สำหรับครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” การสูญเสีย น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือโบว์ อันเนื่องมาจากการสลายการชุมนุมอย่างโหดเหี้ยมของรัฐบาล นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจและเห็นใจเป็นยิ่งนัก ดังปรากฏในหนังสือไว้อาลัยของน้องโบว์ที่ได้อธิบายความตอนหนึ่งว่า:
“หลังจากที่พบหน้าโบว์ในห้องดับจิตของโรงพยาบาลรามาฯ โบว์หน้าซีดมาก และตาของโบว์ก็ยังไม่ได้หลับ ป๊าก็เลยปิดตาให้โบว์ แล้วก็บอกกับโบว์ว่า “ป๊ามาแล้ว โบว์หลับซะนะ” แล้วตาโบว์ก็ปิดลง”
นายจินดา ระดับปัญญาวุฒิ ปะป๊าของโบว์ มีความเข้มแข็งมาก แม้โบว์ซึ่งเป็นลูกสาวได้เสียชีวิต ลูกสาวอีกคนซึ่งเป็นน้องสาวของโบว์ก็ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด ภรรยาก็ได้รับบาดเจ็บและยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลจนไม่สามารถมางานสวด และงานพระราชทานเพลิงศพของลูกสาวคนนี้ได้ แต่นายจินดาก็ยังมีความสำนึกในชาติ พระมหากษัตริย์ และห่วงใยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่ตลอดเวลา ดังคำไว้อาลัยของ ปะป๊า คนนี้ว่า
“ป๊า ได้มีโอกาสบอกกับหลายๆ คนเกี่ยวกับเจตนารมณ์หรือจุดประสงค์ของโบว์ที่ไปพันธมิตรฯ ปะป๊ารู้ว่าโบว์ทำเพื่อชาติ พระมหากษัตริย์ และพวกพ้องพันธมิตรฯ ของพวกเรา ก็จะสู้ต่อไปนะ
โบว์รู้แล้วใช่ไหม ว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทานพวงมาลาหน้าศพโบว์ด้วยนะ เราทุกคนภูมิใจและปลาบปลื้มมาก ป๊ารู้นะว่าโบว์ก็ดีใจ”
ความปลาบปลื้ม และความตื้นตันใจของครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” คงย่อมมากไปกว่าที่เขียนคำไว้อาลัยที่อย่างแน่นอน เพราะในเวลาที่เขียนคำไว้อาลัยนั้น คงไม่มีใครจะคาดคิดว่างานศพของโบว์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะได้เสด็จพระราชดำเนินมาพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เพื่อทรงทอดผ้าไตรและพระราชทานเพลิงศพให้กับโบว์ด้วยพระองค์เอง พร้อมกับองคมนตรีหลายท่าน ผู้บัญชาการเหล่าทัพ นักการเมือง และแขกผู้มีเกียรติมากมาย
ทันทีที่หมายกำหนดการได้ออกมา ก็มีประชาชนนับหลายหมื่นคนได้ทยอยเข้าร่วมงานตั้งแต่ช่วงบ่ายโมง จนหนังสือสามเล่มที่เตรียมเอาไว้แจกในงาน ทั้งหนังสือดอกไม้พันธมิตรฯ หนังสือชัยชนะของประชาชน และเอกสารไว้อาลัยแด่...อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่มีรวมกันประมาณ 35,000 เล่ม ได้หมดลงและไม่เพียงพอต่อผู้ที่เข้ามาร่วมงานจำนวนมาก และกลายเป็นหนังสือหายากที่ทุกคนอยากเก็บเอาไว้เพื่อรำลึกถึงวีรชนที่ชื่อ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ
เมื่อถึงเวลาที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเข้ามาทางเข้าวัดศรีประวัติ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ก็มีประชาชนนับหลายหมื่นคนได้เฝ้ารอรับเสด็จฯ อย่างเนื่องแน่น ท่ามกลางเสียงทรงพระเจริญของพสกนิกรผู้จงรักภักดีดังกระหึ่มพร้อมๆ กับโบกธงทรงพระเจริญตลอดเส้นทางจนถึงที่วัดศรีประวัติ
น้ำตาของผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากได้ไหลออกมาด้วยความปลาบปลื้มปีติกับครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุดในชีวิตของครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” ซึ่งเป็นครอบครัวสามัญชนที่ออกมาร่วมต่อสู้เพื่อชาติ ราชบัลลังก์กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โบว์” ได้เป็นเสมือน น้อง ลูก หลาน ญาติ และวีรชนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เป็นน้ำตาของประชาชนที่สงสาร “โบว์” และครอบครัวที่ต้องถูกเจ้าหน้าที่รัฐทำร้ายด้วยอาวุธสงครามเข่นฆ่าประชาชน เพียงเพราะคนเหล่านี้มาทำหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดิน
เป็นน้ำตาที่เห็นความเป็นธรรมกลับคืนมา หลังจากที่ “โบว์” ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วกลับถูกใส่ร้ายอย่างอยุติธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กล่าวหาว่า โบว์ หนีบระเบิดเอาไว้ที่รักแร้แล้วระเบิดเอง
เป็นน้ำตาของพสกนิกรชาวไทยที่ปลื้มปีติในพระเมตตาของ แม่ของแผ่นดิน ที่ทรงทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของประชาชนที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐรังแก
น้ำตาที่พี่น้องประชาชนได้ไหลออกมาพร้อมๆ กับการเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ได้เหมือนความรู้สึกของ “แบด” น้องสาวอีกคนหนึ่งของ โบว์ที่ได้เขียนเอาไว้ในคำไว้อาลัยว่า
“หลังจากวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เธอไม่ได้เป็นเพียงคนบางคน ของคนบางกลุ่มอีกต่อไป แต่เธอจะเป็นคนสำคัญของคนหลายๆ กลุ่ม “ From now on, she will be SOMEONE for all” เธอจะเป็นเพื่อน, ทั้งพี่, ทั้งน้อง, ทั้งลูก, ทั้งหลาน ของคนหลายพัน หลายแสน หรือแม้แต่หลายล้าน”
เกือบตลอดเวลาในงาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและทรงโปรดฯ ให้ครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” ให้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด
“คุณแม่ของโบว์” ไม่ได้มีโอกาสมางานสวดและงานพระราชทานเพลิงศพของโบว์ และไม่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ “แม่ของแผ่นดิน” เพราะหมอได้ห้ามเอาไว้เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อได้ แต่คุณแม่ของโบว์ได้เขียนคำไว้อาลัยให้กับลูกสาวคนนี้และบรรยายให้เข้าใจได้ว่า โบว์เป็นเด็กดีแค่ไหน?
“โบว์ไม่ต้องเป็นห่วงม้านะ ม้ารักโบว์นะ ม้าอยากจะบอกว่า “ม้ารักโบว์” มาก และจะรักตลอดไปนะ โบว์จะอยู่ในใจม้าเสมอ โบว์เป็นคนเก่งมากนะ กล้าหาญมาก ทุกอย่างโบว์กล้าทำหมด ตอนเด็กๆ โบว์เห็นม้าซักผ้าอ้อมของน้องๆ โบว์ก็แอบมาช่วยซัก เพราะม้าแช่ไว้ “โบว์ก็ซักและทำท่าทางตามม้า” ก็กลายเป็นร้องไห้แทน เพราะผงซักฟอกมันกัดตัว ม้าก็รีบมาล้างออกให้ ม้าซึ้งในน้ำใจของลูกโบว์มากเลย คอยเป็นมือขวา และตัวแทนของม้าเสมอ หม่าม้าก็รู้ว่าโบว์เป็นคนที่ขายของเก่ง ทำงานดี เอาใจใส่กับงานเสมอ เป็นคนที่มีความเป็นระเบียบ ม้าภูมิใจมากนะ
- หมอใหญ่ และพยาบาลหลายตึก และนักศึกษาแพทย์ จิตแพทย์ มาคุยกับม้าเรื่องไปเที่ยว ม้าก็เล่าเรื่องที่พวกเราไปเที่ยวให้จิตแพทย์ฟัง
- จ๋า (เพื่อนแบด) มาดูแลม้าตลอดเวลา
- ม้าอาจจะไม่ค่อยพูดว่า “ม้ารักลูก” แต่มันอยู่ในใจม้ามาตลอดว่าม้ารักโบว์ ม้ารู้ว่าโบว์คงรู้ได้จากการกระทำของม้า ม้าเพียงเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสบอกโบว์ก่อนที่โบว์จะจากม้าไป ม้าเสียใจที่ม้าจะไม่ได้เห็นหน้าโบว์อีก แต่ม้าดีใจ ที่มีลูกอย่างโบว์ โบว์ทำดีที่สุดแล้ว...หม่าม้ารักโบว์มากนะ”
นายจินดา ระดับปัญญาวุฒิ ผู้เป็นบิดาของโบว์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงรับสั่งและชมว่า...
“ลูกสาวเป็นเด็กดี ช่วยชาติ ช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์”
โบว์ เป็นเด็กดีของพ่อแม่ เป็นเด็กดีของ “แม่ของแผ่นดิน” และเป็นคนดีของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ เป็นพระมหากรุณาธิคุณเสมือนเป็นหยาดน้ำทิพย์ชโลมจิตใจซับน้ำตาครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” และปวงชนชาวไทย
และยังทรงตรัสอีกว่า...
“เป็นห่วงพันธมิตรฯ ทุกคน ไว้จะฝากดอกไม้ไปเยี่ยมพันธมิตรฯ”
เป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ต่อประชาชนทุกคนที่ได้เข้าร่วมการต่อสู้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นายจินดากล่าวอีกว่า พระองค์ท่านยังทรงรับสั่งว่า...
“ขอให้กำลังใจกับครอบครัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับทราบแล้ว และเงินที่เป็นค่ารักษา ในหลวงเป็นผู้พระราชทานให้”
เป็นพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน ที่ไม่เคยทอดทิ้งพสกนิกรชาวไทยในยามทุกข์ยาก
ในช่วงท้ายของงาน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ไปยืนเพื่อรอส่งเสด็จพระราชดำเนินกลับ สิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงก้าวพระบาท ทรงหยุดตรง ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล และทรงมีพระราชปฏิสันถารกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ต่อหน้าสื่อสารมวลชนและประชาชนที่อยู่ในงานนั้น
แม้นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะไม่สามารถเปิดเผยพระราชปฏิสันถารในที่สาธารณะได้
แต่สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง ที่เป็นลูกคนจีนไหหลำมาอาศัยอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ต่อสู้เพื่อชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน โดยที่ไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ใดๆ ไม่เคยมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ การมีพระราชปฏิสันถารโดยตรงเช่นนี้ ย่อมถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุดในชีวิต
ประการสำคัญพระราชปฏิสันถารที่ไม่อาจเปิดเผยในที่สาธารณะนั้น ทีมงาน ASTV ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อได้รับทราบพระราชปฏิสันถารดังกล่าวแล้ว ต่างมีกำลังใจในการต่อสู้อย่างเข้มแข็งเพื่อ ชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน
เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
“หลังจากที่พบหน้าโบว์ในห้องดับจิตของโรงพยาบาลรามาฯ โบว์หน้าซีดมาก และตาของโบว์ก็ยังไม่ได้หลับ ป๊าก็เลยปิดตาให้โบว์ แล้วก็บอกกับโบว์ว่า “ป๊ามาแล้ว โบว์หลับซะนะ” แล้วตาโบว์ก็ปิดลง”
นายจินดา ระดับปัญญาวุฒิ ปะป๊าของโบว์ มีความเข้มแข็งมาก แม้โบว์ซึ่งเป็นลูกสาวได้เสียชีวิต ลูกสาวอีกคนซึ่งเป็นน้องสาวของโบว์ก็ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด ภรรยาก็ได้รับบาดเจ็บและยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลจนไม่สามารถมางานสวด และงานพระราชทานเพลิงศพของลูกสาวคนนี้ได้ แต่นายจินดาก็ยังมีความสำนึกในชาติ พระมหากษัตริย์ และห่วงใยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่ตลอดเวลา ดังคำไว้อาลัยของ ปะป๊า คนนี้ว่า
“ป๊า ได้มีโอกาสบอกกับหลายๆ คนเกี่ยวกับเจตนารมณ์หรือจุดประสงค์ของโบว์ที่ไปพันธมิตรฯ ปะป๊ารู้ว่าโบว์ทำเพื่อชาติ พระมหากษัตริย์ และพวกพ้องพันธมิตรฯ ของพวกเรา ก็จะสู้ต่อไปนะ
โบว์รู้แล้วใช่ไหม ว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชทานพวงมาลาหน้าศพโบว์ด้วยนะ เราทุกคนภูมิใจและปลาบปลื้มมาก ป๊ารู้นะว่าโบว์ก็ดีใจ”
ความปลาบปลื้ม และความตื้นตันใจของครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” คงย่อมมากไปกว่าที่เขียนคำไว้อาลัยที่อย่างแน่นอน เพราะในเวลาที่เขียนคำไว้อาลัยนั้น คงไม่มีใครจะคาดคิดว่างานศพของโบว์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะได้เสด็จพระราชดำเนินมาพร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เพื่อทรงทอดผ้าไตรและพระราชทานเพลิงศพให้กับโบว์ด้วยพระองค์เอง พร้อมกับองคมนตรีหลายท่าน ผู้บัญชาการเหล่าทัพ นักการเมือง และแขกผู้มีเกียรติมากมาย
ทันทีที่หมายกำหนดการได้ออกมา ก็มีประชาชนนับหลายหมื่นคนได้ทยอยเข้าร่วมงานตั้งแต่ช่วงบ่ายโมง จนหนังสือสามเล่มที่เตรียมเอาไว้แจกในงาน ทั้งหนังสือดอกไม้พันธมิตรฯ หนังสือชัยชนะของประชาชน และเอกสารไว้อาลัยแด่...อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ที่มีรวมกันประมาณ 35,000 เล่ม ได้หมดลงและไม่เพียงพอต่อผู้ที่เข้ามาร่วมงานจำนวนมาก และกลายเป็นหนังสือหายากที่ทุกคนอยากเก็บเอาไว้เพื่อรำลึกถึงวีรชนที่ชื่อ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ
เมื่อถึงเวลาที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเข้ามาทางเข้าวัดศรีประวัติ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ก็มีประชาชนนับหลายหมื่นคนได้เฝ้ารอรับเสด็จฯ อย่างเนื่องแน่น ท่ามกลางเสียงทรงพระเจริญของพสกนิกรผู้จงรักภักดีดังกระหึ่มพร้อมๆ กับโบกธงทรงพระเจริญตลอดเส้นทางจนถึงที่วัดศรีประวัติ
น้ำตาของผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากได้ไหลออกมาด้วยความปลาบปลื้มปีติกับครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุดในชีวิตของครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” ซึ่งเป็นครอบครัวสามัญชนที่ออกมาร่วมต่อสู้เพื่อชาติ ราชบัลลังก์กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โบว์” ได้เป็นเสมือน น้อง ลูก หลาน ญาติ และวีรชนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เป็นน้ำตาของประชาชนที่สงสาร “โบว์” และครอบครัวที่ต้องถูกเจ้าหน้าที่รัฐทำร้ายด้วยอาวุธสงครามเข่นฆ่าประชาชน เพียงเพราะคนเหล่านี้มาทำหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดิน
เป็นน้ำตาที่เห็นความเป็นธรรมกลับคืนมา หลังจากที่ “โบว์” ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วกลับถูกใส่ร้ายอย่างอยุติธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กล่าวหาว่า โบว์ หนีบระเบิดเอาไว้ที่รักแร้แล้วระเบิดเอง
เป็นน้ำตาของพสกนิกรชาวไทยที่ปลื้มปีติในพระเมตตาของ แม่ของแผ่นดิน ที่ทรงทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของประชาชนที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐรังแก
น้ำตาที่พี่น้องประชาชนได้ไหลออกมาพร้อมๆ กับการเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ได้เหมือนความรู้สึกของ “แบด” น้องสาวอีกคนหนึ่งของ โบว์ที่ได้เขียนเอาไว้ในคำไว้อาลัยว่า
“หลังจากวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เธอไม่ได้เป็นเพียงคนบางคน ของคนบางกลุ่มอีกต่อไป แต่เธอจะเป็นคนสำคัญของคนหลายๆ กลุ่ม “ From now on, she will be SOMEONE for all” เธอจะเป็นเพื่อน, ทั้งพี่, ทั้งน้อง, ทั้งลูก, ทั้งหลาน ของคนหลายพัน หลายแสน หรือแม้แต่หลายล้าน”
เกือบตลอดเวลาในงาน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและทรงโปรดฯ ให้ครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” ให้เข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด
“คุณแม่ของโบว์” ไม่ได้มีโอกาสมางานสวดและงานพระราชทานเพลิงศพของโบว์ และไม่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ “แม่ของแผ่นดิน” เพราะหมอได้ห้ามเอาไว้เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อได้ แต่คุณแม่ของโบว์ได้เขียนคำไว้อาลัยให้กับลูกสาวคนนี้และบรรยายให้เข้าใจได้ว่า โบว์เป็นเด็กดีแค่ไหน?
“โบว์ไม่ต้องเป็นห่วงม้านะ ม้ารักโบว์นะ ม้าอยากจะบอกว่า “ม้ารักโบว์” มาก และจะรักตลอดไปนะ โบว์จะอยู่ในใจม้าเสมอ โบว์เป็นคนเก่งมากนะ กล้าหาญมาก ทุกอย่างโบว์กล้าทำหมด ตอนเด็กๆ โบว์เห็นม้าซักผ้าอ้อมของน้องๆ โบว์ก็แอบมาช่วยซัก เพราะม้าแช่ไว้ “โบว์ก็ซักและทำท่าทางตามม้า” ก็กลายเป็นร้องไห้แทน เพราะผงซักฟอกมันกัดตัว ม้าก็รีบมาล้างออกให้ ม้าซึ้งในน้ำใจของลูกโบว์มากเลย คอยเป็นมือขวา และตัวแทนของม้าเสมอ หม่าม้าก็รู้ว่าโบว์เป็นคนที่ขายของเก่ง ทำงานดี เอาใจใส่กับงานเสมอ เป็นคนที่มีความเป็นระเบียบ ม้าภูมิใจมากนะ
- หมอใหญ่ และพยาบาลหลายตึก และนักศึกษาแพทย์ จิตแพทย์ มาคุยกับม้าเรื่องไปเที่ยว ม้าก็เล่าเรื่องที่พวกเราไปเที่ยวให้จิตแพทย์ฟัง
- จ๋า (เพื่อนแบด) มาดูแลม้าตลอดเวลา
- ม้าอาจจะไม่ค่อยพูดว่า “ม้ารักลูก” แต่มันอยู่ในใจม้ามาตลอดว่าม้ารักโบว์ ม้ารู้ว่าโบว์คงรู้ได้จากการกระทำของม้า ม้าเพียงเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสบอกโบว์ก่อนที่โบว์จะจากม้าไป ม้าเสียใจที่ม้าจะไม่ได้เห็นหน้าโบว์อีก แต่ม้าดีใจ ที่มีลูกอย่างโบว์ โบว์ทำดีที่สุดแล้ว...หม่าม้ารักโบว์มากนะ”
นายจินดา ระดับปัญญาวุฒิ ผู้เป็นบิดาของโบว์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงรับสั่งและชมว่า...
“ลูกสาวเป็นเด็กดี ช่วยชาติ ช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์”
โบว์ เป็นเด็กดีของพ่อแม่ เป็นเด็กดีของ “แม่ของแผ่นดิน” และเป็นคนดีของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ เป็นพระมหากรุณาธิคุณเสมือนเป็นหยาดน้ำทิพย์ชโลมจิตใจซับน้ำตาครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” และปวงชนชาวไทย
และยังทรงตรัสอีกว่า...
“เป็นห่วงพันธมิตรฯ ทุกคน ไว้จะฝากดอกไม้ไปเยี่ยมพันธมิตรฯ”
เป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ต่อประชาชนทุกคนที่ได้เข้าร่วมการต่อสู้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นายจินดากล่าวอีกว่า พระองค์ท่านยังทรงรับสั่งว่า...
“ขอให้กำลังใจกับครอบครัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับทราบแล้ว และเงินที่เป็นค่ารักษา ในหลวงเป็นผู้พระราชทานให้”
เป็นพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน ที่ไม่เคยทอดทิ้งพสกนิกรชาวไทยในยามทุกข์ยาก
ในช่วงท้ายของงาน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ไปยืนเพื่อรอส่งเสด็จพระราชดำเนินกลับ สิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงก้าวพระบาท ทรงหยุดตรง ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล และทรงมีพระราชปฏิสันถารกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ต่อหน้าสื่อสารมวลชนและประชาชนที่อยู่ในงานนั้น
แม้นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะไม่สามารถเปิดเผยพระราชปฏิสันถารในที่สาธารณะได้
แต่สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง ที่เป็นลูกคนจีนไหหลำมาอาศัยอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ต่อสู้เพื่อชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน โดยที่ไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ใดๆ ไม่เคยมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ การมีพระราชปฏิสันถารโดยตรงเช่นนี้ ย่อมถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุดในชีวิต
ประการสำคัญพระราชปฏิสันถารที่ไม่อาจเปิดเผยในที่สาธารณะนั้น ทีมงาน ASTV ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อได้รับทราบพระราชปฏิสันถารดังกล่าวแล้ว ต่างมีกำลังใจในการต่อสู้อย่างเข้มแข็งเพื่อ ชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน
เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน