“พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.”ออกโรงจี้รัฐบาลฆาตกร “รับผิดชอบ” เหตุการณ์นองเลือด “7 ตุลาทมิฬ” ฐานสั่งการตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมจนทำให้ประชาชนเสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก ยันที่ผ่านมากองทัพประเมินสถานการณ์ตลอด ยอมรับได้รับความกดดันเหมือนกับประชาชน ย้ำขณะนี้ทหารไม่ปฏิวัติเหตุไม่เกิดประโยชน์กับชาติ ตอกกลับ “บิ๊กจิ๋ว” ให้ไปแก้ปัญหาว่าใครสั่งการคืนวันที่ 6 ต.ค.ให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า
วานนี้ (10 ต.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่อง “เด่นเย็นนี้” ทางช่อง 3 ถึงจุดยืนของกองทัพบกในการเรียกร้องให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แสดงความรับผิดชอบต่อกรณ๊ที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก
โดย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้หลายองค์กรและภาคส่วนในประเทศ มีแต่ความคิดว่าทหารควรจะออกมาทำอะไรสักอย่าง การพูดดังกล่าวมีหลายนัยยะ ตั้งแต่การให้ปฏิวัติหรือให้ออกไปปฏิบัติการกับตำรวจ ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นพันธมิตรฯถึงแม้เขาจะชุมนุม แต่การปฏิบัติการของเจ้าหน้ารัฐที่ผ่านมาได้ทำให้เกิดความสูญเสียและบาดเจ็บจำนวนมาก และมีการปฏิบัติการค่อนข้างจะรุนแรง ไม่ว่าจะฝ่ายใครก็แล้วแต่ ดังนั้น ประเด็นแรกคือใครเป็นผู้สั่งการในเรื่องนี้ ประเด็นที่ 2 เมื่อสั่งการไปแล้ว เจ้าหน้าที่ปฏิบัติได้ตามกรอบกฎหมายได้ถูกต้องหรือไม่
“ถ้าในกรณีที่ผู้สั่งการ สั่งการอย่างไรที่สุ่มเสี่ยงกับการที่จะบาดเจ็บ ล้มตาย และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะรู้หรือไม่ว่าอาวุธนั้นจะรุนแรงระยะใกล้หรือระยะไกลก็เป็นความรับผิดชอบของการสั่งการ แต่ถ้าไม่พูดถึงอย่างนี้สังคมไม่มีทางที่จะยอมรับ ผมไม่ได้กดดันว่ารัฐบาลผิดหรือไม่ผิด แต่รัฐบาลต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไป ต้องไปหาข้อเท็จจริงมาว่ารัฐบาลสั่งแล้วเป็นอย่างไร แล้วก็พิจารณากันเองว่าจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ส่วนการออกมากดดันให้ปฏิวัติก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะดีต่อประเทศชาติโดยรวม”
ส่วนรัฐบาลควรแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้นอย่างไรนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า มีหลายหนทางที่จะทำให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ แต่ไม่ขอกล่าวทุกคนทราบดีว่าจะทำอย่างไร บ้านเมืองจึงจะเดินต่อไปได้อย่างเรียบร้อย
เมื่อถามถึงกระแสกดดันให้กองทัพออกมาดำเนินการ ผบ.ทบ.กล่าวย้ำว่า เป็นอันที่รู้กันในความหมายคือให้ทหารออกมาปฏิวัติ เวลานี้เราประเมินไม่ใช่ไม่ประเมิน อดีตที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่นำมาคิดและคำนึงถึงว่าทำแล้วจะเป็นอย่างไร ขณะนี้ผู้ที่อยู่ในแวดวงผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่เคารพนับถือไม่ว่าจะเป็นนักคิด นักวิชาการ จากหลายภาคส่วน เช่น นพ.ประเวศ วะสี ท่านพูดชัดว่าปฏิวัติรัฐประหารไม่ได้ ตนไม่แน่ใจว่าผู้ที่เห็นด้วยกับการปฏิวัติที่ออกมาทางสื่อมีท่านใดบ้าง เห็นแต่มีท่านที่พูดเป็นนัยเท่านั้นและเห็นมีการพูดแสดงความคิดเห็นในที่ชุมนุมเท่านั้น ส่วนของทั่วไปยังไม่เห็นใครเห็นว่าการปฏิวัติเหมาะสม
“สรุปได้ว่า ทุกคนไม่เห็นความสำเร็จในการปฏิวัติ ถ้ากองทัพบกทำได้ และทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีปัญหาก็น่าศึกษา ส่วนใหญ่ขณะนี้เห็นว่ามันแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะการชุมนุมจะยังคงมี เพราะ คมช.ประสบมาแล้วในช่วงระยะเวลา 1 ปี 6 เดือนและประเทศจะมีม็อบเดินมาที่ถนนราชดำเนิน มาสุดที่บ้านท่านองคมนตรีอย่างที่ทราบ ประเทศชาติก็เสียหาย และมีระเบิดเป็นระยะ ไม่ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรก็แล้วแต่”
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า มีผู้ประเมินว่ากลุ่มนักการเมืองเก่าจะกลับมาอีก รวมความแล้วทำไปแล้ว ระหว่างที่ทำไปจะมีเหตุการณ์วุ่นวาย เป็นทุกข์ ทำเสร็จแล้วก็เป็นอย่างเดิม ส่วนจะเปลี่ยนกฎกติกานั้นหากทำได้อย่างที่นักวิชาการต้องการ ก็มีแนวทางจะแก้ได้ แต่คงจะแก้ยาก ขณะนี้หลายคนไม่เห็นด้วยว่าน่าจะได้ ประกอบกับผลกระทบเรื่องนี้ ผู้นำภาคเอกชน ผู้ประกอบการระดับผู้นำภาคประชาชนก็ไม่เห็นด้วย ไม่ใช่ตนคิดเอาเอง นี่คือเรื่องการปฏิวัติเวลานี้ไม่น่าจะแก้ปัญหาได้ ไม่น่าจะคุ้ม เว้นแต่จะทำแล้ว เอาให้บรรลุขั้นแรกเท่านั้น คือ การหยุดการใช้อำนาจ ผ่อนคลาย แต่ผมสำนึกจะให้แก้ปัญหาทั้งหมดไม่น่ากระทำได้ ทั้งนี้ จุดยืนทหารทุกคนหนักแน่นไม่ปฏิวัติ
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการยึดอำนาจคือทางออกของปัญหาแล้วตั้งรัฐบาลชั่วคราว พร้อมบอกท่านว่าอย่ากลัว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า "ผมไม่มีความกลัว ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า คิดว่าท่านควรแก้ปัญหาว่าใครสั่งการคืนวันที่ 6 ตุลาคมต่อเนื่องวันที่ 7 ตุลาคมให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ไม่ต้องห่วง ผมทำอะไรได้ไม่ต้องกังวล ท่านพูดไม่น่ามีหลักการ”
ส่วนวันสลายการชุมนุม พล.อ.ชวลิต เป็นคนสั่งการหรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ผมไม่ทราบ ท่านรับและพูดเองก็ว่ากันเอง ท่านรับไปแล้วก็เป็นคนสั่งการไปกี่ข้อไปเคลียร์มาให้ได้ อย่าให้บ้านเมืองมากดดัน สิ่งที่ไม่รู้ว่าจะแก้ได้หรือไม่ คนไม่พอใจในเรื่องนั้นก็ทำให้รัฐบาลรับรู้ และวิเคราะห์ว่าควรทำอย่างไร”
เมื่อถามว่าประเมินสถานการณ์อย่างไรใน 1-2 วันนี้ เพราะ พล.ต.อ.สล้าง บุญนาค อดีต ผบ.ตร.บอกว่าจะนำตำรวจเก่าไปยึดทำเนียบรัฐบาลคืนสุ่มเสี่ยงต่อการเผชิญหน้า พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตามกฎหมายไม่น่าจะทำได้ ผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมายทำแล้วมีปัญหา หากทำอย่างนั้นไม่น่าเป็นไปได้ และยิ่งไม่มีกฎหมายรองรับ ส่วนกรณีที่ว่าทหารไม่ออกไปตอนสบายการชุมนุมนั้น กฎหมายของประเทศไม่ได้ให้อำนาจส่วนนี้ การจัดกำลังทหารทำไม่ได้เลย ผิดกฎหมาย
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงข้อสงสัยว่าเหตุใดทหารจึงไม่ออกมาช่วยประชาชนด้วยว่า ถ้าทหารออกไปก็ต้องมีการปะทะกับตำรวจและแน่นอนว่าย่อมมีลูกหลงโดนประชาชน และอาจมีคำถามว่าทหารออกมาได้อย่างไร ทั้งที่ยังไม่มีกฏหมายรองรับ นอกจากนี้ประเทศจะแบ่งเป็นฝ่าย ไม่เกิดผลดี ซึ่งวันเกิดเหตุ 3 เหล่าทัพได้ประสานไปยัง ผบ.ตร.แล้วว่า ให้หยุดการใช้ความรุนแรง ยืนยันว่าทหารเป็นทหารของประชาชน เราจะไม่ทำในสิ่งที่เสียหายกับประเทศ แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางปฎิวัติของตำรวจที่ทำให้เกิดความสูญเสีย”
ส่วนสถานการณ์จะยุติอย่างไรนั้น ผบ.ทบ.กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะให้สถานการณ์เป็นอย่างไร เมื่อถามอีกว่า สถานการณ์กดดันท่านหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เหมือนกับประชาชนทุกคนที่ได้รับความกดดัน ซึ่งอาจท้อแท้ เหนื่อยหน่าย หรือหดหู่ ทุกคนเป็นตนก็เป็น สิ่งที่พูดวันนี้ค่อนข้างเกินเลยในส่วนกองทัพไปพอสมควร แต่หากไม่พูดก็จะนำไปเป็นประเด็น ทำให้คนไม่เข้าใจ เมื่อไม่ออกมาก็ต้องคิดว่าเป็นคนฝ่ายนั้น บ้านเมืองจะเป็นฝักเป็นฝ่าย หากเป็นอย่างนั้นบ้านเมืองจะเสียหายมากกว่านี้
วานนี้ (10 ต.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่อง “เด่นเย็นนี้” ทางช่อง 3 ถึงจุดยืนของกองทัพบกในการเรียกร้องให้รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แสดงความรับผิดชอบต่อกรณ๊ที่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก
โดย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้หลายองค์กรและภาคส่วนในประเทศ มีแต่ความคิดว่าทหารควรจะออกมาทำอะไรสักอย่าง การพูดดังกล่าวมีหลายนัยยะ ตั้งแต่การให้ปฏิวัติหรือให้ออกไปปฏิบัติการกับตำรวจ ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นพันธมิตรฯถึงแม้เขาจะชุมนุม แต่การปฏิบัติการของเจ้าหน้ารัฐที่ผ่านมาได้ทำให้เกิดความสูญเสียและบาดเจ็บจำนวนมาก และมีการปฏิบัติการค่อนข้างจะรุนแรง ไม่ว่าจะฝ่ายใครก็แล้วแต่ ดังนั้น ประเด็นแรกคือใครเป็นผู้สั่งการในเรื่องนี้ ประเด็นที่ 2 เมื่อสั่งการไปแล้ว เจ้าหน้าที่ปฏิบัติได้ตามกรอบกฎหมายได้ถูกต้องหรือไม่
“ถ้าในกรณีที่ผู้สั่งการ สั่งการอย่างไรที่สุ่มเสี่ยงกับการที่จะบาดเจ็บ ล้มตาย และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะรู้หรือไม่ว่าอาวุธนั้นจะรุนแรงระยะใกล้หรือระยะไกลก็เป็นความรับผิดชอบของการสั่งการ แต่ถ้าไม่พูดถึงอย่างนี้สังคมไม่มีทางที่จะยอมรับ ผมไม่ได้กดดันว่ารัฐบาลผิดหรือไม่ผิด แต่รัฐบาลต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไป ต้องไปหาข้อเท็จจริงมาว่ารัฐบาลสั่งแล้วเป็นอย่างไร แล้วก็พิจารณากันเองว่าจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ส่วนการออกมากดดันให้ปฏิวัติก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะดีต่อประเทศชาติโดยรวม”
ส่วนรัฐบาลควรแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้นอย่างไรนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า มีหลายหนทางที่จะทำให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ แต่ไม่ขอกล่าวทุกคนทราบดีว่าจะทำอย่างไร บ้านเมืองจึงจะเดินต่อไปได้อย่างเรียบร้อย
เมื่อถามถึงกระแสกดดันให้กองทัพออกมาดำเนินการ ผบ.ทบ.กล่าวย้ำว่า เป็นอันที่รู้กันในความหมายคือให้ทหารออกมาปฏิวัติ เวลานี้เราประเมินไม่ใช่ไม่ประเมิน อดีตที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่นำมาคิดและคำนึงถึงว่าทำแล้วจะเป็นอย่างไร ขณะนี้ผู้ที่อยู่ในแวดวงผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่เคารพนับถือไม่ว่าจะเป็นนักคิด นักวิชาการ จากหลายภาคส่วน เช่น นพ.ประเวศ วะสี ท่านพูดชัดว่าปฏิวัติรัฐประหารไม่ได้ ตนไม่แน่ใจว่าผู้ที่เห็นด้วยกับการปฏิวัติที่ออกมาทางสื่อมีท่านใดบ้าง เห็นแต่มีท่านที่พูดเป็นนัยเท่านั้นและเห็นมีการพูดแสดงความคิดเห็นในที่ชุมนุมเท่านั้น ส่วนของทั่วไปยังไม่เห็นใครเห็นว่าการปฏิวัติเหมาะสม
“สรุปได้ว่า ทุกคนไม่เห็นความสำเร็จในการปฏิวัติ ถ้ากองทัพบกทำได้ และทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยไม่มีปัญหาก็น่าศึกษา ส่วนใหญ่ขณะนี้เห็นว่ามันแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะการชุมนุมจะยังคงมี เพราะ คมช.ประสบมาแล้วในช่วงระยะเวลา 1 ปี 6 เดือนและประเทศจะมีม็อบเดินมาที่ถนนราชดำเนิน มาสุดที่บ้านท่านองคมนตรีอย่างที่ทราบ ประเทศชาติก็เสียหาย และมีระเบิดเป็นระยะ ไม่ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรก็แล้วแต่”
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า มีผู้ประเมินว่ากลุ่มนักการเมืองเก่าจะกลับมาอีก รวมความแล้วทำไปแล้ว ระหว่างที่ทำไปจะมีเหตุการณ์วุ่นวาย เป็นทุกข์ ทำเสร็จแล้วก็เป็นอย่างเดิม ส่วนจะเปลี่ยนกฎกติกานั้นหากทำได้อย่างที่นักวิชาการต้องการ ก็มีแนวทางจะแก้ได้ แต่คงจะแก้ยาก ขณะนี้หลายคนไม่เห็นด้วยว่าน่าจะได้ ประกอบกับผลกระทบเรื่องนี้ ผู้นำภาคเอกชน ผู้ประกอบการระดับผู้นำภาคประชาชนก็ไม่เห็นด้วย ไม่ใช่ตนคิดเอาเอง นี่คือเรื่องการปฏิวัติเวลานี้ไม่น่าจะแก้ปัญหาได้ ไม่น่าจะคุ้ม เว้นแต่จะทำแล้ว เอาให้บรรลุขั้นแรกเท่านั้น คือ การหยุดการใช้อำนาจ ผ่อนคลาย แต่ผมสำนึกจะให้แก้ปัญหาทั้งหมดไม่น่ากระทำได้ ทั้งนี้ จุดยืนทหารทุกคนหนักแน่นไม่ปฏิวัติ
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการยึดอำนาจคือทางออกของปัญหาแล้วตั้งรัฐบาลชั่วคราว พร้อมบอกท่านว่าอย่ากลัว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า "ผมไม่มีความกลัว ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า คิดว่าท่านควรแก้ปัญหาว่าใครสั่งการคืนวันที่ 6 ตุลาคมต่อเนื่องวันที่ 7 ตุลาคมให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ไม่ต้องห่วง ผมทำอะไรได้ไม่ต้องกังวล ท่านพูดไม่น่ามีหลักการ”
ส่วนวันสลายการชุมนุม พล.อ.ชวลิต เป็นคนสั่งการหรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า “ผมไม่ทราบ ท่านรับและพูดเองก็ว่ากันเอง ท่านรับไปแล้วก็เป็นคนสั่งการไปกี่ข้อไปเคลียร์มาให้ได้ อย่าให้บ้านเมืองมากดดัน สิ่งที่ไม่รู้ว่าจะแก้ได้หรือไม่ คนไม่พอใจในเรื่องนั้นก็ทำให้รัฐบาลรับรู้ และวิเคราะห์ว่าควรทำอย่างไร”
เมื่อถามว่าประเมินสถานการณ์อย่างไรใน 1-2 วันนี้ เพราะ พล.ต.อ.สล้าง บุญนาค อดีต ผบ.ตร.บอกว่าจะนำตำรวจเก่าไปยึดทำเนียบรัฐบาลคืนสุ่มเสี่ยงต่อการเผชิญหน้า พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตามกฎหมายไม่น่าจะทำได้ ผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมายทำแล้วมีปัญหา หากทำอย่างนั้นไม่น่าเป็นไปได้ และยิ่งไม่มีกฎหมายรองรับ ส่วนกรณีที่ว่าทหารไม่ออกไปตอนสบายการชุมนุมนั้น กฎหมายของประเทศไม่ได้ให้อำนาจส่วนนี้ การจัดกำลังทหารทำไม่ได้เลย ผิดกฎหมาย
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวถึงข้อสงสัยว่าเหตุใดทหารจึงไม่ออกมาช่วยประชาชนด้วยว่า ถ้าทหารออกไปก็ต้องมีการปะทะกับตำรวจและแน่นอนว่าย่อมมีลูกหลงโดนประชาชน และอาจมีคำถามว่าทหารออกมาได้อย่างไร ทั้งที่ยังไม่มีกฏหมายรองรับ นอกจากนี้ประเทศจะแบ่งเป็นฝ่าย ไม่เกิดผลดี ซึ่งวันเกิดเหตุ 3 เหล่าทัพได้ประสานไปยัง ผบ.ตร.แล้วว่า ให้หยุดการใช้ความรุนแรง ยืนยันว่าทหารเป็นทหารของประชาชน เราจะไม่ทำในสิ่งที่เสียหายกับประเทศ แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางปฎิวัติของตำรวจที่ทำให้เกิดความสูญเสีย”
ส่วนสถานการณ์จะยุติอย่างไรนั้น ผบ.ทบ.กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะให้สถานการณ์เป็นอย่างไร เมื่อถามอีกว่า สถานการณ์กดดันท่านหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เหมือนกับประชาชนทุกคนที่ได้รับความกดดัน ซึ่งอาจท้อแท้ เหนื่อยหน่าย หรือหดหู่ ทุกคนเป็นตนก็เป็น สิ่งที่พูดวันนี้ค่อนข้างเกินเลยในส่วนกองทัพไปพอสมควร แต่หากไม่พูดก็จะนำไปเป็นประเด็น ทำให้คนไม่เข้าใจ เมื่อไม่ออกมาก็ต้องคิดว่าเป็นคนฝ่ายนั้น บ้านเมืองจะเป็นฝักเป็นฝ่าย หากเป็นอย่างนั้นบ้านเมืองจะเสียหายมากกว่านี้