xs
xsm
sm
md
lg

รุกฆาตล้มรัฐบาลโจรพันธมิตรยึดรัฐสภาขวางแถลงนโยบาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – พันธมิตรฯลั่นเคลื่อนพลสู่รัฐบาล ขวางไม่ให้รัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติใช้เป็นสถานที่แถลงนโยบาย หลังรัฐบาลหักหลัง มั่นใจจับแกนนำหวังล้มแผนเจรจา “สนธิ” ย้ำนี่คือการสู้แบบอหิงสา ด้านศาลอนุญาตฝากขังจำลองอีก 12 วัน ตามที่ตำรวจขอ ส่วนคำร้องคัดค้านการจับกุมนัดตัดอ่านคำสั่งวันนี้ ขณะเดียวกันยกคำร้อง ไชยวัฒน์ ขอปล่อยตัว ”จิ๋ว” เชื่อ มหาจำลอง ไม่มีแผนให้ถูกจับ “ไกรศักดิ์” ระบุเป็นการโหมไฟการเมืองให้แรงขึ้น แฉกลุ่มเพื่อนเนวินอยู่เบื้องหลังจับแกนนำ

วานนี้ (6 ต.ค.) เมื่อเวลา 19.20 น.ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบไปด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย และ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ รวมทั้งแกนนำรุ่นสอง ประกอบไปด้วย นายศิริชัย ไม้งาม นายสาวิทย์ แก้วหวาน และ นายสำราญ รอดเพชร ได้ขึ้นเวทีพร้อมกัน
**เคลื่อนพลสู่รัฐสภา
ทั้งนี้ นายสำราญ ปราศรัยว่า จริงๆ แล้วในที่นี้ไม่มีแกนนำรุ่นหนึ่งรุ่นสอง แต่เราเป็นพันธมิตรฯเหมือนกัน เราจะทำอะไรได้บ้างในการตอบวัตถุประสงค์กู้บ้านเมืองครั้งนี้ คณะทำงาน และแกนนำได้ประชุมหารือว่า เราจะเคลื่อนไหวอะไรจะมาเรียนถามพี่น้อง ถ้าเห็นด้วยเราก็จะทำ ถ้าไม่เห็นด้วย เราก็จะปักหลักค้างยืนหยัดสู้จนกว่าจะได้ชัยชนะ
จากนั้น นายศิริชัย ขึ้นอ่านแถลงการณ์ขอฉันทามติพี่น้องประชาชนที่ร่วมชุมนุม ให้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ว่า จะขยายพื้นที่การชุมนุมโดยการเคลื่อนขบวนไปแสดงสัญลักษณ์ที่หน้ารัฐสภาอย่างสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธ เพื่อไม่ให้รัฐบาลหุ่นเชิดใช้รัฐสภามาจึงขอฉันทามติของพี่น้องประชาชนที่เข้ามาชุมนุม ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ “ขยายพื้นที่การชุมนุม” โดยการเคลื่อนขบวนไปแสดงสัญลักษณ์ที่หน้ารัฐสภาอย่าง สงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธ เพื่อมิให้รัฐบาลหุ่นเชิดใช้สภามาเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจเพื่อกระทำการอันมิชอบต่อไป หากเห็นชอบด้วยขอให้พี่น้องประชาชนที่มาชุมนุม ลุกขึ้นยืน และปรบมืออย่างยาวนานหรือไม่ หากเห็นด้วยให้ลุกขึ้นยืนตบมืออย่างยาวนานโดยพร้อมเพรียงกัน
ด้านนายสาวิทย์ ได้ขึ้นถามว่า มีผู้ไม่เห็นด้วยกับฉันทามติในการเคลื่อนขบวนหรือไม่ ซึ่งปรากฏว่า ไม่มีผู้ชุมนุมคนใดคัดค้าน ต่างโห่ร้องปรบมือสนับสนุนการเคลื่อนขบวนดังกล่าว
นายสาวิทย์ กล่าวว่า เราจะขยายพื้นที่การชุมนุมออกไป โดยใช้ทั้งสองส่วน เพราะสถานที่แห่งนี้ เรายึดไว้ได้สำเร็จตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.2551 แล้ว จากนี้เราจะขยายพื้นที่ออกไป ฉะนั้น พื้นที่สำคัญทั้งสองคนจะต้องตรึงกำลัง ทั้งที่ทำเนียบ และขยายไปที่หน้ารัฐสภา อย่างไรก็ตาม ที่ทำเนียบยังจำเป็นต้องมีพวกเราอยู่ แกนนำรุ่นหนึ่งจะอยู่ที่นี่ ส่วนที่หน้ารัฐสภาแกนนำรุ่นที่สองจะเป็นผู้รับผิดชอบ เราได้ยืนยันแล้วว่าจะไม่ทิ้งกัน ที่ทำเนียบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในเชิงสัญลักษณ์ เพราะเป็นศูนย์รวมอำนาจของรัฐบาล แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการแถลงนโยบายอยู่ที่รัฐสภา คือ ฝ่ายนิติบัญญัติ
“เราจะแบ่งกำลังออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งยังอยู่ในทำเนียบ อีกส่วนหนึ่งขยายไปยังรัฐสภา โดยใช้มวลชนจากรอบนอกที่มัฆวานรังสรรค์ และถนนพิษณุโลก พี่น้องที่อยู่สะพานมัฆวาน พี่น้องที่มากันทั่วประเทศ รวมทั้งที่ ถ.พิษณุโลก ลุกขึ้นและเตรียมตัว ส่วนพี่น้องที่อยู่ในทำเนียบก็ขอให้อยู่ที่นี่ไปก่อนซึ่งมีความสำคัญเช่นกันเรายังทิ้งไปไม่ได้ ฉะนั้น พี่น้องที่อยู่รอบนอกถนนพิษณุโลกเริ่มจัดขบวนได้ เราจะเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป” นายสาวิทย์กล่าว
ต่อมา เวลา 19.55 น.พันธมิตรฯ ขบวนใหญ่ได้ผ่านลานพระบรมรูปทรงม้า ถึงบริเวณหน้ารัฐสภาแล้ว ขณะที่ประตูเข้าออกของรัฐสภาถูกปิดทุกด้าน จนเวลา 20.00 น.การ์ดพันธมิตรฯ ได้นำแผงเหล็กและลวดหนามปิดแยกอู่ทองในทุกจุด เท่ากับว่า ถนนบริเวณหน้ารัฐสภาถูกปิดโดยสิ้นเชิงแล้ว
ต่อมาเวลาประมาณ 20.20 น.มวลชนพันธมิตรฯ ประมาณนับหมื่นคน ได้รวมตัวกันเต็มพื้นที่หน้ารัฐสภาแล้ว ขณะที่ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ที่กล่าวปราศรัยบนเวทที่ทำเนียบได้ประกาศให้พี่น้องพันธมิตรฯ ที่มาจากต่างจังหวัดเดินทางไปที่หน้ารัฐสภาได้ เพราะพื้นที่ในทำเนียบเต็มหมดแล้ว
เวลาประมาณ 20.30 น.ตำรวจ ตชด.1 กองร้อย พร้อมโล่และกระบอง ได้มาตรึงกำลังประชิดกับการ์ดพันธมิตรฯ ทางด้านถนนราชวิถี ใกล้แยกอู่ทองใน ทำให้การ์ดต้องเตรียมกำลังมวลชนมากันด้านนี้ให้มากขึ้น พร้อมกับนำแผงเหล็กที่วางอยู่หน้ารัฐสภา มากั้นบริเวณแยกอู่ทองในด้วย
**อัดรัฐบาลตระบัดสัตย์
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า รัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมไม่มีสิทธิแถลงนโยบาย รัฐบาลที่บอกว่าจะเจรจา มันตระบัดสัตย์ จับแกนนำ พธม. ไป 2 คนแล้ว ภาระกิจเราจึงอยู่ที่ทำเนียบและสภาผู้แทนราษฎร เราต้องเคลื่อนไหวเข้ามาให้มากที่สุด เพราะต้องใช้กำลัง 2 ส่วนเพื่อไม่ให้รัฐบาลหุ่นเชิดเข้ามาใช้ที่รัฐสภาเพื่อแถลงนโยบาย
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า สัญลักษณ์ 2 อย่างของรัฐบาลชุดนี้ ได้ถูกมหาชนไทยแสดงออกแล้ว คือ ทำเนียบแหล่งของการดำรงอยู่เพื่อเป็นการบริหารชาติบ้านเมือง และที่สองคือ สภานิติบัญญัติ เป็นแหล่งที่ออกกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ ทั้งสภาฯและทำเนียบ เมื่อรัฐบาลหุ่นเชิดเข้าทำเนียบไม่ได้ ใช้สภาไม่ได้ นี่คือสัญลักษณ์ของการประท้วงรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ด้วยหลักอหิงสา
“วันนี้ คำร้องเรื่องหมายจับที่ไม่ชอบนั้น ศาลอาญาจะอ่านคำสั่งบ่าย 2 โมงวันนี้ เราจะได้รู้ว่า แกนนำรวมทั้งจำลอง ไชยวัฒน์ ได้รับการปล่อยตัวหรือไม่ วันนี้เป็นวันตัดสินใจอีกวันนึงครับ”
ฝ่ายรัฐบาลหรือตำรวจที่คิดว่าหมดจากพี่จำลอง ผม พิภพ สมศักดิ์ ประชาชนจะสลายเป็นการคิดที่โง่บัดซบ เราต้องสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะ แต่ไม่ใช่ชัยชนะของเรา แต่เป็นของชาติศาสนา พระมหากษัตริย์
ปี 2548 2549 2550 2551 มันเป็นช่วงสุดท้ายของการเช็คบิล 21 ต.ค.นี้คือ วันพิพากษาผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม วันนั้นเป็นวันที่เราจะได้เคารพคำสั่งศาล ไม่เหมือนทักษิณ วันที่ 21 น่าตื่นเต้นที่สุดเพราะถ้าวันนั้นศาลพิพากษา ให้พ.ต.ท. ทักษิณ และภรรยาติดคุก การเมืองจะเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง ผมอยากให้นายสมชายและครอบครัว ดูพี่ภรรยาเป็นตัวอย่าง และนายสมัครเป็นตัวอย่างด้วย และตำรวจที่รับใช้นายสมชาย ที่จ้องแต่จะสลายเรา ก็ให้ดูเหมือนกัน ถ้านายสมชายไป ตัวเองจะเอาตัวรอดต่อไปได้หรือไม่
**ฝากขังจำลอง-ไม่ค้านประกัน
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 08.20 น. พ.ต.ท.ภูเบศ เส้นขาว พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.นางเลิ้ง นำตัว พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหาที่ 1 คดีกบฏ ที่ถูกจับกุมได้ขณะเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯเดินทางไปขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปฏิบัติการพิเศษจำนวน 100 นาย ที่คอยดูแลกลุ่มพันธมิตรที่มาให้กำลังใจ พล.ต.จำลอง ราว 200 คน โดยเจ้าหน้าที่กันให้กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่บริเวณด้านหน้าศาลอาญา ทั้งนี้ ตามคำร้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 51 พล.ต.จำลอง ได้ร่วมกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายพิภพ ธงไชย , นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ , นายสมศักดิ์ โกศัยสุข , นายสุริยะใส กตะศิลา , นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ , นายอมร อมรรัตนานนท์ และ นายเทิดภูมิ ใจดี ผู้ต้องหาที่ 2-9 ซึ่งเป็นแกนนำที่เรียกชื่อว่า “กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ร่วมกันชุมนุมที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรงสรรค์ สะพานชมัยมรุเชษฐ์ และทำเนียบรัฐบาล ต่อเนื่องกันจนถึงปัจจุบัน ฯลฯ
พฤติการณ์และการกระทำของผู้ต้องหา เป็นความผิดตามที่กล่าวมา พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.51 เวลา 11.00 น. แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนพยานที่สำคัญในคดีจำนวนมาก รอผลตรวจพิสูจน์แผ่นบันทึกภาพและเสียง และผลการตรวจสอบประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา รวมทั้งผลการตรวจสอบเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกับการกระทำของผู้ต้องหา และแนวร่วมของผู้ต้องหาที่เกิดขึ้นในต่างจังหวัดทั่วประเทศ จึงขอความกรุณาต่อศาลฝากขังผู้ต้องหานี้ไว้มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 6 – 17 ต.ค.51
**ทนายพันธมิตรฯเบิกความค้าน
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของ พล.ต.จำลอง ได้ยื่นคำร้องขอคัดค้านการฝากขัง และคำร้องขอให้ปล่อยตัวผู้ถูกคุมขัง โดยอ้างว่าเป็นการจับกุมที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 เช่นเดียวกับกรณีของนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้ต้องหาที่ 7 ในคดีเดียวกัน
ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 701 ศาลไต่สวนคำร้องฝากขัง และคำคัดค้าน โดยฝ่ายพนักงานสอบสวนผู้ร้อง มี พ.ต.ท.ภูเบศ เส้นขาว พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.นางเลิ้ง เบิกความสรุปพฤติการณ์ผู้ต้องหาตามคำร้องฝากขัง ขณะที่ฝ่ายผู้ต้องหา มีนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ เบิกความเป็นปากแรก สรุปเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้กลุ่มพันธมิตร ฯ ต้องออกมาเคลื่อนไหว เป็นเวลาถึง 134 วัน แต่ในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถรวบรวมหลักฐานได้เพียงพอที่พิสูจน์ความผิด หรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาได้ แต่กลับมาจับกุมแล้วไปแสวงหาพยานหลักฐานมาสอบสวนในภายหลัง จึงขัดต่อเจตนารมณ์ การสอบสวนตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 ด้วย ขณะที่เรื่องของหมายจับนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับของศาลอุทธรณ์อยู่
** "มหาจำลอง"ยัน ไม่ใช่กบฏ
จากนั้นเวลา 12.20 น. พล.ต.จำลอง ขึ้นเบิกความยืนยันว่า ไม่ได้กบฏตามที่ถูกตั้งข้อหา การตั้งข้อหากบฏเป็นข้อหาเลื่อนลอย ปราศจากเหตุผล และข้อมูลสนับสนุน กับทั้งเป็นการสวนทางกับการปฏิบัติจริงของผู้ต้องหาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง มิใช่เพื่อประเทศชาติ อีกทั้งเป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมลาออก เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศหลายกรณี การต่อสู้ของพันธมิตรฯที่ผ่านมาไม่มีเจตนาหรือปรากฏว่าใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญแต่อย่างใด ข้อหากบฏจึงปราศจากความจริง
ขณะที่นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความในฐานะกรรมการสิทธิมนุษยชนสภาทนายความ เบิกความสรุปว่า ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.51 จนปัจจุบัน กระทั่งมีการขอออกหมายจับในวันที่ 27 ส.ค.51 เท่าที่พิจารณาเหตุผลการขอหมายจับขัดต่อข้อเท็จจริงหลายประการ ทั้งเรื่องการสะสมอาวุธที่จนถึงปัจจุบันยังไม่ปรากฏหลักฐานใดๆชัดเจนว่ากลุ่มพันธมิตรฯ มีการสะสมอาวุธ ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการล้มล้างรัฐธรรมนูญก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง อีกทั้งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯยังมีเป้าหมายคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องของรัฐบาล ซึ่งสรุปได้ว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเป็นไปเพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญ ส่วนที่มีการตั้งข้อหากบฏ กลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยประกาศตัวว่าจะแย่งชิงอำนาจการบริหารปกครองประเทศจากรัฐบาลแต่อย่างใด แต่เป็นการออกมาปฏิเสธการบริหารงานของรัฐบาลซึ่งไม่ได้ดำเนินการตามหลักนิติรัฐ และเป็นการเคลื่อนไหวปกป้องแผ่นดินไทยจากกรณีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหาร ทั้งยังไม่ปรากฏว่ามีการแบ่งแยกราชอาณาจักรแต่อย่างใด เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าการตั้งข้อหากบฏกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯมีเจตนามุ่งสลายการชุมนุมเป็นหลัก ซึ่งหากพบว่ากลุ่มพันธมิตรฯเป็นกบฏจริง ย่อมต้องเข้าสลายการชุมนุมทันที นอกจากนี้ยังไม่ปรากฏมีหน่วยงานด้านความมั่นคงใด ระบุว่ากลุ่มพันธมิตรฯมีการกระทำที่เป็นกบฏ ดังนั้นการอาศัยหมายจับเพื่อเข้าจับกุมผู้ต้องหาจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ด้านพนักงานสอบสวนได้แถลงโต้แย้งว่า การที่ทนายความผู้ต้องหาแย้งว่าการขอออกหมายจับและการจับกุมผู้ต้องหาไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้ต้องหาได้ยื่นอุทธรณ์เพิกถอนหมายจับไปยังศาลอุทธรณ์ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำความเห็นแย้งแล้วนั้น ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งถอนหรือระงับหมายจับแต่อย่างใด ทำให้หมายจับยังมีผลอยู่ เมื่อพนักงานสอบสวนพบตัวผู้ต้องหาซึ่งหน้าจึงต้องเข้าดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่แย้งว่าการสอบสวนไม่ได้ดำเนินการโดยพนักงานสอบสวนสน.สามเสน เจ้าของพื้นที่การจับกุม ก็เนื่องจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้มีคำสั่งแต่งตั้งชุดพนักงานสอบสวนในคดีนี้ไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. ซึ่งมีการอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา
อย่างไรก็ตามศาลได้นัดพิจารณาคำร้องคัดค้านการจับกุมตัวพล.ต.จำลอง ไปเป็นวันนี้ (7 ต.ค.) เวลา 14.00 น.
**ยกคำร้องปล่อยตัว"ไชยวัฒน์"
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 15.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 701 ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งกรณีที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ขอให้ปล่อยตัว เนื่องจากถูกคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 กรณีที่ถูกตำรวจจับกุมตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 2521/2551 และถูกพนักงานสอบสวนนำตัวมายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากนายไชยวัฒน์มีความเห็นว่า กลุ่มพันธมิตรฯ และผู้ต้องหาที่ 1-9 ได้ยื่นอุทธรณ์ขอเพิกถอนหมายจับต่อศาลอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ได้รับคำอุทธรณ์ไว้แล้ว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณา การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับดังกล่าวมาจับกุม จึงเป็นการจับกุมโดยมิชอบ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้ว่านายไชยวัฒน์จะอ้างว่า ศาลอุทธรณ์รับคำอุทธรณ์ขอเพิกถอนหมายจับไว้แล้ว จึงเป็นเหตุให้หมายจับไม่สามารถนำมาใช้ได้เป็นการชั่วคราว แต่เมื่อขณะนี้ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงหมายจับเป็นอย่างอื่น และยังไม่มีคำวินิจฉัยให้เพิกถอนหมายจับหรือไม่ ดังนั้น จึงทำให้หมายจับของศาลอาญายังคงมีผลบังคับใช้อยู่ต่อไป คำร้องของผู้ต้องหาจึงไม่มีมูล ให้ยกคำร้อง
ภายหลังศาลอาญายกคำร้อง นายไชยวัฒน์ ซึ่งถูกสวมกุญแจมือ อยู่ในชุดผู้ต้องขังถูกนำตัวสีน้ำตาล สวมรองเท้าแตะ ไปควบคุมไว้บริเวณใต้ถุนศาล เพื่อเตรียมนำตัวกลับไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯประมาณ 100 คน เดินทางมาให้กำลังใจ
** "จงรัก"ยันไม่มีใบสั่งจับ"จำลอง"
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร.(ปป 3) กล่าวถึงการจับกุมตัวพล.ต.จำลอง ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการสั่งการจากรัฐบาล และไม่ได้มีการวางแผนในการจับกุมแต่อย่างใด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่พล.ต.จำลอง ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศว่าจะไม่ออกมาใช้สิทธิ แต่เมื่อออกมาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีหมายจับของศาลอยู่ โดยหมายจับระบุไว้ชัดเจน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวพล.ต.จำลองมาดำเนินคดี
นายเจือ ราชสีห์ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า การที่ตำรวจจับกุม พล.ต.จำลอง และนายไชยวัฒน์ และการปล่อยให้ 3 นักจัดรายการความจริงวันนี้จัดรายการด่าองค์กรอิสระและฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับพวกตัวเอง ทางสถานีโทรทัศน์ NBT สะท้อนให้เห็นธาตุแท้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้มีความจริงใจในการทำสมานฉันท์ตามที่พูดไว้แม้แต่น้อย เช่นเดียวกับการจะตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ เพียงต้องการสร้างภาพเพื่อซื้อเวลาให้กับตัวเองและรัฐบาลเท่านั้น และจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะอาชีพตำรวจเป็นอาชีพหนึ่งที่ทำตามใบสั่งนายดีที่สุด

**ปฎิเสธจำลองมีแผนให้ถูกจับ
นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การที่ พล.ต.จำลอง ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ไม่ได้เป็นแผนการปลุกระดมของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือเรียกคนให้ออกมาชุมนุมมากๆ แต่เป็นหน้าที่ของพลเมืองที่ทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศไทย พล.ต.จำลอง ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของประชาชนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามท่านจะต้องออกไปใช้สิทธิของคนไทยคนหนึ่งที่พร้อมจะตายไปกับความถูกต้อง รัฐบาลเป็นคนกำหนดเกมและสร้างให้เกิดความขัดแย้งในสังคมให้มากขึ้น
ส่วนกรณี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นายทหาร จปร.7 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.จำลอง ออกมาระบุว่า พล.ต.จำลองออกไปเพราะอยากให้ตำรวจจับนั้น นายพิภพ กล่าวว่า เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างเพื่อนด้วยกัน ซึ่ง พล.ต.จำลอง คงจะโทรศัพท์คุย เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันแล้ว ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ถึงแม้ว่ามีการจับแกนนำ จุดยืนของพันธมิตรฯ ยังไม่เปลี่ยนแปลงจะต้องไล่รัฐบาลออกไปให้ได้และการยึด ทำเนียบรัฐบาลถือเป็นจุดสุดยอดแล้วจะไม่มีการถอยออกจาก ทำเนียบอย่างเด็ดขาด
**จิ๋วเชื่อมหาไม่ได้เตรียมการให้ถูกจับ
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ตำรวจจับกุม พล.ต.จำลองว่า ความจริงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตนได้มีการติดต่อพูดคุยกับพล.ต.จำลอง และพล.ต.จำลองเป็นคนห้ามไม่ให้ตนเข้าไปพบในทำเนียบรัฐบาล และยืนยันว่าพล.ต.จำลอง ไม่ได้มีการเตรียมการอะไรแต่ในฐานะพลเมืองที่ต้องออกมาลงคะแนนเสียง ไม่มีแผนการอย่างอื่น ตนจึงอยากให้ทุกคนรู้จัก พล.ต.จำลองให้ดี ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปฏิบัติตามหน้าที่ไม่ได้มีอะไรลับหลัง
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าวันนี้เกียรติภูมิของชาติถูกกระทบเพราะเรายังไม่มีการกำหนดแนวทางหรือเวลา ที่จะจบเราต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องและดำเนินการในการแก้ไขปัญหา หากเราตั้งตัวได้ในครั้งนี้ทุกอย่างก็คงจะไปโลด ยืนยันว่าไม่มีใครมาเจาะยางตนได้ เพราะถึงจะเจาะก็เจาะไม่ได้เพราะยางมันตัน ทุกคนมีความปรารถนาดี ต่อบ้านเมือง ที่ทำงานนี้ไม่ได้ เพราะพล.อ.ชวลิต มันห่วย มันไม่ได้เรื่อง ทุกคนทำดีที่สุด ความสุขและเกียรติยศชื่อเสียงของชาติรอเราอยู่ เชื่อว่าการเจรจาจะเป็นไปด้วยดี ไม่มีทางที่จะมีใครเสียศักดิ์ศรีหรือมีผู้แพ้ ผู้ชนะ คนไทยอยู่ด้วยกันบ้านเมืองต้องชนะ ความจริงกลุ่มพันธมิตรฯก็ไม่อยากอยู่ในทำเนียบ เพราะรู้ดีว่าตรงนั้นเป็นเกียรติภูมิของชาติ ไม่ใช่ของรัฐบาล
**ไกรศักดิ์เชื่อโหมไฟให้รุนแรงขึ้น
นายไกรศักดิ์ ชุนหะวัณ ส.ส.สัดส่วน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การจับ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง ไม่สามารถทำให้การชุมนุม อ่อนแอลงได้ แต่ยิ่งทำให้สถานการณ์ปะทุอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์อยู่ในช่วงสงบ เพราะขณะนี้มีผู้เข้ามาร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้นและคนจากต่างจังหวัดก็ทยอยเข้ามา สมทบด้วย จะเห็นได้ว่าการจับพล.ต.จำลองจะนำสู่ความรุนแรง ตัวอย่างเช่นเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ เมื่อ 16 ปีที่แล้ว การจับพล.ต.จำลองก็นำสู่ความรุนแรงทันที
**แฉกลุ่มเพื่อนเนวินอยู่เบื้องหลัง
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การจับกุมแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กับกรณีที่ สภาผู้แทนฯ บรรจุวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับของคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ซึ่งมี นพ.เหวง โตจิราการ เป็นแกนนำ เป็นเรื่องเร่งด่วน มีความเชื่อมโยงกัน เพราะเป็นจังหวะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กำลังประชุมร่วม 4 ฝ่ายเพื่อหาทางออกให้บ้านเมือง ดังนั้น จึงเป็นเหมือนกระบวนการหักหน้าและดิสเครดิตนายสมชาย ซึ่งถ้าลองต่อจิ๊กซอก็จะพบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ออกคำสั่งให้จับกุมแกนนำพันธมิตรฯ นั้นขึ้นตรงกับรัฐมนตรีที่เป็นตำรวจกลุ่มเพื่อนเนวิน รวมทั้ง กรณีที่ประธานสภาฯ ซึ่งเป็นผู้บรรจุวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเร่งด่วนนั้นก็อยู่กลุ่มเพื่อนเนวิน ดังนั้น นายสมชาย ต้องไปคิดดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป ในเมื่อมีบุคคลที่จ้องจะเล่นงานอยู่ใกล้ๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น