ถือว่าเป็นสิริมหามงคลอันสูงสุดสำหรับครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณฯ ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินในงานพระราชทานเพลิงศพนางสาวอังคณา หรือน้องโบว์
พระราชินียังทรงมีกระแสรับสั่งกับคุณพ่อน้องโบว์ โดยชมว่าน้องโบว์เป็น “เด็กดี ช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์”
พระมหากรุณาธิคุณครั้งนี้นับได้ว่าเป็นเสมือนหยดฝนจากฟ้าเบื้องบน ที่ประโลมสู่ดินแก่ครอบครัวน้องโบว์ และเป็นประจักษ์พยานแก่ผู้ที่มาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันนั้นว่า พระมหากรุณาธิคุณครั้งนี้ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณฯ นั้นได้เปรียบเสมือนอนุสรณ์ไว้ในความทรงจำต่อครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” และพสกนิกรที่อยู่ในวันนั้นโดยถ้วนหน้า
ด้วยกุศลกรรมของน้องโบว์ที่มีให้กับประชาชน และพันธมิตรฯ ที่ยืนหยัดเคียงข้างเธอ ย่อมแผ่ไพศาลไปทั่วแผ่นดิน วิญญาณของเธอย่อมไปสู่สุคติ
มีแต่ผู้ที่ทำร้ายเธอซึ่งมีแต่มือเปล่า คนพวกนี้แม้เธอจะเป็นเพียงศพไปแล้ว ก็ยังให้ร้ายป้ายสีจนชี้ให้เห็นว่า พวกเขามิใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่คือสัตว์นรกที่ผุดมาเกิด และสักวันก็คงกลับสู่ขุมนรก และก็คงจะกลับลงไปไถ่บาปสนองกรรมจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกชั่วกัลปาวสาน
การเสียสละของน้องโบว์ไม่ได้สูญเปล่าในตุลาอาถรรพ์ และสื่อมวลชนบางแห่งเองก็ยังอุตส่าห์บิดเบือนต่อข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามปิดหูปิดตาประชาชน จนดูเหมือนว่าเป็นพวกพายเรือให้โจรนั่งต่อไป
เช่นเดียวกับการที่ประชาชนนับหมื่นๆ คนได้ร่วมกันไปงานพระราชทานเพลิงศพของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี ที่โดนลอบวางระเบิดสังหารอย่างสยดสยองในรถยนต์ ขณะที่ทางตำรวจก็เร่งสลายม็อบมวลชนของพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมเลือดปี 2551
บุคคลทั้งสองได้เป็นตำนานของวีรสตรีและวีรบุรุษของประชาชน และย่อมปรากฏนามในประวัติศาสตร์การสู้ของประชาชนไทยตลอดไป
การเมืองอำมหิตที่ชนชั้นปกครองยัดเยียดให้กับประชาชนนี้ยังคงดำเนินการต่อไป แน่นอนว่าผู้บังคับบัญชาและผู้สั่งการทุกคน ต่างก็รู้ว่ากรรมที่ตนเองก่อนั้น น่าจะต้องตีกลับมาสนองต่อตัวเองและครอบครัวไม่วันใดก็วันหนึ่งในไม่ช้าเช่นกัน
เขาต้องการอะไร คงไม่ใช่แค่เปิดทางไม่กี่เมตรให้ ส.ส.เฮงซวยแค่ 100 กว่าคน เข้าไปประชุมสภาฯ เท่านั้นหรอก
แต่มันคงมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่บ้างละ
ยศ, ตำแหน่ง, เงิน แม้แต่ลาภ และการได้รับคำสรรเสริญอื่นๆ มันเพียงพอแล้วหรือกับการฆ่าผู้บริสุทธิ์
พวกเขาไม่ละอายใจบ้างหรือกับการไล่ทุบตี, ยิงกระสุนหรือแก๊สน้ำตาใส่เด็ก, สตรี, คนชรา คนเหล่านี้หลายคนอายุมากกว่าพ่อแม่ของพวกเขาอีก
หรือบางทีพวกเขาอาจไม่ได้เกิดจากพ่อจากแม่เป็นพวกที่ไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนจริยธรรมใดๆ ให้เลยก็ได้
พันธมิตรฯ นั้นต่อสู้ตามสิทธิรัฐธรรมนูญ
ใช้อหิงสธรรม ไม่มีอาวุธ มีแต่มือตบและใช้คำวิจารณ์ที่เผ็ดร้อน
ใช้ทำเนียบชุมนุมเพื่อกดดันทางการเมือง
มันมีแค่นี้เอง
รัฐมีกลไก, มีอาวุธร้ายแรง มีกำลัง และมีทุกอย่างที่สุดจะสรรหามาใช้ได้
และก็ใช้มัน
ไม่ได้เพื่อสลายตามกฎที่ต้องทำ
แต่นำมาฆ่าคน ซึ่งมันเป็นวิธีที่ผิดทั้งในแง่มนุษยธรรม ผิดทั้งจารีตประเพณี และแน่นอนมันผิดกฎหมายด้วย เพราะประชาชนไม่มีทางสู้ได้เลย
การที่พันธมิตรฯ จะสู้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพนั้น เกินกว่าชอบธรรม มันเป็นหน้าที่เหนือกว่าการปกป้องทุกสถาบันอยู่แล้ว
เหตุผลก็มาจากการที่รัฐบาลในอดีต เช่น รัฐบาลทักษิณได้เกิดกรณีหมิ่นสถาบันบ่อยครั้งและกระทำอย่างต่อเนื่องเหมือนปราศจากการเคารพ ยำเกรง ความไม่พอใจจึงก่อตัวขึ้น พันธมิตรฯ นอกจากจะเฝ้ามองดูอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องด้วย
แต่ก็ยังมีข่าวปรากฏเร็วๆ นี้ว่า อดีตนายกฯ คนนี้ได้ทุ่มเงินทอง เพื่อหว่านจัดหานายตำรวจ, ทหาร คณะหนึ่งเพื่อเบิกทางให้ล้มล้างสถาบันฯ ออกจากแผ่นดินไทย
การทำแบบนี้มันยิ่งกว่าการดูหมิ่นสถาบัน
เท่ากับเป็นการจ้องเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบอื่นๆ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอยู่หัว
พฤติกรรมเช่นนี้มันหมายความว่าอะไร ถ้าไม่ได้หมายความว่าอดีตนายกฯ คนนี้ ไม่ใช่แค่มักใหญ่ใฝ่สูงเท่านั้น
แต่ยังต้องการสถาปนาตัวเองขึ้นมาแทนที่ส่วนจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ยากจะคาดเดา
เราในฐานะเป็นคนไทย มีสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่เป็นชาติไทยมายาวนาน ย่อมชอบแล้วที่จะต้องรวมตัวกัน จัดตั้งกันขึ้นเป็นขบวนการระดับชาติ และแผ่ให้ไพศาลไปยังต่างประเทศ เพื่อกำจัดเสี้ยนแผ่นดินกับคนเหล่านี้
คนพวกนี้เกิดมาชั่ว ยิ่งกว่าชิงสุนัขมาเกิด เพราะสุนัขอย่างน้อยก็ยังรักเจ้าของ แต่พวกสารเลวเหล่านี้ไม่มีเจ้าของ มีแต่รักตัวเอง ต้องการครอบครองชาติไทยไว้เสียคนเดียว
เราจะต้องรีบทำอะไรเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ถอนเสี้ยนออกจากประเทศไทยเสียก่อนจะสายเกินไป
พระราชินียังทรงมีกระแสรับสั่งกับคุณพ่อน้องโบว์ โดยชมว่าน้องโบว์เป็น “เด็กดี ช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์”
พระมหากรุณาธิคุณครั้งนี้นับได้ว่าเป็นเสมือนหยดฝนจากฟ้าเบื้องบน ที่ประโลมสู่ดินแก่ครอบครัวน้องโบว์ และเป็นประจักษ์พยานแก่ผู้ที่มาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันนั้นว่า พระมหากรุณาธิคุณครั้งนี้ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณฯ นั้นได้เปรียบเสมือนอนุสรณ์ไว้ในความทรงจำต่อครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” และพสกนิกรที่อยู่ในวันนั้นโดยถ้วนหน้า
ด้วยกุศลกรรมของน้องโบว์ที่มีให้กับประชาชน และพันธมิตรฯ ที่ยืนหยัดเคียงข้างเธอ ย่อมแผ่ไพศาลไปทั่วแผ่นดิน วิญญาณของเธอย่อมไปสู่สุคติ
มีแต่ผู้ที่ทำร้ายเธอซึ่งมีแต่มือเปล่า คนพวกนี้แม้เธอจะเป็นเพียงศพไปแล้ว ก็ยังให้ร้ายป้ายสีจนชี้ให้เห็นว่า พวกเขามิใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่คือสัตว์นรกที่ผุดมาเกิด และสักวันก็คงกลับสู่ขุมนรก และก็คงจะกลับลงไปไถ่บาปสนองกรรมจนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกชั่วกัลปาวสาน
การเสียสละของน้องโบว์ไม่ได้สูญเปล่าในตุลาอาถรรพ์ และสื่อมวลชนบางแห่งเองก็ยังอุตส่าห์บิดเบือนต่อข้อเท็จจริงอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามปิดหูปิดตาประชาชน จนดูเหมือนว่าเป็นพวกพายเรือให้โจรนั่งต่อไป
เช่นเดียวกับการที่ประชาชนนับหมื่นๆ คนได้ร่วมกันไปงานพระราชทานเพลิงศพของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี ที่โดนลอบวางระเบิดสังหารอย่างสยดสยองในรถยนต์ ขณะที่ทางตำรวจก็เร่งสลายม็อบมวลชนของพันธมิตรฯ ที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมเลือดปี 2551
บุคคลทั้งสองได้เป็นตำนานของวีรสตรีและวีรบุรุษของประชาชน และย่อมปรากฏนามในประวัติศาสตร์การสู้ของประชาชนไทยตลอดไป
การเมืองอำมหิตที่ชนชั้นปกครองยัดเยียดให้กับประชาชนนี้ยังคงดำเนินการต่อไป แน่นอนว่าผู้บังคับบัญชาและผู้สั่งการทุกคน ต่างก็รู้ว่ากรรมที่ตนเองก่อนั้น น่าจะต้องตีกลับมาสนองต่อตัวเองและครอบครัวไม่วันใดก็วันหนึ่งในไม่ช้าเช่นกัน
เขาต้องการอะไร คงไม่ใช่แค่เปิดทางไม่กี่เมตรให้ ส.ส.เฮงซวยแค่ 100 กว่าคน เข้าไปประชุมสภาฯ เท่านั้นหรอก
แต่มันคงมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่บ้างละ
ยศ, ตำแหน่ง, เงิน แม้แต่ลาภ และการได้รับคำสรรเสริญอื่นๆ มันเพียงพอแล้วหรือกับการฆ่าผู้บริสุทธิ์
พวกเขาไม่ละอายใจบ้างหรือกับการไล่ทุบตี, ยิงกระสุนหรือแก๊สน้ำตาใส่เด็ก, สตรี, คนชรา คนเหล่านี้หลายคนอายุมากกว่าพ่อแม่ของพวกเขาอีก
หรือบางทีพวกเขาอาจไม่ได้เกิดจากพ่อจากแม่เป็นพวกที่ไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนจริยธรรมใดๆ ให้เลยก็ได้
พันธมิตรฯ นั้นต่อสู้ตามสิทธิรัฐธรรมนูญ
ใช้อหิงสธรรม ไม่มีอาวุธ มีแต่มือตบและใช้คำวิจารณ์ที่เผ็ดร้อน
ใช้ทำเนียบชุมนุมเพื่อกดดันทางการเมือง
มันมีแค่นี้เอง
รัฐมีกลไก, มีอาวุธร้ายแรง มีกำลัง และมีทุกอย่างที่สุดจะสรรหามาใช้ได้
และก็ใช้มัน
ไม่ได้เพื่อสลายตามกฎที่ต้องทำ
แต่นำมาฆ่าคน ซึ่งมันเป็นวิธีที่ผิดทั้งในแง่มนุษยธรรม ผิดทั้งจารีตประเพณี และแน่นอนมันผิดกฎหมายด้วย เพราะประชาชนไม่มีทางสู้ได้เลย
การที่พันธมิตรฯ จะสู้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพนั้น เกินกว่าชอบธรรม มันเป็นหน้าที่เหนือกว่าการปกป้องทุกสถาบันอยู่แล้ว
เหตุผลก็มาจากการที่รัฐบาลในอดีต เช่น รัฐบาลทักษิณได้เกิดกรณีหมิ่นสถาบันบ่อยครั้งและกระทำอย่างต่อเนื่องเหมือนปราศจากการเคารพ ยำเกรง ความไม่พอใจจึงก่อตัวขึ้น พันธมิตรฯ นอกจากจะเฝ้ามองดูอย่างใกล้ชิดแล้ว ยังเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องด้วย
แต่ก็ยังมีข่าวปรากฏเร็วๆ นี้ว่า อดีตนายกฯ คนนี้ได้ทุ่มเงินทอง เพื่อหว่านจัดหานายตำรวจ, ทหาร คณะหนึ่งเพื่อเบิกทางให้ล้มล้างสถาบันฯ ออกจากแผ่นดินไทย
การทำแบบนี้มันยิ่งกว่าการดูหมิ่นสถาบัน
เท่ากับเป็นการจ้องเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบอื่นๆ ซึ่งไม่มีพระเจ้าอยู่หัว
พฤติกรรมเช่นนี้มันหมายความว่าอะไร ถ้าไม่ได้หมายความว่าอดีตนายกฯ คนนี้ ไม่ใช่แค่มักใหญ่ใฝ่สูงเท่านั้น
แต่ยังต้องการสถาปนาตัวเองขึ้นมาแทนที่ส่วนจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ยากจะคาดเดา
เราในฐานะเป็นคนไทย มีสถาบันพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่เป็นชาติไทยมายาวนาน ย่อมชอบแล้วที่จะต้องรวมตัวกัน จัดตั้งกันขึ้นเป็นขบวนการระดับชาติ และแผ่ให้ไพศาลไปยังต่างประเทศ เพื่อกำจัดเสี้ยนแผ่นดินกับคนเหล่านี้
คนพวกนี้เกิดมาชั่ว ยิ่งกว่าชิงสุนัขมาเกิด เพราะสุนัขอย่างน้อยก็ยังรักเจ้าของ แต่พวกสารเลวเหล่านี้ไม่มีเจ้าของ มีแต่รักตัวเอง ต้องการครอบครองชาติไทยไว้เสียคนเดียว
เราจะต้องรีบทำอะไรเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ถอนเสี้ยนออกจากประเทศไทยเสียก่อนจะสายเกินไป