“ผมจะยอมตายเพื่อปกป้องสถานที่ ไม่กลัวว่าจะต้องติดคุก หากต้องใช้ความรุนแรง เพราะผมได้ทำตามหน้าที่และขั้นตอนตามกฎหมายที่ได้วางไว้ทุกอย่าง”
คำประกาศของพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ต่อกรณีการจับกุมนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ โดย “บิ๊กเบื๊อก” พล.ต.ท.สุชาติ ยังระบุไว้ในครั้งนั้นด้วยว่า หากกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางไปกดดันตำรวจที่หน้าบช.น.อีก ตำรวจได้เตรียมพร้อมไว้ทุกอย่างชนิด “ฟูลออปชัน” หากมีการมาชุมนุม และมีการบุกเข้ามา ตำรวจมีมาตรการจากเบาไปหาหนัก หรือหากมีความจำเป็นก็ต้องใช้แก๊สน้ำตา
วันนี้ (7 ต.ค.) ถัดมาเพียง 4 วัน เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า “ฟูลออปชัน” ของ พล.ต.ท.สุชาตินั้นเป็นเช่นใด โดยช่วงเช้า ตำรวจใช้อาวุธหนักยิงใส่กลุ่มประชาชนที่ไปรวมตัวกันบริเวณหน้ารัฐสภา ฝั่งถนนราชวิถี เพื่อเคลียร์พื้นที่เปิดทางให้"นายกรัฐมนตรีซาตาน" กับพวกเข้าไปในรัฐสภา แถลง “นโยเมีย” โดยมีเป้าหมายหลักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ได้รับคำสั่งมา เหตุการณ์ในช่วงเช้าวันนี้ ได้แสดงถึงความโหดเหี้ยม และป่าเถื่อน โดยไม่คำนึงถึงชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชน และประเทศชาติ แต่ทำเพียงเพื่อให้ตนเองได้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้ถูกผู้กุมอำนาจตัวจริงกำหนดไว้เท่านั้น
แม้ตัวนายกรัฐมนตรีอย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดูจะมีกริยาท่าทางที่นุ่มนิ่ม ราวผู้ดี แต่เมื่อเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้น ย่อมเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ตัวตนสมชายที่แท้จริง คือซาตานกระหายเลือดดีๆ นี่เอง ความกระหายเลือดดังกล่าวทั้งหมด ถูกส่งผ่านไปยังนายตำรวจ 2 นาย ซึ่งย่อมต้องหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ ทั้งพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ที่ดูเหมือนมีเลือดซาตานซ่อนเร้นอยู่ทุกอณูในร่างกายอยู่แล้ว รอเพียงวันให้มันปะทุขึ้นมาเท่านั้น และเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นก็เป็นจริงดังว่า
เหตุการณ์ครั้งนี้ มิใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลซาตานอมินี ทั้งยุดนายกฯหอกหัก และรัฐบาลปัจจุบัน กระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่มาแสดงพลัง เพื่อต่อต้านรัฐบาลทรราช ทั้งที่ จ.อุดรธานี ที่ปล่อยให้พวกอันธพาลเข้าไปรุมตีทำร้ายร่างกายกลุ่มพันธมิตรฯ เหตุการณ์ที่หน่ากองบัญชาการกองทัพบก ที่ปล่อยให้กลุ่ม นปช.เข้าไปรังควานกลุ่มพันธมิตรฯถึงบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และต้องสังเวยชีวิต แม้จะเป็นกลุ่มนปช.เองก็ตาม แต่นั่น ก็คือประชาชนคนไทยคนหนึ่งมิใช่หรือ แต่พวกคุณก็ไม่ได้ออกมาแสดงความผิดชอบต่อเหตุการณ์ใด ยังคงหน้าด้านเสวยสุขอยู่ในอำนาจต่อไปอย่างไม่ใยดี
หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อเช้าวันนี้ ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ออกมาแถลงแบบโกหกหน้าตาย ในแนวขอความร่วมมือ หลังการแถลงเสร็จ พล.ต.ต.อำนวย กล่าวตอนหนึ่งว่า “การใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นเป็นเครื่องมือควบคุมฝูงชนตามหลักสากลที่ใช้กันทั่วโลกในสลายการชุมนุม และปฏิเสธไม่ใช้กระสุนยาง หรือระเบิดแบบเศษแก้วแต่อย่างใด ส่วนผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บนั้นอาจจะเกิดจากการวิ่งแล้วเลื่อนหกล้ม เนื่องจากผู้ชุมมีการเทน้ำมันราดบนพื้นถนนและนำลวดหนามมาวางกั้นไว้จนทำให้ได้รับอันตราย”
อยากถามกลับไปว่า “แก๊สน้ำตา” ตามหลักสากลที่ใช้นั้น ถึงกับทำให้ขาดขาดสะบั่นเชียวหรือ ภาพที่ตำรวจยิงอาวุธหนักเข้าใส่ฝูงชนนั้นเล่า จะตอบว่าอย่างไร ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ตำรวจก็ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชนมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนนครบาลเอง แต่ครั้งนั้นกลับปฏิเสธว่า ไม่ได้ยิง ทั้งที่มีภาพหลักฐานชัดเจน สุดท้ายเหตุการณ์วันนี้ กลับบอกว่า แค่ยิงแก๊สน้ำตา ไม่ใช่อาวุธหนัก แล้วทำไมขาจึงขาด อย่งนี้จะไม่ให้เรียกว่า“สารเลว”แล้วจะเรียกว่าอะไร!?!
เมื่อซาตานในมาดผู้ดี กับตำรวจสารเลว มาสมคบคิดกันแล้ว เหตุการณ์การนองเลือดจึงไม่มีวันหลีกเลี่ยงพ้น ในอดีตที่ผ่านมา ตัวนายกรัฐมนตรีอย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ย่อมมีประวัติที่สวยหรู น่ายกย่อง เริ่มจากผู้พิพากษา ปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายกรัฐมนตรี แต่ต่อจากนี้ไปในอนาคต เมื่อเอ่ยถึง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ขึ้นมา ก็จะมีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีซาตาน นายกรัฐมนตรีมือเปื้อนเลือด นายกรัฐมนตรีเลือดเย็น นายกรัฐมนตรีจอมโหด ฯลฯ ส่วนตำรวจนั้น ไม่ต้องพูดถึง เพราะรู้กันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าเป็น “จอมสารเลว” ตัวจริง!!!
คำประกาศของพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ต่อกรณีการจับกุมนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ โดย “บิ๊กเบื๊อก” พล.ต.ท.สุชาติ ยังระบุไว้ในครั้งนั้นด้วยว่า หากกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางไปกดดันตำรวจที่หน้าบช.น.อีก ตำรวจได้เตรียมพร้อมไว้ทุกอย่างชนิด “ฟูลออปชัน” หากมีการมาชุมนุม และมีการบุกเข้ามา ตำรวจมีมาตรการจากเบาไปหาหนัก หรือหากมีความจำเป็นก็ต้องใช้แก๊สน้ำตา
วันนี้ (7 ต.ค.) ถัดมาเพียง 4 วัน เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า “ฟูลออปชัน” ของ พล.ต.ท.สุชาตินั้นเป็นเช่นใด โดยช่วงเช้า ตำรวจใช้อาวุธหนักยิงใส่กลุ่มประชาชนที่ไปรวมตัวกันบริเวณหน้ารัฐสภา ฝั่งถนนราชวิถี เพื่อเคลียร์พื้นที่เปิดทางให้"นายกรัฐมนตรีซาตาน" กับพวกเข้าไปในรัฐสภา แถลง “นโยเมีย” โดยมีเป้าหมายหลักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ได้รับคำสั่งมา เหตุการณ์ในช่วงเช้าวันนี้ ได้แสดงถึงความโหดเหี้ยม และป่าเถื่อน โดยไม่คำนึงถึงชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชน และประเทศชาติ แต่ทำเพียงเพื่อให้ตนเองได้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้ถูกผู้กุมอำนาจตัวจริงกำหนดไว้เท่านั้น
แม้ตัวนายกรัฐมนตรีอย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดูจะมีกริยาท่าทางที่นุ่มนิ่ม ราวผู้ดี แต่เมื่อเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้น ย่อมเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ตัวตนสมชายที่แท้จริง คือซาตานกระหายเลือดดีๆ นี่เอง ความกระหายเลือดดังกล่าวทั้งหมด ถูกส่งผ่านไปยังนายตำรวจ 2 นาย ซึ่งย่อมต้องหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ ทั้งพล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. ที่ดูเหมือนมีเลือดซาตานซ่อนเร้นอยู่ทุกอณูในร่างกายอยู่แล้ว รอเพียงวันให้มันปะทุขึ้นมาเท่านั้น และเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นก็เป็นจริงดังว่า
เหตุการณ์ครั้งนี้ มิใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลซาตานอมินี ทั้งยุดนายกฯหอกหัก และรัฐบาลปัจจุบัน กระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่มาแสดงพลัง เพื่อต่อต้านรัฐบาลทรราช ทั้งที่ จ.อุดรธานี ที่ปล่อยให้พวกอันธพาลเข้าไปรุมตีทำร้ายร่างกายกลุ่มพันธมิตรฯ เหตุการณ์ที่หน่ากองบัญชาการกองทัพบก ที่ปล่อยให้กลุ่ม นปช.เข้าไปรังควานกลุ่มพันธมิตรฯถึงบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และต้องสังเวยชีวิต แม้จะเป็นกลุ่มนปช.เองก็ตาม แต่นั่น ก็คือประชาชนคนไทยคนหนึ่งมิใช่หรือ แต่พวกคุณก็ไม่ได้ออกมาแสดงความผิดชอบต่อเหตุการณ์ใด ยังคงหน้าด้านเสวยสุขอยู่ในอำนาจต่อไปอย่างไม่ใยดี
หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อเช้าวันนี้ ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ออกมาแถลงแบบโกหกหน้าตาย ในแนวขอความร่วมมือ หลังการแถลงเสร็จ พล.ต.ต.อำนวย กล่าวตอนหนึ่งว่า “การใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นเป็นเครื่องมือควบคุมฝูงชนตามหลักสากลที่ใช้กันทั่วโลกในสลายการชุมนุม และปฏิเสธไม่ใช้กระสุนยาง หรือระเบิดแบบเศษแก้วแต่อย่างใด ส่วนผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บนั้นอาจจะเกิดจากการวิ่งแล้วเลื่อนหกล้ม เนื่องจากผู้ชุมมีการเทน้ำมันราดบนพื้นถนนและนำลวดหนามมาวางกั้นไว้จนทำให้ได้รับอันตราย”
อยากถามกลับไปว่า “แก๊สน้ำตา” ตามหลักสากลที่ใช้นั้น ถึงกับทำให้ขาดขาดสะบั่นเชียวหรือ ภาพที่ตำรวจยิงอาวุธหนักเข้าใส่ฝูงชนนั้นเล่า จะตอบว่าอย่างไร ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ตำรวจก็ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชนมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนนครบาลเอง แต่ครั้งนั้นกลับปฏิเสธว่า ไม่ได้ยิง ทั้งที่มีภาพหลักฐานชัดเจน สุดท้ายเหตุการณ์วันนี้ กลับบอกว่า แค่ยิงแก๊สน้ำตา ไม่ใช่อาวุธหนัก แล้วทำไมขาจึงขาด อย่งนี้จะไม่ให้เรียกว่า“สารเลว”แล้วจะเรียกว่าอะไร!?!
เมื่อซาตานในมาดผู้ดี กับตำรวจสารเลว มาสมคบคิดกันแล้ว เหตุการณ์การนองเลือดจึงไม่มีวันหลีกเลี่ยงพ้น ในอดีตที่ผ่านมา ตัวนายกรัฐมนตรีอย่างนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ย่อมมีประวัติที่สวยหรู น่ายกย่อง เริ่มจากผู้พิพากษา ปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายกรัฐมนตรี แต่ต่อจากนี้ไปในอนาคต เมื่อเอ่ยถึง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ขึ้นมา ก็จะมีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีซาตาน นายกรัฐมนตรีมือเปื้อนเลือด นายกรัฐมนตรีเลือดเย็น นายกรัฐมนตรีจอมโหด ฯลฯ ส่วนตำรวจนั้น ไม่ต้องพูดถึง เพราะรู้กันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าเป็น “จอมสารเลว” ตัวจริง!!!