“ปทีป” สั่งตรึงกำลัง “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-ทำเนียบ” ในจำนวนเท่าเดิม แม้พันธมิตรฯยุติการชุมนุมแล้วก็ตาม พร้อมเฝ้าจับตาแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่ายทั้งหมด ยัน ตำรวจจะรับผิดชอบในเหตุคดีที่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ย้ำพร้อมอยู่ตรงกลางบนความยุติธรรม
วันนี้ (3 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกาศยุติการชุมนุม ว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯยุติการชุมนุมนั้นเป็นการประสานความร่วมมือจากหลายฝ่ายที่เข้ามาช่วยกัน ทั้ง ทหาร ตำรวจ พลเรือน รวมทั้งผู้ว่าการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ไม่ใช่ผลงานของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ซึ่งแม้พันธมิตรฯจะยุติการชุมนุมแล้ว ตำรวจยังคงตรึงกำลัง ตั้งประจำที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และ ทำเนียบรัฐบาล ในจำนวนเท่าเดิม หรืออาจลดกำลังลงเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านการข่าวก็ยังจับตาแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่ายทั้งหมด ว่ากำลังทำอะไรอยู่
พล.ต.อ.ปทีป กล่าวถึงการดำเนินคดีกับบรรดาแกนนำพันธมิตรฯ ว่า เรื่องคดีต้องดูเป็นกรณีๆไป ยังตอบอะไรไม่ได้ ว่า ใครจะดำเนินคดีกับใครหรือไม่จะไม่ดำเนินคดีกับใคร ต้องดูรายกรณี และยังไม่ทราบเรื่องที่ว่ามีการต่อรองเพื่อไม่ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเรื่องนี้คงไม่มีถ้ามีการต่อรองเพื่อไม่ให้ดำเนินคดีนั้นก็ต้องดูความผิดเป็นกรณีๆ ไป แต่จะเอาในภาพรวมทั้งหมดคงต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมกันไป ซึ่งเกินอำนาจของตน ที่จะตอบได้ และตนยังไม่มีความเห็นต่อประเด็นนี้ในขณะนี้
พล.ต.อ.ปทีป กล่าวต่อไปว่า ส่วนของตำรวจรับผิดชอบในเหตุที่เกิดและเป็นคดี เมื่อมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ของตำรวจ ถ้ามีคดีเกิดขึ้นยืนยันว่าผมจะยืนอยู่ตรงกลาง อยู่บนความยุติธรรม ซึ่งขณะนี้คดีที่แจ้งความแล้ว พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ เฉพาะที่มาแจ้งความก็ดำเนินไปตามปกติ เช่นเดียวกับคดีปกติ ทั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงก็ต้องทำ มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว เมื่อมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ตำรวจต้องเก็บรวบรวมพยานหลักฐานหากเพียงพอ ก็ส่งสำนวนสั่งฟ้องไปตามลำดับชั้น แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าความผิดใด หรือโทษร้ายแรงแค่ไหน หากต้องมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่ไม่มีใครมาร้องทุกข์ตำรวจก็ดำเนินการไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่จะมีการนำกฎหมายฟอกเงินมาใช้ จะมีการสั่งสันติบาลสืบในทางลับเพื่อหาเส้นทางการเงินของผู้อยู่เบื้องหลังพันธมิตรฯหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า คงลำบาก เพราะว่าเวลาเราทำอะไรต้องมีพยานหลักฐานแต่ในทางปฏิบัตินั้น หน่วยใดดำเนินการอยู่หรือไม่ ตนไม่ทราบคงไม่ได้ ในส่วนที่ตนรับผิดชอบต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน