระบุว่า ผู้ส่งออกรายใหญ่ 5 รายแรกของประเทศ ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายแรกที่ได้รับการติดต่อให้เข้าพบนายไชยา ซึ่งหลายรายเข้าพบและอธิบายให้ นายไชยา เข้าใจว่า เงื่อนไขการซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลในเงื่อนไขใหม่ เป็นไปได้ยาก นอกจาก นายไชยา แล้ว ยังมีกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นคนใกล้ชิด ของผู้คุมนโยบายข้าวในทำเนียบรัฐบาลเชิญ ผู้ส่งออกบางรายไปหารือเพื่อยื่นข้อเสนอ ออเดอร์รัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ให้กับผู้ส่งออก เพื่อแลกกับค่าคอมมิชชัน ในระดับที่ผู้ส่งออกแต่ละรายจะให้ได้ด้วย

ตอนนี้ กลุ่มผู้ค้าข้าวรายใหญ กำลังสับสนกับโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยเชื่อว่า ทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพาณิชย์ กำลังทำให้ตลาดข้าวเกิดการบิดเบือน เนื่องจากรัฐบาลประกาศราคารับจำนำในราคานำตลาด หรือราคาสูงถึงเกวียนละ 14,000 บาท อาจทำให้ผู้ส่งออกข้าวไม่สามารถตั้งราคาขายข้าวขาวในราคาที่ต่ำกว่าตันละ 700 ดอลลาร์สหรัฐฯได้

ขณะที่คู่แข่งรายสำคัญของไทยอย่างเวียดนาม เสนอขายข้าวขาวในราคาเพียง 575-665 ดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น ส่งผลให้ผู้ส่งออกข้าวไทย อาจต้องหยุดรับออเดอร์จากต่างประเทศ ดังนั้นช่องทางเดียวที่ผู้ส่งออกข้าวจะได้ข้าวในต้นทุนที่ถูก คือ การนำข้าวในสต๊อกรัฐบาลไปส่งออกภายใต้ออเดอร์ จีทูจี เท่านั้น

มีการตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้เกิดความสับสนว่า รมว.พาณิชย์ และนายกฯ ใครเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจใน 2 ประเด็น คือ การขายข้าวในสต๊อก กับการให้สิทธิส่งออกข้าวภายใต้ออเดอร์ จีทูจี ขณะเดียวกัน กลุ่มโรงสีข้าวก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวขอส่วนแบ่งในการขายข้าวครั้งนี้ด้วย โดยการเข้าพบ นายไชยา เพื่อยืนยันว่า โรงสีมีศักยภาพในการส่งออกและขอให้รัฐบาลแบ่งโควตาส่งออกข้าวแบบ จีทูจีให้กับโรงสีในสัดส่วน 20% ด้วย

โดยตอนนี้ ผู้ส่งออกกำลังจับตาว่ารัฐบาลจะตัดสินใจจัดสรรข้าวในสต๊อกให้กับผู้ส่งออกโดยวิธีใด และมีเงื่อนไขใดบ้าง เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ออกมาประกาศชัดเจนว่า หากผู้ส่งออกต้องการได้ออเดอร์จีทูจีจะต้องมาซื้อข้าวจากสต๊อกในสัดส่วนข้าวเก่า 5 ส่วนต่อข้าวใหม่ 2 ส่วน แต่เงื่อนไขนี้ถูกกลุ่มผู้ส่งออกคัดค้าน โดยผู้ส่งออกส่วนใหญ่ต้องการซื้อเฉพาะข้าวเก่า ซึ่งรัฐบาลมีต้นทุนต่ำเพียงตันละ 6,000 บาท ส่วนข้าวใหม่ที่รัฐบาลต้องการขายถึง 14,000 บาท/ตัน นั้นถือว่าราคาสูงเกินไป ไม่คุ้มที่จะนำมาทำส่งออก พร้อมแสดงความต้องการให้รัฐบาลขายข้าวใหม่เพื่อใช้บริโภคภายในประเทศเท่านั้น หรือผลักภาระราคานำตลาดที่สูงเกินจริงมาให้ผู้บริโภครับภาระแทน
กำลังโหลดความคิดเห็น