ผู้จัดการรายวัน - ผู้ส่งออกจี้รัฐวางแผนรับจำนำข้าวเปลือกนาปีล่วงหน้า หวั่นเกิดเหตุสุดวิสัยรัฐบาลยุบสภา หรือลาออก จะทำให้เกิดสุญญากาศ กระทบราคาข้าวเกษตรกร ขณะที่การส่งออก ยังมีแนวโน้มขาลง เหตุผู้ซื้อหวั่นวิกฤตการเมืองในไทย และสามารถหาซื้อข้าวราคาถูกจากเวียดนามได้ ด้านธ.ก.ส. เล็งชง “หมัก” เพิ่มปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังเป็น 4 ล้านตัน
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลเตรียมวางแผนสำหรับการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2551/52 ล่วงหน้า รวมถึงกำหนดราคารับจำนำ และเป้าหมายปริมาณรับจำนำ เพราะคาดว่า ปริมาณผลผลิตที่จะออกตั้งแต่เดือนพ..ย.นี้ เป็นต้นไป จะมีมากถึง 23 ล้านตัน ประกอบกับเกรงว่า ปัญหาการเมืองที่ยังไม่คลี่คลาย อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทั้งการยุบสภา หรือนายกรัฐมนตรีลาออก จนเกิดสุญญากาศในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดข้าวทั้งระบบขาดช่วง และอาจก่อให้เกิดภาวะข้าวล้นตลาด และฉุดราคาให้ตกต่ำลง จนเกษตรกรได้รับความเดือดร้อน
ขณะเดียวกัน ในด้านการส่งออกก็มีปัญหา เนื่องจากผู้ซื้อรอดูข้าวฤดูกาลใหม่ ที่คาดว่าราคาจะลดลงจากปัจจุบัน บางส่วนหันไปซื้อจากเวียดนามแทน เพราะราคาต่ำกว่าไทยมากถึงตันละเกือบ 200 เหรียญสหรัฐแล้ว และยังจะได้รับแรงกดดันจากความวุ่นวายทางการเมืองอีก ซึ่งล่าสุด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้เลื่อนการเดินทางมาไทย และทำให้ไทยเสียโอกาสในการขายข้าวขาว 5% ประมาณ 100,000 ตันให้มาเลเซีย รวมถึงความวุ่นวายดังกล่าว อาจทำให้ผู้ซื้อรายอื่นไม่มั่นใจเสถียรภาพของไทย ดังนั้น ระหว่างวันที่ 15-18 ก.ย.นี้ สมาคมฯ จะร่วมคณะไปกับกระทรวงพาณิชย์ เดินทางไปยุโรป เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ซื้อว่า ความวุ่นวายในประเทศไม่รุนแรงจนกระทบต่อการค้า
“ตอนนี้ ภาวะตลาดข้าวนิ่ง ผู้ซื้อหันไปซื้อเวียดนาม เพราะราคาต่ำกว่าไทยมาก แนวโน้มการส่งออกข้าวเดือนก.ย.ยังเป็นขาลง และมีโอกาสส่งออกได้เพียง 600,000 ตันเท่านั้น และน่าจะต่ำสุดในรอบปี จากเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ส่งออกได้ต่ำสุดเพียง 700,000 ตัน ขณะที่ช่วงต้นปีส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 1 ล้านตัน หากสถานการณ์ในประเทศยังยืดเยื้อ โอกาสส่งออกได้ลดลงมีต่อเนื่อง เพราะระบบในประเทศชะงักจากการประท้วง สินค้าตกค้าง และเวียดนามก็น่าจะได้ตลาดไปโดยไม่ต้องทำอะไร” นายชูเกียรติกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ปลายสัปดาห์นี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเสนอให้คณะกรรมการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพิ่มปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2551 จาก 2.5 ล้านตัน เป็น 4 ล้านตัน เพราะได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรว่า มีผลผลิตตกค้างที่จะออกสู่ตลาดพร้อมกันถึงกลางเดือนก.ย.นี้จำนวนมาก แต่ระยะเวลาโครงการยังสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.นี้เช่นเดิม
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.-31 ส.ค. องค์การคลังสินค้า (อคส.) รับจำนำได้แล้ว 1.8 ล้านตันข้าวเปลือก และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รับจำนำได้กว่า 700,000 ตัน
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลเตรียมวางแผนสำหรับการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปีการผลิต 2551/52 ล่วงหน้า รวมถึงกำหนดราคารับจำนำ และเป้าหมายปริมาณรับจำนำ เพราะคาดว่า ปริมาณผลผลิตที่จะออกตั้งแต่เดือนพ..ย.นี้ เป็นต้นไป จะมีมากถึง 23 ล้านตัน ประกอบกับเกรงว่า ปัญหาการเมืองที่ยังไม่คลี่คลาย อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทั้งการยุบสภา หรือนายกรัฐมนตรีลาออก จนเกิดสุญญากาศในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดข้าวทั้งระบบขาดช่วง และอาจก่อให้เกิดภาวะข้าวล้นตลาด และฉุดราคาให้ตกต่ำลง จนเกษตรกรได้รับความเดือดร้อน
ขณะเดียวกัน ในด้านการส่งออกก็มีปัญหา เนื่องจากผู้ซื้อรอดูข้าวฤดูกาลใหม่ ที่คาดว่าราคาจะลดลงจากปัจจุบัน บางส่วนหันไปซื้อจากเวียดนามแทน เพราะราคาต่ำกว่าไทยมากถึงตันละเกือบ 200 เหรียญสหรัฐแล้ว และยังจะได้รับแรงกดดันจากความวุ่นวายทางการเมืองอีก ซึ่งล่าสุด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้เลื่อนการเดินทางมาไทย และทำให้ไทยเสียโอกาสในการขายข้าวขาว 5% ประมาณ 100,000 ตันให้มาเลเซีย รวมถึงความวุ่นวายดังกล่าว อาจทำให้ผู้ซื้อรายอื่นไม่มั่นใจเสถียรภาพของไทย ดังนั้น ระหว่างวันที่ 15-18 ก.ย.นี้ สมาคมฯ จะร่วมคณะไปกับกระทรวงพาณิชย์ เดินทางไปยุโรป เพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ซื้อว่า ความวุ่นวายในประเทศไม่รุนแรงจนกระทบต่อการค้า
“ตอนนี้ ภาวะตลาดข้าวนิ่ง ผู้ซื้อหันไปซื้อเวียดนาม เพราะราคาต่ำกว่าไทยมาก แนวโน้มการส่งออกข้าวเดือนก.ย.ยังเป็นขาลง และมีโอกาสส่งออกได้เพียง 600,000 ตันเท่านั้น และน่าจะต่ำสุดในรอบปี จากเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ส่งออกได้ต่ำสุดเพียง 700,000 ตัน ขณะที่ช่วงต้นปีส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 1 ล้านตัน หากสถานการณ์ในประเทศยังยืดเยื้อ โอกาสส่งออกได้ลดลงมีต่อเนื่อง เพราะระบบในประเทศชะงักจากการประท้วง สินค้าตกค้าง และเวียดนามก็น่าจะได้ตลาดไปโดยไม่ต้องทำอะไร” นายชูเกียรติกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ปลายสัปดาห์นี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเสนอให้คณะกรรมการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพิ่มปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2551 จาก 2.5 ล้านตัน เป็น 4 ล้านตัน เพราะได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรว่า มีผลผลิตตกค้างที่จะออกสู่ตลาดพร้อมกันถึงกลางเดือนก.ย.นี้จำนวนมาก แต่ระยะเวลาโครงการยังสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.นี้เช่นเดิม
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.-31 ส.ค. องค์การคลังสินค้า (อคส.) รับจำนำได้แล้ว 1.8 ล้านตันข้าวเปลือก และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รับจำนำได้กว่า 700,000 ตัน
