เมื่อเวลา10.00 น. วานนี้ ( 6 ต.ค.) ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว. อาทิ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. นายตวง อันทะไชย พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ร่วมกันหารือกรณีข้อเสนอการแก้วิกฤตการเมืองด้วยการตั้ง ส.ส.ร.3 เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550
จากนั้นคณะ40 ส.ว. ร่วมกันแถลงคัดค้านการแก้วิกฤตการเมืองด้วยวิธีการดังกล่าว โดยนายตวง กล่าวว่า การดำเนินการของรัฐบาลขณะนี้กำลังจะนำไปสู่ทางตันของประเทศอีกครั้ง เพราะแทนที่รัฐบาลจะแสดงความจริงใจในการปรองดองคนในชาติ แต่ปรากฏว่ามีการจับกุมแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ มือขวาบอกว่า จะลดเงื่อนไขความขัดแย้ง แต่มือซ้าย กลับจับกุมแกนนำผู้ชุมนุม แล้วบอกว่าจะให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี มาเจรจากับพันธมิตรฯ ถามว่าทำแบบนี้แล้วจะเจรจากันได้อย่างไร
**จวกเกมแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแม้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลบอกจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง แต่กลับนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ที่นำโดย นพ.เหวง โตจิราการ เข้าสู่กระบวนการรัฐสภา ถือเป็นการสร้างความแตกแยกที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบโดยตรง เพราะรัฐบาลบรรจุเรื่องการสร้างความสมานฉันท์ในการแถลงนโยบายของรัฐบาล จึงถือว่าไม่จริงใจในการแก้ปัญหา
"แม้จะชนะทางการเมือง แต่ประเทศกำลังเสียหายหนัก ตอนนี้รัฐบาลทำให้ประชาชนมั่นใจไม่ได้เลยว่า จะไม่มีการปิดสนามบิน ปิดส่วนราชการ คณะส.ว.เป็นห่วง จึงเรียกร้องให้รัฐบาลจริงใจแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้ต่อยอดความแตกแยกโดย ส.ว.มองว่าการแก้รัฐธรรมนูญแก้วิกฤตไม่ได้" นายตวงกล่าว
ด้านน.ส.รสนา กล่าวว่าปัญหาความขัดแย้งเริ่มจากการที่ฝ่ายการเมืองมุ่งแก้รัฐธรรมนูญ 50 ทำให้พันธมิตรฯ ออกมาประท้วงคัดค้าน เพราะมองเห็นว่า เป็นการทำเพื่อปลดล็อกคดีต่างๆ ของตัวเอง เช่น คดียุบพรรค หรือคดีทุจริตของอดีตนายกฯ ถึงตอนนี้สังคมเหมือนจะยอมรับการแก้วิกฤตด้วยการมี ส.ส.ร. 3 แต่เมื่อประธานสภานำร่างฯ ของ คปพร. เข้าสู่กระบวนการรัฐสภา ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า เป็นเกมการเมือง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุในจดหมายก่อนหนีออกนอกประเทศว่า ต้องแก้ด้วยการเมือง ฉะนั้นไม่ว่าจะตั้งส.ส.ร. 3 หรือ เอาร่างของ คปพร.มา ปัญหาความขัดแย้งของประเทศจะยิ่งลุกลามรุนแรง เพราะชัดเจนว่าการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเกมเพื่อแก้ปัญหาของพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น
**ระบุ"ชัย"ส่อทำผิดรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ คณะส.ว.เห็นด้วยกับ นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธาน ส.ส.ร.40 ที่แม้ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 50 แต่ก็ระบุว่าไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญ 50 ตอนนี้ แต่ควรใช้ไป 3 ปีก่อน ทั้งนี้การมี ส.ส.ร. 3 จะกลายเป็นการใช้เสียงส่วนใหญ่ในสภาล็อกสเปก เป็นเกมยาว ส่วนเกมสั้นคือ ใช้ร่างของคปพร.
"นอกจากนี้ ประธานสภาอาจทำผิดรัฐธรรมนูญ เพราะการที่ประชาชนแม้เข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย แม้จะเอากฎหมายประกอบปี 42 มาใช้แทนก็ไม่ได้ เพราะข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญ 50 ต่างจากของปี 40 รวมถึงมาตรา 291 ไม่ได้ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ร่าง คปพร. ถือเป็นการเอาฉบับปี 40 กลับมาใช้ เท่ากับยกเลิกฉบับ 50 ถือเป็นรัฐประหารเงียบ แต่ประธานสภาก็บรรจุเข้าวาระการประชุมรัฐสภา" น.ส.รสนา กล่าว
ส่วนพ.ท.กมล กล่าวว่าที่ประธานสภานำร่าง รธน.ฉบับหมอเหวง เข้าสู่วาระการประชุม ทำให้ยิ่งเกิดความแตกแยกรุนแรง ทั้งนี้การจะแก้รัฐธรรมนูญต้องศึกษา แต่ฝ่ายรัฐบาลอยู่ๆ จะมาแก้ โดยใช้เกมเสียงข้างมาก ทั้งที่รัฐธรรมนูญมีเพื่อคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อนักการเมืองเสียงข้างมาก ฉะนั้นตอนนี้ไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญด้วยวิธีการใด
ขณะที่นายสมชาย กล่าวว่า การตั้ง ส.ส.ร.3 ไม่ใช่ทางแก้ที่ถาวร แต่การแก้ที่ถาวรคือ มีคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาปฏิรูปสังคมทั้งหมด โดยอาจนำผู้ที่ไม่มีส่วนได้เสียทางการเมืองมาเป็นคณะกรรมการประมาณ 10 กว่าคน เช่น อดีตประธานศาลฎีกา อดีตนายกฯ ประธานทีดีอาร์ไอ นักวิชาการ สื่อ อดีตข้าราชการ อดีตประธาน ส.ส.ร. เป็นต้น ซึ่งคล้ายข้อเสนอของ 24 อธิการบดี จากนั้นก็ให้เวลาคณะกรรมการพิเศษทำงาน เมื่อได้ข้อมูลมาก็ถามประชามติประชาชนว่า จะให้ดำเนินการเรื่องนั้นๆ ดีหรือไม่ โดยคณะกรรมการนี้ ผู้นำ 4 ฝ่าย คือ ประธานสภา ประธานวุฒิสภา นายกฯ ผู้นำฝ่ายค้าน อาจตกลงกัน และตั้งในนามรัฐสภา มีเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า มาเป็นเลขาฯคณะกรรมาการชุดนี้ จึงขอให้ผู้นำ 4 ฝ่าย ที่จะหารือกันเย็นนี้ ทบทวนเรื่องส.ส.ร. 3 และพิจารณาเรื่องคณะกรรมการพิเศษด้วย
**จี้นายกฯจับ"แม้ว"มาขึ้นศาล
เมื่อถามว่า หากสถานการณ์ไปถึงจุดตีบตัน นายกฯ ควรยุบสภาหรือไม่ น.ส.รสนา กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ ก็รับผิดชอบด้วยการยุบสภา ทั้งนี้นายกฯ ที่เป็นน้องเขย อดีตผู้นำ ถ้าไม่มีสถานะนี้ จะเป็นนายกฯได้หรือไม่ แถมยังไปเคารพบรรพบุรุษด้านภรรยาแล้วประกาศว่า อดีตผู้นำเป็นคนดี ต้องตอบแทน สะท้อนว่า การเข้ามาครั้งนี้เป็นร่างทรงเข้ามาปลดล็อกให้อดีตผู้นำ วันนี้คดีต่างๆเริ่มชัดแล้ว อดีตผู้นำพอจะแพ้จึงหนีไปต่างประเทศ การแก้ปัญหาวิกฤตประเทศจึงอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายกับทุกฝ่ายอย่างยุติธรรม โดยจับแกนนำพันธมิตรฯ และจับพ.ต.ท.ทักษิณ มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่จะมาแก้รัฐธรรมนูญแบบปากว่าตาขยิบ จนประชาชนหมดความเชื่อถือ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้มีปัญหากับประชาชน แต่มีปัญหากับนักการเมืองเท่านั้น
นอกจากนี้การมีคณะกรรมการพิเศษน่าจะเป็นทางออก เหมือนที่นายมารุต บุนนาค ประธานสภา เคยตั้งนพ.ประเวศ วะสี ก่อนมี ส.ส.ร. 1 หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นคณะกรรมการสมานฉันท์ แต่ทั้งนี้ต้องไม่แตะ มาตรา 291
**ออกแถลงการณ์ จุดยืน 5 ข้อ
ผู้สื่อข่าวรายด้วยว่า คณะ40 ส.ว. ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า คณะส.ว.มีความเห็นต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน 5 ประเด็นดังต่อไปนี้
1. ขณะที่นายกฯให้พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ทำหน้าที่ช่วยคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งโดยส่งตัวแทนไปเจรจากับพันธมิตรฯ แต่ถ้าเกิดการจับกุมกับพันธมิตรฯ 2 คน ส่งผลให้ล้มโต๊ะการเจรจา ปิดทางแห่งการปรองดองสมานฉันท์ ทำให้การเกิดการเผชิญหน้าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
2. การจับกุม พล.ต.จำลอง ศรีเมืองโดยตั้งข้อหากบฏ ถือว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุ ไม่ใช่การดำเนินการตามกระบวนการปกติของกฎหมาย แต่เป็นปฎิบัติการเพื่อตอบสนองแนวทางของฝ่ายการเมือง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ เพราะจะทำให้เกิดวิกฤตการณ์เผชิญหน้าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
3. รัฐธรรมนูญ 50 ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย การเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง ที่จะถูกตัดสินยุบพรรค เป็นการปลดล็อคให้อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้พ้นผิดจากคดีต่างๆ ซึ่งขณะนี้คดีมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นปก. เป็นการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย และยังไม่มีกฎหมายประกอบเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมา ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ในบอบช้ำมายิ่งขึ้น คณะส.ว.จึงขอคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างแข็งขัน หรือ การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ นพ.เหวง หรือการตั้ง ส.ส.ร.3 ก็ตาม
4. ปัญหาของประเทศมีขอบเขตกว้างไกล ทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคม การศึกษาวัฒนธรรม และความขัดแย้งในสังคม ปัญหาของประเทศจึงต้องปฎิรูปในมิติที่กว้างขวาง ด้วยการให้มีคณะกรรมการพิเศษ ที่เป็นอิสระขึ้นมาทำหน้าที่ปฎิรูปประเทศชาติในองค์รวม
5. รัฐบาลจะปรองดองสมานฉันท์ หรือต้องการให้เกิดการเผชิญหน้านำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งเป็นปมเงื่อนสำคัญอย่างยิ่ง คณะส.ว.เห็นร่วมกันว่า รัฐบาลควรลดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรง หากเกิดความรุนแรงใดๆขึ้น รัฐบาลผู้มีอำนาจหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
จากนั้นคณะ40 ส.ว. ร่วมกันแถลงคัดค้านการแก้วิกฤตการเมืองด้วยวิธีการดังกล่าว โดยนายตวง กล่าวว่า การดำเนินการของรัฐบาลขณะนี้กำลังจะนำไปสู่ทางตันของประเทศอีกครั้ง เพราะแทนที่รัฐบาลจะแสดงความจริงใจในการปรองดองคนในชาติ แต่ปรากฏว่ามีการจับกุมแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ มือขวาบอกว่า จะลดเงื่อนไขความขัดแย้ง แต่มือซ้าย กลับจับกุมแกนนำผู้ชุมนุม แล้วบอกว่าจะให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี มาเจรจากับพันธมิตรฯ ถามว่าทำแบบนี้แล้วจะเจรจากันได้อย่างไร
**จวกเกมแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแม้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลบอกจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง แต่กลับนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ที่นำโดย นพ.เหวง โตจิราการ เข้าสู่กระบวนการรัฐสภา ถือเป็นการสร้างความแตกแยกที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบโดยตรง เพราะรัฐบาลบรรจุเรื่องการสร้างความสมานฉันท์ในการแถลงนโยบายของรัฐบาล จึงถือว่าไม่จริงใจในการแก้ปัญหา
"แม้จะชนะทางการเมือง แต่ประเทศกำลังเสียหายหนัก ตอนนี้รัฐบาลทำให้ประชาชนมั่นใจไม่ได้เลยว่า จะไม่มีการปิดสนามบิน ปิดส่วนราชการ คณะส.ว.เป็นห่วง จึงเรียกร้องให้รัฐบาลจริงใจแก้ปัญหา เพื่อไม่ให้ต่อยอดความแตกแยกโดย ส.ว.มองว่าการแก้รัฐธรรมนูญแก้วิกฤตไม่ได้" นายตวงกล่าว
ด้านน.ส.รสนา กล่าวว่าปัญหาความขัดแย้งเริ่มจากการที่ฝ่ายการเมืองมุ่งแก้รัฐธรรมนูญ 50 ทำให้พันธมิตรฯ ออกมาประท้วงคัดค้าน เพราะมองเห็นว่า เป็นการทำเพื่อปลดล็อกคดีต่างๆ ของตัวเอง เช่น คดียุบพรรค หรือคดีทุจริตของอดีตนายกฯ ถึงตอนนี้สังคมเหมือนจะยอมรับการแก้วิกฤตด้วยการมี ส.ส.ร. 3 แต่เมื่อประธานสภานำร่างฯ ของ คปพร. เข้าสู่กระบวนการรัฐสภา ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า เป็นเกมการเมือง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุในจดหมายก่อนหนีออกนอกประเทศว่า ต้องแก้ด้วยการเมือง ฉะนั้นไม่ว่าจะตั้งส.ส.ร. 3 หรือ เอาร่างของ คปพร.มา ปัญหาความขัดแย้งของประเทศจะยิ่งลุกลามรุนแรง เพราะชัดเจนว่าการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเกมเพื่อแก้ปัญหาของพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น
**ระบุ"ชัย"ส่อทำผิดรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ คณะส.ว.เห็นด้วยกับ นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธาน ส.ส.ร.40 ที่แม้ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 50 แต่ก็ระบุว่าไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญ 50 ตอนนี้ แต่ควรใช้ไป 3 ปีก่อน ทั้งนี้การมี ส.ส.ร. 3 จะกลายเป็นการใช้เสียงส่วนใหญ่ในสภาล็อกสเปก เป็นเกมยาว ส่วนเกมสั้นคือ ใช้ร่างของคปพร.
"นอกจากนี้ ประธานสภาอาจทำผิดรัฐธรรมนูญ เพราะการที่ประชาชนแม้เข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย แม้จะเอากฎหมายประกอบปี 42 มาใช้แทนก็ไม่ได้ เพราะข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญ 50 ต่างจากของปี 40 รวมถึงมาตรา 291 ไม่ได้ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ร่าง คปพร. ถือเป็นการเอาฉบับปี 40 กลับมาใช้ เท่ากับยกเลิกฉบับ 50 ถือเป็นรัฐประหารเงียบ แต่ประธานสภาก็บรรจุเข้าวาระการประชุมรัฐสภา" น.ส.รสนา กล่าว
ส่วนพ.ท.กมล กล่าวว่าที่ประธานสภานำร่าง รธน.ฉบับหมอเหวง เข้าสู่วาระการประชุม ทำให้ยิ่งเกิดความแตกแยกรุนแรง ทั้งนี้การจะแก้รัฐธรรมนูญต้องศึกษา แต่ฝ่ายรัฐบาลอยู่ๆ จะมาแก้ โดยใช้เกมเสียงข้างมาก ทั้งที่รัฐธรรมนูญมีเพื่อคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เพื่อนักการเมืองเสียงข้างมาก ฉะนั้นตอนนี้ไม่ควรแก้รัฐธรรมนูญด้วยวิธีการใด
ขณะที่นายสมชาย กล่าวว่า การตั้ง ส.ส.ร.3 ไม่ใช่ทางแก้ที่ถาวร แต่การแก้ที่ถาวรคือ มีคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาปฏิรูปสังคมทั้งหมด โดยอาจนำผู้ที่ไม่มีส่วนได้เสียทางการเมืองมาเป็นคณะกรรมการประมาณ 10 กว่าคน เช่น อดีตประธานศาลฎีกา อดีตนายกฯ ประธานทีดีอาร์ไอ นักวิชาการ สื่อ อดีตข้าราชการ อดีตประธาน ส.ส.ร. เป็นต้น ซึ่งคล้ายข้อเสนอของ 24 อธิการบดี จากนั้นก็ให้เวลาคณะกรรมการพิเศษทำงาน เมื่อได้ข้อมูลมาก็ถามประชามติประชาชนว่า จะให้ดำเนินการเรื่องนั้นๆ ดีหรือไม่ โดยคณะกรรมการนี้ ผู้นำ 4 ฝ่าย คือ ประธานสภา ประธานวุฒิสภา นายกฯ ผู้นำฝ่ายค้าน อาจตกลงกัน และตั้งในนามรัฐสภา มีเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า มาเป็นเลขาฯคณะกรรมาการชุดนี้ จึงขอให้ผู้นำ 4 ฝ่าย ที่จะหารือกันเย็นนี้ ทบทวนเรื่องส.ส.ร. 3 และพิจารณาเรื่องคณะกรรมการพิเศษด้วย
**จี้นายกฯจับ"แม้ว"มาขึ้นศาล
เมื่อถามว่า หากสถานการณ์ไปถึงจุดตีบตัน นายกฯ ควรยุบสภาหรือไม่ น.ส.รสนา กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ ก็รับผิดชอบด้วยการยุบสภา ทั้งนี้นายกฯ ที่เป็นน้องเขย อดีตผู้นำ ถ้าไม่มีสถานะนี้ จะเป็นนายกฯได้หรือไม่ แถมยังไปเคารพบรรพบุรุษด้านภรรยาแล้วประกาศว่า อดีตผู้นำเป็นคนดี ต้องตอบแทน สะท้อนว่า การเข้ามาครั้งนี้เป็นร่างทรงเข้ามาปลดล็อกให้อดีตผู้นำ วันนี้คดีต่างๆเริ่มชัดแล้ว อดีตผู้นำพอจะแพ้จึงหนีไปต่างประเทศ การแก้ปัญหาวิกฤตประเทศจึงอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายกับทุกฝ่ายอย่างยุติธรรม โดยจับแกนนำพันธมิตรฯ และจับพ.ต.ท.ทักษิณ มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่จะมาแก้รัฐธรรมนูญแบบปากว่าตาขยิบ จนประชาชนหมดความเชื่อถือ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้มีปัญหากับประชาชน แต่มีปัญหากับนักการเมืองเท่านั้น
นอกจากนี้การมีคณะกรรมการพิเศษน่าจะเป็นทางออก เหมือนที่นายมารุต บุนนาค ประธานสภา เคยตั้งนพ.ประเวศ วะสี ก่อนมี ส.ส.ร. 1 หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นคณะกรรมการสมานฉันท์ แต่ทั้งนี้ต้องไม่แตะ มาตรา 291
**ออกแถลงการณ์ จุดยืน 5 ข้อ
ผู้สื่อข่าวรายด้วยว่า คณะ40 ส.ว. ออกแถลงการณ์ โดยระบุว่า คณะส.ว.มีความเห็นต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน 5 ประเด็นดังต่อไปนี้
1. ขณะที่นายกฯให้พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ทำหน้าที่ช่วยคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งโดยส่งตัวแทนไปเจรจากับพันธมิตรฯ แต่ถ้าเกิดการจับกุมกับพันธมิตรฯ 2 คน ส่งผลให้ล้มโต๊ะการเจรจา ปิดทางแห่งการปรองดองสมานฉันท์ ทำให้การเกิดการเผชิญหน้าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
2. การจับกุม พล.ต.จำลอง ศรีเมืองโดยตั้งข้อหากบฏ ถือว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุ ไม่ใช่การดำเนินการตามกระบวนการปกติของกฎหมาย แต่เป็นปฎิบัติการเพื่อตอบสนองแนวทางของฝ่ายการเมือง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ เพราะจะทำให้เกิดวิกฤตการณ์เผชิญหน้าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
3. รัฐธรรมนูญ 50 ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย การเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง ที่จะถูกตัดสินยุบพรรค เป็นการปลดล็อคให้อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ให้พ้นผิดจากคดีต่างๆ ซึ่งขณะนี้คดีมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นปก. เป็นการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย และยังไม่มีกฎหมายประกอบเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมา ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ในบอบช้ำมายิ่งขึ้น คณะส.ว.จึงขอคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างแข็งขัน หรือ การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ นพ.เหวง หรือการตั้ง ส.ส.ร.3 ก็ตาม
4. ปัญหาของประเทศมีขอบเขตกว้างไกล ทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคม การศึกษาวัฒนธรรม และความขัดแย้งในสังคม ปัญหาของประเทศจึงต้องปฎิรูปในมิติที่กว้างขวาง ด้วยการให้มีคณะกรรมการพิเศษ ที่เป็นอิสระขึ้นมาทำหน้าที่ปฎิรูปประเทศชาติในองค์รวม
5. รัฐบาลจะปรองดองสมานฉันท์ หรือต้องการให้เกิดการเผชิญหน้านำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งเป็นปมเงื่อนสำคัญอย่างยิ่ง คณะส.ว.เห็นร่วมกันว่า รัฐบาลควรลดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรง หากเกิดความรุนแรงใดๆขึ้น รัฐบาลผู้มีอำนาจหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้