xs
xsm
sm
md
lg

คนไทยควรอ่าน ถ้าไม่อยากให้ลูกหลานบ้านเมืองฉิบหาย (4)

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ไทยเรามีคำพูดว่า ขนมผสมน้ำยา แต่ฝรั่งเขาว่า People deserve their government แปลว่า ถ้าประชาชนเป็นอย่างไร ก็จะได้รัฐบาลอย่างนั้น

แปลว่า ประชาชนงก ก็จะได้รัฐบาลงก งกยังไง ก็งกแย่งกันกินจนกระเจิงไงล่ะ แย่งตำแหน่ง แย่งโครงการ แย่งงบประมาณ ถ้าไม่ได้ดังใจ ก็ฟาดงวงฟาดงากัดกันเองจนสภาฯ ล่ม

ประชาชนงี่เง่า ก็จะได้รัฐบาลงี่เง่า งี่เง่ายังไง ก็รู้อยู่แล้วว่าตนเป็นพรรคผิดกฎหมาย ยังงี่เง่าด้านหน้ามาตั้งรัฐบาล ก็รู้อยู่แล้วว่าตนต้องคำพิพากษามีคุก และคดีแขวนคอนับไม่ถ้วนยังงี่เง่าด้านหน้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่คำนึงถึงจริยธรรมและภาพลักษณ์ของประเทศอย่างใดทั้งสิ้น เท่านั้นยังไม่พอ ยังงี่เง่าด้านหน้าแต่งตั้งรัฐมนตรีหมาหางด้วนประเภทเดียวกับตน ไม่คำนึงถึงความถูกต้องดีงามหรือความรู้สึกของประชาชน สังคม และแม้กระทั่งในหลวง

พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ ทรงใช้ Royal Prerogative หรือพระราชอำนาจพิเศษแนะนำรัฐบาลว่าคนนั้นคนนี้อาจจะไม่เหมาะกับตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ หรือรัฐมนตรีไม่สมควรควบ 2 กระทรวง รวมทั้งไม่ทรงโปรดให้ยุบสภาฯ ก็มี แต่ในหลวงของเราท่านเหมือนพระ ท่านทรงยอมเจ็บ ตรัสว่าถ้าส่งมาเราก็เซ็น ปัญหาจึงอยู่ที่คนส่งว่าเป็นคนงกและงี่เง่าแค่ไหน และสำนักงานที่จะต้องตรวจสอบมีกี่ชั้น และมีขั้นตอนอย่างไร หรือว่าจะผลักภาระให้พระองค์ท่านลูกเดียว

ผมอยากถามผู้อ่านว่า ชาติไทยเป็นชาติของคนหน้าด้านหรือ ผมเคยตระเวนไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เห็นมนุษย์มาหลายชาติหลายภาษาต่างผิวต่างเผ่าพันธุ์ มองยังไงก็ไม่เห็นว่าชาวไทยหน้าด้านเท่าหรือมากกว่าชาติอื่น

แล้วทำไม เราจึงมีรัฐบาลหน้าด้าน ไม่ใช่หน้าด้านธรรมดาๆ โคตรหน้าด้าน

เมืองไทยตั้งแต่ปลายยุคของทักษิณมาจนถึงทุกวันนี้ รัฐบาลของนายสมัครกับรัฐบาลของนายสมชายทำไมจึงมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีโคตรหน้าด้านยั๊วเยียะไปหมด หน้าด้านระดับโลก หน้าด้านที่สุดในโลก ทำลายสถิติ ทิ้งอันดับสองหลายหมื่นช่วงตัว!

โอ้อนาถ รัฐบาลโคตรหน้าด้าน โดยเฉพาะไอ้พวกที่จบธรรมศาสตร์เป็นนักกฎหมาย เป็นผู้พิพากษาระดับสูง แกอ่านกฎหมายไม่ออกหรือไอ้แก่ ไอ้หนู แกลืมไปหรือว่าแกกับพวกมันผิดมีชนักติดหลัง แกไม่เห็นแก่หน้าตาภาพลักษณ์ประเทศชาติบ้างหรือ แกอดอยากปากแห้งรึไง จึงหน้าหนาหน้าทนผิดมนุษย์มะนา ตั้งหน้าสวาปามไม่มียางอายไร้สำนึก เกิดมาข้านึกไม่ถึงว่าจะได้เห็น อ้วก!

ครั้นผมจะสรุปสั้นๆ ว่า เรามีรัฐบาลหน้าด้าน เพราะประชาชนยากจน ไม่มีความรู้ จึงขายสิทธิขายเสียง ท่านผู้อ่านก็อาจจะเถียงว่า การเลือกตั้งของเราทุกสมัยเกือบ 30 ปีมาแล้ว ก็มีการซื้อเสียงขายเสียงทั้งนั้น ทำไมรัฐบาลชวนไม่หน้าด้าน รัฐบาลชวลิตก็ไม่ รัฐบาลบรรหารสงสัยแต่ก็ไม่โจ่งครึ่ม ผู้ที่เป็นตัวการในการซื้อสิทธิขายเสียงหรือหัวคะแนนก็ล้วนแต่มีการศึกษา เป็นครู กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พระสงฆ์องคเจ้า สมัยทักษิณยิ่งร้าย เขาว่าใช้ตำรวจเป็นผู้จ่ายเงินเลย อย่าว่าแต่คนบ้านนอก เจ้าสังเวียนอย่างพลตรีจำลอง ยังยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าในกรุงเทพฯ ก็มีการซื้อเสียงขายเสียงกันอย่างมโหฬารเช่นเดียวกัน

ถ้าเช่นนั้นเป็นเพราะอะไร เห็นจะต้องบอกแบบกำปั้นทุบดินว่า รัฐบาลไทยรักไทยและพลังประชาชนหน้าด้านเป็นพิเศษ เพราะความมูมมามตะกละตะกลามทั้งผลประโยชน์และอำนาจ ใช้ประชานิยมเป็นตัวล่อให้ประชาชนลุ่มหลง เปิดโอกาสให้เอาจำนวนประชากรเป็นตัวคูณสร้างโครงการใหญ่ๆ โกงกันอย่างเมามัน

ที่เป็นเช่นนั้นได้ เห็นจะเป็นเพราะมูลเหตุหลายอย่างเชื่อมโยงกัน กล่าวแต่โดยย่อ ดังต่อไปนี้

1. ลัทธิอุบาทว์ที่เป็นตัวเร่งบริโภควิสัยของสังคมไทย ได้แก่ ลัทธิตามพึ่งลัทธิตามน้ำ และ ลัทธิตามอย่าง ซึ่งแพร่ระบาดอยู่ในหมู่ประชาชนและข้าราชการทั่วไป

2. สื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟรีทีวี เผยแพร่ลัทธิข้างต้น แพร่ขยายน้ำเน่า ขาดคุณภาพ ข้อมูล ความรู้และหลักวิชา ทำการปกปิดบิดเบือนและมอมเมาประชาชน โดยมีรัฐบาลและกลไกของรัฐที่ล้าหลังคลั่งอำนาจและผลประโยชน์เป็นใจ ใช้และบังคับอยู่เบื้องหลัง

3. ความล้มเหลวของการศึกษาทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับมหาวิทยาลัย นักวิชาการ และปัญญาชนเกลียดคร้าน ไม่มีผลงาน ไม่เผยแพร่ความรู้หรือชี้แนะประชาชน มัวแต่วิ่งหากินหรือเลียแข้งเลียขาผู้มีอำนาจ

4. โครงสร้างพรรคการเมืองและระบบการเลือกตั้งผิดพลาดบกพร่อง ทำให้นายทุนชาติสามารถซื้อและควบคุมเจ้าพ่อท้องถิ่น ซึ่งสามารถซื้อและควบคุมผู้มีสิทธิออกเสียง พรรคทุกพรรคตั้งโดยหัวหน้าเพื่อประโยชน์ของหัวหน้าและพวกพ้อง กลายเป็นแก๊งเลือกตั้งหรือพรรคการเมืองชั่วคราวแบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้า”

5. ระบบราชการที่เคยเป็นกลางเสื่อมสภาพและศักดิ์ศรีการเป็นเครื่องมือทางการเมืองตามลัทธิอุบาทว์ไปเกือบทั้งสิ้น

ด้วยเหตุทั้งหมดนี้ และยังมีอีกมาก ระบอบหน้าด้านและระบอบทักษิณจึงเกิดขึ้นได้ และเติบโตกินบ้านกินเมืองไปเรื่อยๆ หลักการหลักวิชาใดๆ ที่นำมาอ้างโดยนักการเมือง นักวิชาการ สื่อ และระบบราชการล้วนแต่เข้าล็อกระบอบทักษิณทั้งสิ้น

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2519 ผมได้เขียนบทความ เข้าใจว่ายังหาอ่านได้ในผู้จัดการออนไลน์ ผมทำนายว่าทั้งๆ ที่มี คมช.แต่ระบอบทักษิณจะมีชัยชนะเหนือระบอบกษัตริย์ ยิ่งในตอนนี้ระบอบทักษิณกลับมาครองอำนาจรัฐ ด้วยความอ่อนด้อยไม่สมประกอบของกฎหมายและผู้รักษากฎหมาย ระบอบทักษิณจะเติบโตก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่มีหยุดยั้ง ถ้าไม่มีใครกล้าหยุดยั้ง

ในบทความนี้ตอนที่ 3 คุณ “พันธมิตรคนหนึ่ง” ตั้งคำถามว่า {{-ทักษิณเป็นคนเก่งและดี จริงหรือ?-}} ข้างล่างนี้เป็นคำตอบของท่านผู้ถาม

-{{ สรุป คือโกงน่ะเก่งจริง แต่ดีไม่จริง

อย่ามองคนแต่เปลือก หรือมองนโยบายแต่เปลือก มองให้ลึกให้เห็นข้างหลังบ้านเมืองก็ปกติดี ? จริงหรือ ?

ก็ยังไปทำงานได้ปกติและก็ได้เงินเดือนทุกเดือนปกติ หรือก็ยังขายของได้ทุกวัน มีออร์เดอร์ปกติ แล้ววันนึงประเทศไม่มีเหลือสภาพคล่อง ไม่มีเงิน ก็คือ ล้มละลาย ล่มจมเพราะการคอร์รัปชัน และการใช้เงินแบบขาดวิจารณญาณ สุรุ่ยสุร่าย วันนั้นข้าราชการอาจไม่มีเงินเดือนจ่าย เงินตกเบิกนาน (เคยเกิดแล้ว) สรรพากรต้องหาทางเก็บภาษีเข้มขึ้น ต้องปรับ Vat เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าย่อมแพงขึ้นอาจต้องขายรัฐวิสาหกิจให้ต่างชาติ ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่ารถเมล์ รถไฟ เครื่องบิน ทางด่วน ค่าแก๊ส ค่ายา ก็ต้องแพงขึ้น สินค้าก็ต้องปรับราคาขึ้น ค่าธรรมเนียมบริการต่างๆ ก็ขึ้นสรุปคือทุกอย่างแพงขึ้นแบบบ้าเลือด หรือที่เรียกว่า เงินเฟ้อพุ่งกระฉูด

เราต้องทำงานหนักขึ้น เครียดมากขึ้น สุขภาพแย่ลง เพียงเพื่อให้รายได้พอในการดำรงชีพไปวันๆ พออายุมากเกษียณแล้วไม่มีรายได้ เงินที่พอมีเก็บ ก็มีค่าลดลงเรื่อยๆ เพราะปัจจัยเงินเฟ้อ และไม่ได้รับสวัสดิการที่เหมาะสม เพราะรัฐไม่มีเงิน เพราะเงินที่ควรจะเป็นสวัสดิการ เงินที่ควรจะเอามาดูแลชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน ถูกสูบไปเข้ากระเป๋านักการเมืองขี้ฉ้อและกลุ่มทุนการเมืองตลอดเวลา จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกและหลาน โดยการเมืองน้ำเน่าแบบเก่าๆ+ระบอบทักษิณผ่านไปยังธนาคารสวิสและหมู่เกาะเคแมน สวรรค์ของนักฟอกเงิน

สังเกตว่า เวลามีเหตุการณ์ปฏิวัติ สงสัยมั้ย ทำไมนักการเมือง (ที่มีข่าวว่าขี้ฉ้อมากๆ) ต้องหนีออกนอกประเทศทันที ทั้งๆ ที่การใช้ชีวิตในต่างประเทศ ต้องใช้เงินจำนวนมาก ยิ่งไม่มีอาชีพการงาน ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า คนพวกนี้ มีทรัพย์สินที่ซุกซ่อนไว้ในต่างประเทศจำนวนมากเปรียบเทียบง่ายๆ ว่า ประเทศเหมือนไม้ยืนต้น แต่ตอนนี้ถูกกองทัพมดและปลวกเข้ากัดกินทำลายจากข้างใน ข้างนอกอาจจะยังพอดูได้ ยังมีใบ มีช่อดอก เปลือก ลำต้น แต่ในไม่ช้า (อาจในสมัยของลูกเราหลานเรา) ถ้าเรายังปล่อยให้มดปลวกเหล่านี้กัดกินไปเรื่อยๆ ต้นไม้ต้นนี้ก็ต้องล้มลงแน่ๆ ไม่เหลือใบเหลือดอกมดปลวกพวกนี้มันก็จะจากไปหาต้นไม้ต้นใหม่

ถ้าวันนี้เรายังนิ่งดูดาย ทำเป็นไม่เดือดร้อน ลูกหลานของเรา จะเป็นผู้ที่รับผลการกระทำของเรา อย่ามองแต่เปลือกภายนอก จงมองไปที่แก่นของปัญหา และช่วยกันแสดงพลังที่แท้จริงของประชาชน นี่จึงเป็นการเมืองภาคประชาชน ที่ได้เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ทั้งฉบับปี 2540 และ 50 ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตย 4 วินาที ไม่ใช่แค่กากบาทเสร็จแล้ว จากนั้นนักการเมืองจะทำอะไรก็ได้ จะขายชาติก็ยังได้ จงมาร่วมแรงร่วมใจแก้ไขความไม่ถูกต้อง เอาประเทศไทยของเราคืนมา อีกสิ่งหนึ่งที่พึงสังวรไว้ ต่างชาติก็เหมือนต้นไม้ต้นอื่น ย่อมต้องการสารอาหารจากดิน (ทรัพยากรผลประโยชน์) ของเรา การสนับสนุนให้เรามีประชาธิปไตยแบบเปลือกๆ มีนักการเมืองห่วยๆ การเมืองอ่อนแอ ก็จะเป็นประโยชน์กับเขา ให้เขามาล้วงเอาผลประโยชน์ไปได้ง่ายกว่า ฉะนั้น จงอย่าหูเบา เชื่อตามสิ่งที่ต่างชาติอยากให้เป็น โดยไม่พินิจพิเคราะห์ ประชาธิปไตยในแบบของตัวเอง สังคมตนเอง

การเมืองใหม่ ....จึงเป็นสิ่งที่ควรระดมสมองทุ่มเทเวลาและกำลังความคิด การต่อสู้ยังไม่จบ ....ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมที่ยาวนานที่สุด กลมเกลียวและมีสีสันที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก เรายังต้องการพลังเงียบ พลังที่รักความถูกต้อง พลังที่มีความกล้าหาญ พลังที่กล้ารับรู้ความจริง }}- จบคำตอบของคุณพันธมิตรคนหนึ่ง

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมยังมองไม่เห็นว่าการเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะการเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรากำจัดระบอบทักษิณ และรัฐบาลลูกกะโล่ผิดกฎหมายของสมชายได้เสียก่อน

ลำพังพันธมิตรฯ เห็นจะยาก นอกจากจะมีการโหมกำลังเข้าช่วยจากกองทัพ ข้าราชการ พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกอาชีพ ทุกองค์กรอย่างพร้อมเพรียง
กำลังโหลดความคิดเห็น