ก่อน ระหว่าง และหลังการแถลงนโยบายเลือดของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อำนาจรัฐตำรวจได้ก่อกรรมสังหารโหดและทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มีแต่สองมือเปล่าอย่างสนุกสนานและมันส์มือ จนมีผู้คนบาดเจ็บและล้มตายกว่า 400 คน
มันเกิดขึ้นในระหว่างที่ฟรีทีวีทุกช่องกำลังสนุกสนานกับการเสนอรายการบันเทิง เกมโชว์ และรายการมอมเมาอย่างอื่น ในขณะที่สื่อต่างประเทศได้ถ่ายทอดเหตุการณ์สังหารโหดนี้อย่างใกล้ชิดชนิดนาทีต่อนาที
มันเกิดขึ้นในขณะที่หัวใจประชาชนผู้บริสุทธิ์ยึดมั่นในสันติและอหิงสา และดำเนินความเชื่อมั่นนี้ด้วยรูปการณ์ทางปฏิบัติอย่างวีระกล้าหาญต่อเนื่องมากว่า 120 วัน ท่ามกลางแรงกดดันและการข่มเหงรังแกสารพัดวิธี
แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เข้าไปให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บตามหลักมนุษยธรรมไม่ว่าจะมาจากภาครัฐ เอกชน หรือแม้แต่หน่วยแพทย์พยาบาลพระราชทานที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งให้มาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บต่างถูกทำร้ายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
มันเป็นเหตุการณ์ที่กระทำต่อคนไทยด้วยกันที่มีแต่สองมือเปล่ายิ่งกว่าที่ทหารกระทำกับข้าศึกในสงคราม เพราะในสงครามเขาก็ละเว้นไม่สังหารหรือทำร้ายผู้บริสุทธิ์หรือมือเปล่า โดยเฉพาะจะให้เกียรติและไม่แตะต้องหน่วยแพทย์พยาบาล ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายไหนก็ตาม
อาชญากรรมเลือดในการแถลงนโยบายเลือดของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เกิดขึ้นแล้ว และวันรุ่งขึ้นเมื่อหนังสือพิมพ์ทุกฉบับรายงานข่าวตรงกัน ทำให้คนไทยทั้งประเทศที่ไม่รู้เหตุการณ์เพราะไม่มีรายงานข่าวจากฟรีทีวีต่างพากันช็อกทั้งเมือง
ทำให้วิกฤตทางเศรษฐกิจและสารพันปัญหาที่หมักหมมท่วมหัวท่วมแผ่นดินทรุดหนักลงอย่างรุนแรงที่สุด และนับแต่นี้ไปความพินาศฉิบหายในทุกระบบเศรษฐกิจของประเทศก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว
รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ตายไปแล้ว ทันทีที่กระสุนนัดแรกถูกลั่นไปสังหารและทำร้ายประชาชน ได้ทำให้รัฐบาลซึ่งไม่มีความชอบธรรมอยู่แล้วกลายเป็นรัฐบาลทรราชเต็มรูปแบบ
กลายเป็นรัฐบาลผีดิบที่ซาตานสิงอยู่และไม่มีใครยอมรับนับถืออีกต่อไป มีแต่จะถูกขับไล่และล้างผลาญวิญญาณอำมหิตนี้จนถึงที่สุด
พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดได้ตายไปแล้วพร้อม ๆ กัน และได้กลายเป็นพรรคทรราชที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการสังหารและทำร้ายประชาชนไทย
ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดก็ได้ตายไปแล้วพร้อม ๆ กันด้วย และได้กลายเป็นผู้แทนทรราชหรือผู้แทนโจรใจโหดที่มีส่วนร่วมรู้เห็นในการเข่นฆ่าและทำร้ายประชาชน
การต่อต้านอสูรร้ายของประชาชนจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางนับแต่นี้ไป ดังแบบอย่างที่พนักงานการบินไทยไม่ต้อนรับและขับไล่ผู้แทนพรรคพลังประชาชนลงจากเครื่องบิน เป็นต้น
รัฐบาลทรราช พรรคการเมืองทรราช และผู้แทนทรราช ย่อมไม่อาจบริหารบ้านเมืองได้อีกต่อไปแล้ว เพราะมันกลายเป็นพวกร่างทรงของซาตานหรือผีดิบที่คนไทยทุกคนมีความชอบธรรมที่จะขับไล่ ต่อต้าน และกำจัดจนถึงที่สุด
วันนี้ยังไม่แน่ว่าคนเหล่านี้จะเดินบนถนนได้อีกต่อไปหรือไม่ วันนี้สภาโจรก็ต้องถูกปิดประชุมไปโดยปริยาย เพราะรู้ชะตากรรมตัวเองดีว่าหากเปิดประชุมแก้รัฐธรรมนูญอีกก็อาจเกิดเหตุที่คาดคิดไม่ถึงขึ้นก็ได้
แต่สิ่งที่ตายและน่าวิตกห่วงใยมากที่สุดก็คือการตายของความศรัทธาเชื่อมั่นในสันติและอหิงสาที่เป็นหลักใจของประชาชน
เป็นธรรมชาติของสังคมที่เมื่อใดก็ตามที่ความศรัทธาเชื่อมั่นในสันติและอหิงสาถูกทำลายหรือตายไปจากความเชื่อของประชาชน เมื่อนั้นความรุนแรงก็จะเกิดขึ้น และมันอาจเป็นความรุนแรงในระดับที่เรียกได้ว่าสงครามกลางเมืองก็ได้
มันอาจเกิดขึ้นสมดังเจตนารมณ์ของพวกพรรคพลังประชาชนและแกนนำ นปก. ซึ่งนับเป็นความสำเร็จของความคิดสร้างสงครามกลางเมืองหรือสงครามประชาชนขึ้นในประเทศแล้ว
ในวันนี้สถานการณ์มาถึงจุดที่จะระเบิดและกลายเป็นสงครามกลางเมืองหรือสงครามประชาชนอย่างเต็มที่แล้ว
ต้องระวังให้ดีว่าการสังหารและทำร้ายประชาชนที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงครั้งนี้มันเป็นรูปแบบเดียวกันกับการทำสงครามปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อหกปีก่อน
มันเกิดขึ้นโดยน้ำมือของตำรวจชั่วบางคนที่เคยมีส่วนร่วมในการทำสงครามปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดน มันใช้รูปแบบเดียวกัน ต่างกันก็แต่วิธีการเล็กน้อย
คือแทนที่จะใช้วิธีอุ้มฆ่าเหมือนที่ใช้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ใช้วิธีใช้อาวุธสารพัดชนิดสังหารและทำร้ายประชาชนอย่างมันส์มือในกลางเมืองหลวง และใกล้เขตพระราชฐานด้วยซ้ำไป
แล้วซ้ำเติมขยี้หัวใจคนต่อไปด้วยการใส่ร้ายป้ายสีและบิดเบือนสารพัด
ผลิตผลของมันมีตัวอย่างให้เห็นแล้วในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะทำให้พี่น้องมุสลิมที่ใฝ่และยึดมั่นในสันติต้องถูกสถานการณ์กำหนดว่าสันติและอหิงสาไม่สามารถรอดจากการฆ่าและการสังหารหรือทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณของพวกใจสัตว์ได้เลย
เมื่อเป็นเช่นนั้น บรรดาผู้ทรงศีลและยึดมั่นในความสันติ อหิงสาแห่งอิสลามจึงจำต้องละความสันติและอหิงสา เพราะเหตุนี้โองการหนึ่งในมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านจึงถูกประกาศในหมู่ผู้ยึดมั่นในสันติ
“สูเจ้าจงลุกขึ้นสู้ชนผู้ปกครองที่อธรรม” ดังก้องกระหึ่มในทุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
แล้ววันนี้เป็นอย่างไร? ไอ้พวกก่อเหตุต่างหนีกระเจิงเอาตัวรอด ทอดทิ้งภาระให้กับกองทัพของพระเจ้าอยู่หัวต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาที่ยังเรื้อรังและยังไม่เห็นทางจบสิ้นอยู่ในวันนี้
นั่นคือบทเรียนที่ล้ำค่าของประเทศไทยและคนไทย โดยเฉพาะกองทัพไทยที่ต้องป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก
สถานการณ์วันนี้มาไกลจนสุดกู่แล้ว กองทัพไทยและคณะทหารผู้จงรักภักดีจะกอบกู้สถานการณ์ได้ทันท่วงทีหรือไม่ ก็ต้องติดตามดูกันอย่างใกล้ชิด
ประเทศไทยที่จะเกิดเป็นสงครามประชาชนและสงครามกลางเมืองเพราะอำนาจรัฐตำรวจชั่วกับประเทศไทยที่ร่มเย็นเป็นสุข จะเป็นอย่างไหน อยู่ในความสำนึกรับผิดชอบของคณะผู้นำเหล่าทัพแล้ว และเวลาเหลือไม่มากแล้ว เพราะชนวนแห่งสงครามได้ถูกรัฐตำรวจชั่วจุดขึ้นแล้ว เหมือนกับที่ได้จุดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น.
มันเกิดขึ้นในระหว่างที่ฟรีทีวีทุกช่องกำลังสนุกสนานกับการเสนอรายการบันเทิง เกมโชว์ และรายการมอมเมาอย่างอื่น ในขณะที่สื่อต่างประเทศได้ถ่ายทอดเหตุการณ์สังหารโหดนี้อย่างใกล้ชิดชนิดนาทีต่อนาที
มันเกิดขึ้นในขณะที่หัวใจประชาชนผู้บริสุทธิ์ยึดมั่นในสันติและอหิงสา และดำเนินความเชื่อมั่นนี้ด้วยรูปการณ์ทางปฏิบัติอย่างวีระกล้าหาญต่อเนื่องมากว่า 120 วัน ท่ามกลางแรงกดดันและการข่มเหงรังแกสารพัดวิธี
แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เข้าไปให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บตามหลักมนุษยธรรมไม่ว่าจะมาจากภาครัฐ เอกชน หรือแม้แต่หน่วยแพทย์พยาบาลพระราชทานที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รับสั่งให้มาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บต่างถูกทำร้ายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
มันเป็นเหตุการณ์ที่กระทำต่อคนไทยด้วยกันที่มีแต่สองมือเปล่ายิ่งกว่าที่ทหารกระทำกับข้าศึกในสงคราม เพราะในสงครามเขาก็ละเว้นไม่สังหารหรือทำร้ายผู้บริสุทธิ์หรือมือเปล่า โดยเฉพาะจะให้เกียรติและไม่แตะต้องหน่วยแพทย์พยาบาล ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายไหนก็ตาม
อาชญากรรมเลือดในการแถลงนโยบายเลือดของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เกิดขึ้นแล้ว และวันรุ่งขึ้นเมื่อหนังสือพิมพ์ทุกฉบับรายงานข่าวตรงกัน ทำให้คนไทยทั้งประเทศที่ไม่รู้เหตุการณ์เพราะไม่มีรายงานข่าวจากฟรีทีวีต่างพากันช็อกทั้งเมือง
ทำให้วิกฤตทางเศรษฐกิจและสารพันปัญหาที่หมักหมมท่วมหัวท่วมแผ่นดินทรุดหนักลงอย่างรุนแรงที่สุด และนับแต่นี้ไปความพินาศฉิบหายในทุกระบบเศรษฐกิจของประเทศก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว
รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ตายไปแล้ว ทันทีที่กระสุนนัดแรกถูกลั่นไปสังหารและทำร้ายประชาชน ได้ทำให้รัฐบาลซึ่งไม่มีความชอบธรรมอยู่แล้วกลายเป็นรัฐบาลทรราชเต็มรูปแบบ
กลายเป็นรัฐบาลผีดิบที่ซาตานสิงอยู่และไม่มีใครยอมรับนับถืออีกต่อไป มีแต่จะถูกขับไล่และล้างผลาญวิญญาณอำมหิตนี้จนถึงที่สุด
พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดได้ตายไปแล้วพร้อม ๆ กัน และได้กลายเป็นพรรคทรราชที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการสังหารและทำร้ายประชาชนไทย
ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลทั้งหมดก็ได้ตายไปแล้วพร้อม ๆ กันด้วย และได้กลายเป็นผู้แทนทรราชหรือผู้แทนโจรใจโหดที่มีส่วนร่วมรู้เห็นในการเข่นฆ่าและทำร้ายประชาชน
การต่อต้านอสูรร้ายของประชาชนจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางนับแต่นี้ไป ดังแบบอย่างที่พนักงานการบินไทยไม่ต้อนรับและขับไล่ผู้แทนพรรคพลังประชาชนลงจากเครื่องบิน เป็นต้น
รัฐบาลทรราช พรรคการเมืองทรราช และผู้แทนทรราช ย่อมไม่อาจบริหารบ้านเมืองได้อีกต่อไปแล้ว เพราะมันกลายเป็นพวกร่างทรงของซาตานหรือผีดิบที่คนไทยทุกคนมีความชอบธรรมที่จะขับไล่ ต่อต้าน และกำจัดจนถึงที่สุด
วันนี้ยังไม่แน่ว่าคนเหล่านี้จะเดินบนถนนได้อีกต่อไปหรือไม่ วันนี้สภาโจรก็ต้องถูกปิดประชุมไปโดยปริยาย เพราะรู้ชะตากรรมตัวเองดีว่าหากเปิดประชุมแก้รัฐธรรมนูญอีกก็อาจเกิดเหตุที่คาดคิดไม่ถึงขึ้นก็ได้
แต่สิ่งที่ตายและน่าวิตกห่วงใยมากที่สุดก็คือการตายของความศรัทธาเชื่อมั่นในสันติและอหิงสาที่เป็นหลักใจของประชาชน
เป็นธรรมชาติของสังคมที่เมื่อใดก็ตามที่ความศรัทธาเชื่อมั่นในสันติและอหิงสาถูกทำลายหรือตายไปจากความเชื่อของประชาชน เมื่อนั้นความรุนแรงก็จะเกิดขึ้น และมันอาจเป็นความรุนแรงในระดับที่เรียกได้ว่าสงครามกลางเมืองก็ได้
มันอาจเกิดขึ้นสมดังเจตนารมณ์ของพวกพรรคพลังประชาชนและแกนนำ นปก. ซึ่งนับเป็นความสำเร็จของความคิดสร้างสงครามกลางเมืองหรือสงครามประชาชนขึ้นในประเทศแล้ว
ในวันนี้สถานการณ์มาถึงจุดที่จะระเบิดและกลายเป็นสงครามกลางเมืองหรือสงครามประชาชนอย่างเต็มที่แล้ว
ต้องระวังให้ดีว่าการสังหารและทำร้ายประชาชนที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงครั้งนี้มันเป็นรูปแบบเดียวกันกับการทำสงครามปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อหกปีก่อน
มันเกิดขึ้นโดยน้ำมือของตำรวจชั่วบางคนที่เคยมีส่วนร่วมในการทำสงครามปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดน มันใช้รูปแบบเดียวกัน ต่างกันก็แต่วิธีการเล็กน้อย
คือแทนที่จะใช้วิธีอุ้มฆ่าเหมือนที่ใช้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ใช้วิธีใช้อาวุธสารพัดชนิดสังหารและทำร้ายประชาชนอย่างมันส์มือในกลางเมืองหลวง และใกล้เขตพระราชฐานด้วยซ้ำไป
แล้วซ้ำเติมขยี้หัวใจคนต่อไปด้วยการใส่ร้ายป้ายสีและบิดเบือนสารพัด
ผลิตผลของมันมีตัวอย่างให้เห็นแล้วในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะทำให้พี่น้องมุสลิมที่ใฝ่และยึดมั่นในสันติต้องถูกสถานการณ์กำหนดว่าสันติและอหิงสาไม่สามารถรอดจากการฆ่าและการสังหารหรือทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณของพวกใจสัตว์ได้เลย
เมื่อเป็นเช่นนั้น บรรดาผู้ทรงศีลและยึดมั่นในความสันติ อหิงสาแห่งอิสลามจึงจำต้องละความสันติและอหิงสา เพราะเหตุนี้โองการหนึ่งในมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านจึงถูกประกาศในหมู่ผู้ยึดมั่นในสันติ
“สูเจ้าจงลุกขึ้นสู้ชนผู้ปกครองที่อธรรม” ดังก้องกระหึ่มในทุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
แล้ววันนี้เป็นอย่างไร? ไอ้พวกก่อเหตุต่างหนีกระเจิงเอาตัวรอด ทอดทิ้งภาระให้กับกองทัพของพระเจ้าอยู่หัวต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาที่ยังเรื้อรังและยังไม่เห็นทางจบสิ้นอยู่ในวันนี้
นั่นคือบทเรียนที่ล้ำค่าของประเทศไทยและคนไทย โดยเฉพาะกองทัพไทยที่ต้องป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก
สถานการณ์วันนี้มาไกลจนสุดกู่แล้ว กองทัพไทยและคณะทหารผู้จงรักภักดีจะกอบกู้สถานการณ์ได้ทันท่วงทีหรือไม่ ก็ต้องติดตามดูกันอย่างใกล้ชิด
ประเทศไทยที่จะเกิดเป็นสงครามประชาชนและสงครามกลางเมืองเพราะอำนาจรัฐตำรวจชั่วกับประเทศไทยที่ร่มเย็นเป็นสุข จะเป็นอย่างไหน อยู่ในความสำนึกรับผิดชอบของคณะผู้นำเหล่าทัพแล้ว และเวลาเหลือไม่มากแล้ว เพราะชนวนแห่งสงครามได้ถูกรัฐตำรวจชั่วจุดขึ้นแล้ว เหมือนกับที่ได้จุดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น.