xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวดี!1พ.ย.เหล็กลดราคาตันละ1.4หมื่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน-เหล็กเส้น เหล็กแผ่น ลดราคาแรงตันละ 1.4 หมื่นบาทหรือกิโลละ 14 บาท ตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไป หลังได้รับอานิสงค์ราคาน้ำมันตลาดโลกลด ทำต้นทุนการผลิตลดลง ขณะที่ความต้องการใช้ก็ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา คาดราคามีแนวโน้มปรับลดอีก เตรียมนัดถกราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด 16 ต.ค.นี้ “ไชยา”รับคำสั่งนายกฯ ลดค่าครองชีพประชาชน เล็งปรับลดราคาสินค้าหลังต้นทุนน้ำมันลดลงต่อเนื่อง
นางวัชรี วิมุกตายน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยหลังหารือการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาเหล็ก วานนี้ (14 ต.ค.) ว่า ได้มีมติให้ปรับลดราคาแนะนำขายปลีกเหล็กเส้นและเหล็กแผ่นลงอีกตันละ 14,000 บาท หลังจากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยจะทยอยปรับลดราคาเป็น 2 ช่วง คือ ปักษ์สองเดือนต.ค. ปรับลดลง 7,000 บาท และปักษ์แรกเดือน พ.ย. อีก 7,000 บาท ส่งผลให้ราคาขายปลีก ในวันที่ 1 พ.ย. นี้ เหล็กเส้นจะเฉลี่ยที่ตันละ 28,250 บาท ส่วนเหล็กแผ่นจะเฉลี่ยตันละ 30,000-32,000 บาท
สาเหตุที่ทำให้เหล็กมีราคาลดลง เนื่องจากวัตถุดิบเหล็กในตลาดโลกกำลังอยู่ช่วงขาลง และเป็นผลมาจากราคาน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการผลิตเหล็กราคาปรับลดลงต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ความต้องการใช้เหล็กลดลง ส่งผลให้ต้นทุนเหล็กลดลงกว่า 50% โดยเหล็กแท่งยาว (บิลเล็ต) เหลือเพียงตันละ 660 เหรียญสหรัฐ ลดจากเดิมที่เคยสูงถึง 1,250 เหรียญสหรัฐ เหล็กแท่งแบน (สแล็บ) เหลือตันละ 775 เหรียญสหรัฐ ลดจาก 1,225 เหรียญสหรัฐ และเศษเหล็กเหลือตันละ 360 เหรียญสหรัฐ จากเดิม 765 เหรียญสหรัฐ
“จากเหตุผลข้างต้น ทำให้ต้นทุนเหล็กมีราคาลดลง และจำเป็นต้องปรับราคาแนะนำขายปลีกลง โดยจะปรับลดราคาเป็น 2 ช่วง เพราะต้องให้โอกาสผู้ประกอบการเคลียร์สต๊อกเก่าออกไปด้วย แต่ในที่สุดแล้วราคาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป จะลดลงตันละ 14,000 บาท หรือกก.ละ 14 บาท ซึ่งกรมฯ จะมีการติดตามการปรับลดราคาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง”นางวัชรีกล่าว
นางวัชรีกล่าวว่า แนวโน้มราคาเหล็กยังมีโอกาสปรับลดลงได้อีก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกกำลังมีปัญหาทำให้ความต้องการใช้เหล็กยังชะลอตัว ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกก็มีราคาลดลงเหลือ 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากอดีตที่เคยเพิ่มถึงละ 140 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ทราบว่าขณะนี้กลุ่มผู้ผลิตเหล็ก เริ่มคุมกำลังการผลิตและบางรายได้ปรับลดกำลังการผลิตลงแล้ว เพื่อรักษาระดับราคาไม่ให้ต่ำลงกว่านี้
นอกจากนี้ กรมฯ จะเรียกประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาน้ำมันพืชในวันที่ 16 ต.ค.2551 เพื่อพิจารณาสถานการณ์ต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวด หลังจากที่ราคาวัตถุดิบได้ปรับตัวลดลง โดยจะมีการพิจารณาว่าควรจะมีการปรับลดราคาจำหน่ายลงมาหรือไม่ หรือราคาที่ขายอยู่ในปัจจุบันเหมาะสมแล้ว ส่วนน้ำมันถั่วเหลือง จะไม่มีการพิจารณา หลังจากที่ทางผู้ผลิตได้ยืนยันเข้ามาว่าจะไม่มีการปรับขึ้นราคาในช่วงนี้
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานช่วยพิจารณาว่าจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้อย่างไรบ้าง ทั้งราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าโดยสาร และลดต้นทุนให้กับผู้ส่งออก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและธุรกิจหลังเกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ที่กำลังส่งผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ กำลังพิจารณาดูว่าจะมีสินค้ารายการใดบ้างที่จะปรับลดราคาลงมาได้ หลังจากที่ต้นทุนน้ำมันได้ปรับตัวลดลงอย่างมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น