“แบด แบด...เร็วเข้า หม่าม้าโทร.มาบอกว่าเจ้โบว์แขนขาด”
นี่เป็นเสียงที่ได้ยินหลังจากที่กลับถึงบ้านมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลังจากที่รู้ แบดก็ขับรถออกจากบ้านกันทันที โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะไปโรงพยาบาลไหน มือถือที่มีอยู่ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือติดต่อกับโรงพยาบาลต่างๆ ตอนแรก แบดกับป๊าไม่มีเบอร์โรงพยาบาลไหนเลย จึงรีบโทร.ถาม 1113 เพื่อถามเบอร์โรงพยาบาล โรงพยาบาลแรกที่โทร.ไปคือ โรงพยาบาลมิชชั่น แต่ก็ไม่มีชื่อโบว์เลย แบดก็เลยตัดสินใจโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนชื่อ “จ๋า” เพราะแบดคิดว่าเค้าคงพอจะช่วยอะไรเราได้บ้าง ซึ่งในขณะนั้นจ๋าอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ พอดี จ๋าจึงได้สอบถามรายชื่อผู้ป่วยฉุกเฉินให้ แต่ก็ไม่มีชื่อโบว์อยู่เลย จากนั้นจ๋าจึงได้ไปสอบถามที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แต่ก็ไม่มีรายชื่อในผู้ป่วยฉุกเฉินเช่นกัน ในขณะนั้นเอง นุ่นได้โทร.มาหาป๊าว่าตัวเองโดนสะเก็ดระเบิด กำลังทำแผลอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี ไม่ต้องเป็นห่วง นุ่นปลอดภัยแล้ว แต่นุ่นไม่รู้ว่าหม่าม้ากับโบว์อยู่ที่ไหน
จากนั้น จึงโทร.กลับไปหาจ๋า เพื่อให้ไปอยู่เป็นเพื่อนนุ่นที่โรงพยาบาล ส่วนแบดกับป๊าก็ขับรถไปที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อไปสอบถามรายชื่อม๊ากับโบว์ ศิริราชเป็นโรงพยาบาลสุดท้ายที่เราคิดว่าจะเจอโบว์ แต่ก็ไม่พบรายชื่อเลย เราก็เลยตัดสินใจมุ่งหน้ากลับไปที่สะพานมัฆวานฯ เราจึงเริ่มเดินหาจากสะพานมัฆวานฯ แล้วก็ถามคนไปทั่วว่าคนที่โดนระเบิดและแก๊สน้ำตาอยู่ที่ไหนกัน จากนั้นเราก็เดินตามหาโบว์ จนมีพี่คนนึงแนะนำว่าให้ประกาศชื่อผ่านทางเวทีใหญ่ ขณะที่เรากำลังเดินไปเวทีใหญ่จากหลังทำเนียบ คุณอาก็ได้โทรศัพท์มาถามว่าโบว์ใส่เสื้อสีอะไร แบดก็บอกว่าสีเหลือง คุณอาก็เลยบอกว่า “โบว์เสียแล้ว” เพราะคุณอาได้โทรศัพท์เข้าไปในเครื่องโบว์ พอดีคุณหมอ/พยาบาล รับโทรศัพท์ของโบว์ (หลังจากที่โทร.ไปไม่มีคนรับเลย) หลังจากทราบข่าว แบดก็รีบโทร.ไปที่โรงพยาบาลรามาฯ เพื่อถามหาข้อมูล ทางโรงพยาบาลบอกว่าไม่มีข้อมูล แต่ผู้ตายเป็นผู้หญิง อายุประมาณ 20 กว่าๆ ตัวเล็กๆ แล้วเขาบอกว่าให้มาดูเอง
หลังจากที่พบหน้าโบว์ในห้องดับจิตของโรงพยาบาลรามาฯ โบว์หน้าซีดมาก และตาของโบว์ก็ยังไม่ได้หลับ ป๊าก็เลยปิดตาให้โบว์ แล้วก็บอกกับโบว์ว่า “ป๊ามาแล้ว โบว์หลับซะนะ” แล้วตาโบว์ก็ปิดลง จากนั้นเราจึงขอหมอดูแผล หมอจึงเปิดให้ดู แผลก็เป็นอย่างที่พี่ที่พบโบว์ และหม่าม้าที่อยู่ในเหตุการณ์บอก ซึ่งหม่าม้าไม่คิดว่าโบว์จะเสีย เพราะตอนอยู่ข้างๆ โบว์ก็มองไม่ชัด เลยคิดว่าแขนขาดเฉยๆ
++++
จากป๊า....
ป๊าได้มีโอกาสบอกกับหลายๆ คนเกี่ยวกับเจตนารมณ์หรือจุดประสงค์ของโบว์ที่ไปพันธมิตรฯ ปะป๊ารู้ว่าโบว์ทำเพื่อชาติ พระมหากษัตริย์ และพวกพ้องพันธมิตรฯ ของพวกเรา ก็จะสู้ต่อไปนะ
โบว์รู้แล้วใช่ไหมว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพวงมาลาหน้าศพโบว์ด้วยนะ เราทุกคนภูมิใจและปลาบปลื้มมาก ป๊ารู้นะว่าโบว์ก็ดีใจ
ปะป๊า
++++
จากม้า...
โบว์ไม่ต้องเป็นห่วงม้านะ ม้ารักโบว์นะ ม้าอยากจะบอกว่า “ม้ารักโบว์” มาก และจะรักตลอดไปนะ โบว์จะอยู่ในใจม้าเสมอ โบว์เป็นคนเก่งมากนะ กล้าหาญมาก ทุกอย่างโบว์กล้าทำหมด ตอนเด็กๆ โบว์เห็นม้าซักผ้าอ้อมของน้องๆ โบว์ก็แอบมาช่วยซัก เพราะม้าแช่ไว้ “โบว์ก็ซักและทำท่าทางตามม้า” ก็กลายเป็นร้องไห้แทน เพราะผงซักฟอกมันกัดตัว ม้าก็รีบมาล้างออกให้ ม้าซึ้งในน้ำใจของลูกโบว์มากเลย คอยเป็นมือขวา และตัวแทนของม้าเสมอ หม่าม้าก็รู้ว่าโบว์เป็นคนที่ขายของเก่ง ทำงานดี เอาใจใส่กับงานเสมอ เป็นคนที่มีความเป็นระเบียบ ม้าภูมิใจมากนะ
- หมอใหญ่ และพยาบาลหลายตึก และนักศึกษาแพทย์ จิตแพทย์ มาคุยกับม้าเรื่องไปเที่ยว ม้าก็เล่าเรื่องที่พวกเราไปเที่ยวให้จิตแพทย์ฟัง
- จ๋า (เพื่อนแบด) มาดูแลม้าตลอดเวลา
- ม้าอาจจะไม่ค่อยพูดว่า “ม้ารักลูก” แต่มันอยู่ในใจม้ามาตลอดว่า ม้ารักโบว์ ม้ารู้ว่าโบว์คงรู้ได้จากการกระทำของม้า ม้าเพียงเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสบอกโบว์ก่อนที่โบว์จะจากม้าไป ม้าเสียใจที่ม้าจะไม่ได้เห็นหน้าโบว์อีก แต่ม้าดีใจที่มีลูกอย่างโบว์ โบว์ทำดีที่สุดแล้ว
หม่าม้ารักโบว์มากนะ
++++
จากน้องแบด....
20 กว่าปีที่โบว์ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ เธอเป็นแค่พี่ของน้อง 2 คน และเป็นเพียงลูกสาวคนโตของพ่อ แม่ เป็นเพียงหลานๆ ลูกพี่ลูกน้อง และเพื่อนของคนกลุ่มๆ นึง
หลังจากวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เธอไม่ได้เป็นเพียงคนบางคน ของคนบางกลุ่มอีกต่อไป แต่เธอจะเป็นคนสำคัญของคนหลายๆ กลุ่ม “From now on, she will be SOMEONE for all”
เธอจะเป็นทั้งเพื่อน, ทั้งพี่, ทั้งน้อง, ทั้งลูก, ทั้งหลาน ของคนหลายพัน หลายแสน หรือแม้แต่ หลายล้าน...
“ตอนเด็กๆ แบดหน่ะ เป็นเด็กแสบเงียบ” เสียงจากหม่าม้า “แบดเนี่ยนะแสบ...ไม่จริงอ่ะ” เสียงค้านจากแบด
“ไม่แสบได้ไง แบดหน่ะ ชอบแอบหยิกโบว์ และทำหน้าตายให้โบว์ร้องไห้ แล้วก็จะโดนม้าตี แต่โบว์ก็ไม่พูดอะไร จนม้าแอบเห็นเอง แบดเลยโดนตีครั้งใหญ่ หลังจากที่แบดทำมาหลายครั้งแล้ว
ขอโทษนะโบว์ ขอโทษ...ที่ทำให้โบว์เดือดร้อนตั้งแต่เด็ก แค่นั้นมันก็บอกได้หมดแล้วว่า โบว์รักแบดมาก แต่โบว์ก็รู้ใช่ไหม ความจริงแล้วแบดรักโบว์มากเหมือนกันนะ
โบว์ทำให้แบดได้มีทั้งพี่ มีทั้งน้อง ได้เป็นลูกคนกลาง ได้เป็นแบด อย่างที่แบดเป็น โบว์แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าแบดจะอยู่ที่ไหน โบว์ก็จะเป็นห่วงแบด อย่างตอนแบดไปอยู่แคนาดา โบว์ก็ส่งมาม่าไปให้เป็นลัง ส่งนั่นส่งนี่ไปเยอะแยะ แบดอยากให้โบว์จำไว้เหมือนกันว่า ไม่ว่าโบว์จะอยู่ที่ไหนในตอนนี้ แบดก็ห่วงและรักโบว์เสมอ
โบว์จำได้ไหมว่า เราสัญญาว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่น, อังกฤษ, สกอตแลนด์, ฮาวาย, สเปน ด้วยกัน แต่เราไม่ได้ไปกันเลย รออีกหน่อยนะ แล้วเราจะไปกัน แบดกับนุ่นจะพาโบว์ไปด้วยกันทุกที่เลย อะไรที่โบว์อยากกิน โบว์ก็บอกแบดได้นะ แบดจะส่งไปให้ อะไรที่แบดกินก็ขอให้โบว์ได้กินก่อนนะ อาหารทุกจาน ขนมทุกอย่าง ขอให้โบว์มากินนะ
แบด
++++
จากน้องนุ่น....
จากน้องคนเล็ก ถึงพี่สาว
นุ่นตอนเด็กๆ เท่าที่จำความได้เรา 3 คน ชอบเล่นทำกับข้าวกัน เจ้โบว์จะหาใบไม้มาฉีกเป้นอาหาร เป็นแม่ค้าขายของกัน ยังขำกันอยู่เลยเรื่องตอนเด็กๆเราขายของหน้าบ้าน อยู่ดีๆ โบว์ก็พูดตะโกนออกมาดังๆ ว่า “เทศกิจมาแล้ว เทศกิจมาแล้ว” ตลกมากเลย เราสามคนก็เก็บกวาดของหนีกัน
ตลกมากตอนเด็กๆ หม่าม้าบอกว่าโบว์รักน้องทุกคนมาก ชอบกอด ชอบหอม ชอบจูบน้อง จนน้องร้องไห้ โบว์ก็จะโดนดุทุกครั้งจนโบว์จนโบว์น้อยใจ นุ่นขอโทษนะเจ้โบว์ ถ้านุ่นรู้ นุ่นจะไม่ให้เกิดแบบนี้
นุ่นเลยรู้ว่า โบว์เป็นคนมีความมั่นใจ เด็ดขาด ชอบบริจาคช่วยเหลือคนอื่นน่ะ แต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนนี้ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ครอบครัวของเรา ก็รู้หมดนะว่า โบว์รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โบว์ไม่ต้องห่วงนะ นุ่นและแบดจะดูแลป่าป๊า หม่าม้าเอง เตเต้ก็คิดถึงโบว์นะ นุ่นยังจำได้ว่าโบว์ ยังจับ ยังกอดมันด้วย เตเต้คิดถึงโบว์แน่!
ความรู้สึกนุ่นมีอีกมากมายนะ อธิบายออกมาคงไม่หมด แต่ที่แน่ๆชาติหน้าเราจะมาเป้นพี่น้องกันเหมือนชาตินี้นะ เจ้โบว์
รักและคิดถึงมากและตลอดไป
จุ๊บๆ
นุ่น (น้องคนเล็กของเจ้โบว์)
++++
จากคู่หมั้น...
ผมชื่อ นายกฤษณะ วนิชชีวะ หยากจะบอกความรู้สึกที่มีในใจให้ทราบกัน ว่าน้องโบว์ (น้องอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ) นั้นสำคัญและเป็นคนหย่างไง แต่ก่อนอื่น ผมต้องขอโทษที่ภาษาเขียนของผม อาจจะไม่แข็งแรง เพราะผมไปอยู่เมืองนอกมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ที่ผมเขียนเป็นภาษาไทยนั้น ก็เพราะหยากให้ตรงกับความรู้สึกจิงๆ ในใจของกระผมเอง
ก่อนอื่น ผมขอบอกว่าน้องโบว์นั้นเป็นคนดี และเป็นคนตรงไปตรงมา อะไรที่เห็นว่ามันไม่ถูก ก็แสดงออกมาว่านี่มันไม่ถูกและคอยแนะนำอยู่เสมอ บางครั้งก็บ่นให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ แต่พอมาถึงเรื่องความถูกต้องของบ้านเมืองและสังคมที่ควรจะเป็นนั้น ผมกับน้องโบว์ก็รู้สึกและไม่ต้องแม้แต่พูดคุยกัน เพราะเราเห็นแบบเดียวกันเหมือนอีกหลายๆคนที่เห็นว่าบ้านเมืองนี้มันไม่ใช่สิ่งที่มันควรจะเป็น ผมหมายความว่า เราแยกแยะออกหย่างชัดเจนว่าอะไรผิด อะไรถูก เราจึงรู้สึกเหมือนกัน (ความรู้สึกที่เห็นพี่น้องคนไทย ต้องเจ็บ ต้องโดนทำร้ายนั้น เจ็บปวดมากๆ) จิงๆ แล้วน้องโบว์นั้นเป็นคนขี้กลัวและจะกลัวอยู่เสมอ แต่ใจเขานั้นแข็งแรงและไม่ยอมอะไรง่ายๆ เหมือนแม่เขา ผมจะไม่พูดเรื่องความทรงจำที่ผ่านมาของผมกับน้องโบว์เพราะตอนนี้มันเป็นความทรงจำที่ผมนั้นเจ็บปวดและดีใจปะปนไป ทั้งที่รู้ว่าถ้าน้องโบว์นั้นยังมีชีวิตอยู่ คงบอกผมว่าให้เข้มแข็ง และสู้ (สู้ๆ) ต่อไป เพราะใจเขากับใจผมนั้นคือใจเดียวกัน (เขาเป็นเสมือนขั้วหัวใจของผม และขั้วหัวใจนั้นขาดไป...ผมก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ไม่มีจิตใจหรงเหรือที่จะมีชีวิตคงอยู่) แต่โบว์เขาคงไม่ยอมและคงบอกให้อยู่ อดทน และทำแทนเขา อยู่แทนเขา และดูแลพี่น้องของเขา พ่อ แม่ ของเขาและคนอื่นๆ อีก ที่เขาร่วมสู้มาด้วยกัน ส่วนความสุขของเรา ผมกับน้องโบว์คงจบลงแค่นี้ แต่ผมจะต่อขั้วหัวใจของผมต่อสู้แทนเขา และอยู่กับครอบครัวเขาตลอดไป เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งดีๆ ผมกับน้องโบว์มีความฝันอยู่หลายหย่าง ซึ่งวันนี้หนึ่งในฝันนั้นก็อาจจะเป็นจิงได้ในเร็ววันนี้ แต่ที่เกินฝันนั้นคือน้ำใจพี่น้องและทุกๆ คน ที่มาเป็นกำลังใจและให้คุณค่ากับน้องโบว์ของผม
กราบขอบคุณทุกท่านจากใจที่สุด
++++
นี่เป็นเสียงที่ได้ยินหลังจากที่กลับถึงบ้านมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลังจากที่รู้ แบดก็ขับรถออกจากบ้านกันทันที โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะไปโรงพยาบาลไหน มือถือที่มีอยู่ก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือติดต่อกับโรงพยาบาลต่างๆ ตอนแรก แบดกับป๊าไม่มีเบอร์โรงพยาบาลไหนเลย จึงรีบโทร.ถาม 1113 เพื่อถามเบอร์โรงพยาบาล โรงพยาบาลแรกที่โทร.ไปคือ โรงพยาบาลมิชชั่น แต่ก็ไม่มีชื่อโบว์เลย แบดก็เลยตัดสินใจโทร.ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนชื่อ “จ๋า” เพราะแบดคิดว่าเค้าคงพอจะช่วยอะไรเราได้บ้าง ซึ่งในขณะนั้นจ๋าอยู่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ พอดี จ๋าจึงได้สอบถามรายชื่อผู้ป่วยฉุกเฉินให้ แต่ก็ไม่มีชื่อโบว์อยู่เลย จากนั้นจ๋าจึงได้ไปสอบถามที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แต่ก็ไม่มีรายชื่อในผู้ป่วยฉุกเฉินเช่นกัน ในขณะนั้นเอง นุ่นได้โทร.มาหาป๊าว่าตัวเองโดนสะเก็ดระเบิด กำลังทำแผลอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี ไม่ต้องเป็นห่วง นุ่นปลอดภัยแล้ว แต่นุ่นไม่รู้ว่าหม่าม้ากับโบว์อยู่ที่ไหน
จากนั้น จึงโทร.กลับไปหาจ๋า เพื่อให้ไปอยู่เป็นเพื่อนนุ่นที่โรงพยาบาล ส่วนแบดกับป๊าก็ขับรถไปที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อไปสอบถามรายชื่อม๊ากับโบว์ ศิริราชเป็นโรงพยาบาลสุดท้ายที่เราคิดว่าจะเจอโบว์ แต่ก็ไม่พบรายชื่อเลย เราก็เลยตัดสินใจมุ่งหน้ากลับไปที่สะพานมัฆวานฯ เราจึงเริ่มเดินหาจากสะพานมัฆวานฯ แล้วก็ถามคนไปทั่วว่าคนที่โดนระเบิดและแก๊สน้ำตาอยู่ที่ไหนกัน จากนั้นเราก็เดินตามหาโบว์ จนมีพี่คนนึงแนะนำว่าให้ประกาศชื่อผ่านทางเวทีใหญ่ ขณะที่เรากำลังเดินไปเวทีใหญ่จากหลังทำเนียบ คุณอาก็ได้โทรศัพท์มาถามว่าโบว์ใส่เสื้อสีอะไร แบดก็บอกว่าสีเหลือง คุณอาก็เลยบอกว่า “โบว์เสียแล้ว” เพราะคุณอาได้โทรศัพท์เข้าไปในเครื่องโบว์ พอดีคุณหมอ/พยาบาล รับโทรศัพท์ของโบว์ (หลังจากที่โทร.ไปไม่มีคนรับเลย) หลังจากทราบข่าว แบดก็รีบโทร.ไปที่โรงพยาบาลรามาฯ เพื่อถามหาข้อมูล ทางโรงพยาบาลบอกว่าไม่มีข้อมูล แต่ผู้ตายเป็นผู้หญิง อายุประมาณ 20 กว่าๆ ตัวเล็กๆ แล้วเขาบอกว่าให้มาดูเอง
หลังจากที่พบหน้าโบว์ในห้องดับจิตของโรงพยาบาลรามาฯ โบว์หน้าซีดมาก และตาของโบว์ก็ยังไม่ได้หลับ ป๊าก็เลยปิดตาให้โบว์ แล้วก็บอกกับโบว์ว่า “ป๊ามาแล้ว โบว์หลับซะนะ” แล้วตาโบว์ก็ปิดลง จากนั้นเราจึงขอหมอดูแผล หมอจึงเปิดให้ดู แผลก็เป็นอย่างที่พี่ที่พบโบว์ และหม่าม้าที่อยู่ในเหตุการณ์บอก ซึ่งหม่าม้าไม่คิดว่าโบว์จะเสีย เพราะตอนอยู่ข้างๆ โบว์ก็มองไม่ชัด เลยคิดว่าแขนขาดเฉยๆ
++++
จากป๊า....
ป๊าได้มีโอกาสบอกกับหลายๆ คนเกี่ยวกับเจตนารมณ์หรือจุดประสงค์ของโบว์ที่ไปพันธมิตรฯ ปะป๊ารู้ว่าโบว์ทำเพื่อชาติ พระมหากษัตริย์ และพวกพ้องพันธมิตรฯ ของพวกเรา ก็จะสู้ต่อไปนะ
โบว์รู้แล้วใช่ไหมว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพวงมาลาหน้าศพโบว์ด้วยนะ เราทุกคนภูมิใจและปลาบปลื้มมาก ป๊ารู้นะว่าโบว์ก็ดีใจ
ปะป๊า
++++
จากม้า...
โบว์ไม่ต้องเป็นห่วงม้านะ ม้ารักโบว์นะ ม้าอยากจะบอกว่า “ม้ารักโบว์” มาก และจะรักตลอดไปนะ โบว์จะอยู่ในใจม้าเสมอ โบว์เป็นคนเก่งมากนะ กล้าหาญมาก ทุกอย่างโบว์กล้าทำหมด ตอนเด็กๆ โบว์เห็นม้าซักผ้าอ้อมของน้องๆ โบว์ก็แอบมาช่วยซัก เพราะม้าแช่ไว้ “โบว์ก็ซักและทำท่าทางตามม้า” ก็กลายเป็นร้องไห้แทน เพราะผงซักฟอกมันกัดตัว ม้าก็รีบมาล้างออกให้ ม้าซึ้งในน้ำใจของลูกโบว์มากเลย คอยเป็นมือขวา และตัวแทนของม้าเสมอ หม่าม้าก็รู้ว่าโบว์เป็นคนที่ขายของเก่ง ทำงานดี เอาใจใส่กับงานเสมอ เป็นคนที่มีความเป็นระเบียบ ม้าภูมิใจมากนะ
- หมอใหญ่ และพยาบาลหลายตึก และนักศึกษาแพทย์ จิตแพทย์ มาคุยกับม้าเรื่องไปเที่ยว ม้าก็เล่าเรื่องที่พวกเราไปเที่ยวให้จิตแพทย์ฟัง
- จ๋า (เพื่อนแบด) มาดูแลม้าตลอดเวลา
- ม้าอาจจะไม่ค่อยพูดว่า “ม้ารักลูก” แต่มันอยู่ในใจม้ามาตลอดว่า ม้ารักโบว์ ม้ารู้ว่าโบว์คงรู้ได้จากการกระทำของม้า ม้าเพียงเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสบอกโบว์ก่อนที่โบว์จะจากม้าไป ม้าเสียใจที่ม้าจะไม่ได้เห็นหน้าโบว์อีก แต่ม้าดีใจที่มีลูกอย่างโบว์ โบว์ทำดีที่สุดแล้ว
หม่าม้ารักโบว์มากนะ
++++
จากน้องแบด....
20 กว่าปีที่โบว์ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ เธอเป็นแค่พี่ของน้อง 2 คน และเป็นเพียงลูกสาวคนโตของพ่อ แม่ เป็นเพียงหลานๆ ลูกพี่ลูกน้อง และเพื่อนของคนกลุ่มๆ นึง
หลังจากวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เธอไม่ได้เป็นเพียงคนบางคน ของคนบางกลุ่มอีกต่อไป แต่เธอจะเป็นคนสำคัญของคนหลายๆ กลุ่ม “From now on, she will be SOMEONE for all”
เธอจะเป็นทั้งเพื่อน, ทั้งพี่, ทั้งน้อง, ทั้งลูก, ทั้งหลาน ของคนหลายพัน หลายแสน หรือแม้แต่ หลายล้าน...
“ตอนเด็กๆ แบดหน่ะ เป็นเด็กแสบเงียบ” เสียงจากหม่าม้า “แบดเนี่ยนะแสบ...ไม่จริงอ่ะ” เสียงค้านจากแบด
“ไม่แสบได้ไง แบดหน่ะ ชอบแอบหยิกโบว์ และทำหน้าตายให้โบว์ร้องไห้ แล้วก็จะโดนม้าตี แต่โบว์ก็ไม่พูดอะไร จนม้าแอบเห็นเอง แบดเลยโดนตีครั้งใหญ่ หลังจากที่แบดทำมาหลายครั้งแล้ว
ขอโทษนะโบว์ ขอโทษ...ที่ทำให้โบว์เดือดร้อนตั้งแต่เด็ก แค่นั้นมันก็บอกได้หมดแล้วว่า โบว์รักแบดมาก แต่โบว์ก็รู้ใช่ไหม ความจริงแล้วแบดรักโบว์มากเหมือนกันนะ
โบว์ทำให้แบดได้มีทั้งพี่ มีทั้งน้อง ได้เป็นลูกคนกลาง ได้เป็นแบด อย่างที่แบดเป็น โบว์แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าแบดจะอยู่ที่ไหน โบว์ก็จะเป็นห่วงแบด อย่างตอนแบดไปอยู่แคนาดา โบว์ก็ส่งมาม่าไปให้เป็นลัง ส่งนั่นส่งนี่ไปเยอะแยะ แบดอยากให้โบว์จำไว้เหมือนกันว่า ไม่ว่าโบว์จะอยู่ที่ไหนในตอนนี้ แบดก็ห่วงและรักโบว์เสมอ
โบว์จำได้ไหมว่า เราสัญญาว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่น, อังกฤษ, สกอตแลนด์, ฮาวาย, สเปน ด้วยกัน แต่เราไม่ได้ไปกันเลย รออีกหน่อยนะ แล้วเราจะไปกัน แบดกับนุ่นจะพาโบว์ไปด้วยกันทุกที่เลย อะไรที่โบว์อยากกิน โบว์ก็บอกแบดได้นะ แบดจะส่งไปให้ อะไรที่แบดกินก็ขอให้โบว์ได้กินก่อนนะ อาหารทุกจาน ขนมทุกอย่าง ขอให้โบว์มากินนะ
แบด
++++
จากน้องนุ่น....
จากน้องคนเล็ก ถึงพี่สาว
นุ่นตอนเด็กๆ เท่าที่จำความได้เรา 3 คน ชอบเล่นทำกับข้าวกัน เจ้โบว์จะหาใบไม้มาฉีกเป้นอาหาร เป็นแม่ค้าขายของกัน ยังขำกันอยู่เลยเรื่องตอนเด็กๆเราขายของหน้าบ้าน อยู่ดีๆ โบว์ก็พูดตะโกนออกมาดังๆ ว่า “เทศกิจมาแล้ว เทศกิจมาแล้ว” ตลกมากเลย เราสามคนก็เก็บกวาดของหนีกัน
ตลกมากตอนเด็กๆ หม่าม้าบอกว่าโบว์รักน้องทุกคนมาก ชอบกอด ชอบหอม ชอบจูบน้อง จนน้องร้องไห้ โบว์ก็จะโดนดุทุกครั้งจนโบว์จนโบว์น้อยใจ นุ่นขอโทษนะเจ้โบว์ ถ้านุ่นรู้ นุ่นจะไม่ให้เกิดแบบนี้
นุ่นเลยรู้ว่า โบว์เป็นคนมีความมั่นใจ เด็ดขาด ชอบบริจาคช่วยเหลือคนอื่นน่ะ แต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนนี้ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ครอบครัวของเรา ก็รู้หมดนะว่า โบว์รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โบว์ไม่ต้องห่วงนะ นุ่นและแบดจะดูแลป่าป๊า หม่าม้าเอง เตเต้ก็คิดถึงโบว์นะ นุ่นยังจำได้ว่าโบว์ ยังจับ ยังกอดมันด้วย เตเต้คิดถึงโบว์แน่!
ความรู้สึกนุ่นมีอีกมากมายนะ อธิบายออกมาคงไม่หมด แต่ที่แน่ๆชาติหน้าเราจะมาเป้นพี่น้องกันเหมือนชาตินี้นะ เจ้โบว์
รักและคิดถึงมากและตลอดไป
จุ๊บๆ
นุ่น (น้องคนเล็กของเจ้โบว์)
++++
จากคู่หมั้น...
ผมชื่อ นายกฤษณะ วนิชชีวะ หยากจะบอกความรู้สึกที่มีในใจให้ทราบกัน ว่าน้องโบว์ (น้องอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ) นั้นสำคัญและเป็นคนหย่างไง แต่ก่อนอื่น ผมต้องขอโทษที่ภาษาเขียนของผม อาจจะไม่แข็งแรง เพราะผมไปอยู่เมืองนอกมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ที่ผมเขียนเป็นภาษาไทยนั้น ก็เพราะหยากให้ตรงกับความรู้สึกจิงๆ ในใจของกระผมเอง
ก่อนอื่น ผมขอบอกว่าน้องโบว์นั้นเป็นคนดี และเป็นคนตรงไปตรงมา อะไรที่เห็นว่ามันไม่ถูก ก็แสดงออกมาว่านี่มันไม่ถูกและคอยแนะนำอยู่เสมอ บางครั้งก็บ่นให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ แต่พอมาถึงเรื่องความถูกต้องของบ้านเมืองและสังคมที่ควรจะเป็นนั้น ผมกับน้องโบว์ก็รู้สึกและไม่ต้องแม้แต่พูดคุยกัน เพราะเราเห็นแบบเดียวกันเหมือนอีกหลายๆคนที่เห็นว่าบ้านเมืองนี้มันไม่ใช่สิ่งที่มันควรจะเป็น ผมหมายความว่า เราแยกแยะออกหย่างชัดเจนว่าอะไรผิด อะไรถูก เราจึงรู้สึกเหมือนกัน (ความรู้สึกที่เห็นพี่น้องคนไทย ต้องเจ็บ ต้องโดนทำร้ายนั้น เจ็บปวดมากๆ) จิงๆ แล้วน้องโบว์นั้นเป็นคนขี้กลัวและจะกลัวอยู่เสมอ แต่ใจเขานั้นแข็งแรงและไม่ยอมอะไรง่ายๆ เหมือนแม่เขา ผมจะไม่พูดเรื่องความทรงจำที่ผ่านมาของผมกับน้องโบว์เพราะตอนนี้มันเป็นความทรงจำที่ผมนั้นเจ็บปวดและดีใจปะปนไป ทั้งที่รู้ว่าถ้าน้องโบว์นั้นยังมีชีวิตอยู่ คงบอกผมว่าให้เข้มแข็ง และสู้ (สู้ๆ) ต่อไป เพราะใจเขากับใจผมนั้นคือใจเดียวกัน (เขาเป็นเสมือนขั้วหัวใจของผม และขั้วหัวใจนั้นขาดไป...ผมก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ไม่มีจิตใจหรงเหรือที่จะมีชีวิตคงอยู่) แต่โบว์เขาคงไม่ยอมและคงบอกให้อยู่ อดทน และทำแทนเขา อยู่แทนเขา และดูแลพี่น้องของเขา พ่อ แม่ ของเขาและคนอื่นๆ อีก ที่เขาร่วมสู้มาด้วยกัน ส่วนความสุขของเรา ผมกับน้องโบว์คงจบลงแค่นี้ แต่ผมจะต่อขั้วหัวใจของผมต่อสู้แทนเขา และอยู่กับครอบครัวเขาตลอดไป เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งดีๆ ผมกับน้องโบว์มีความฝันอยู่หลายหย่าง ซึ่งวันนี้หนึ่งในฝันนั้นก็อาจจะเป็นจิงได้ในเร็ววันนี้ แต่ที่เกินฝันนั้นคือน้ำใจพี่น้องและทุกๆ คน ที่มาเป็นกำลังใจและให้คุณค่ากับน้องโบว์ของผม
กราบขอบคุณทุกท่านจากใจที่สุด
++++