นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณี กกต. เลื่อนการพิจารณาลงมติสำนวนทุจริตเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ออกไป ว่า เนื่องจากนาง สดศรี สัตยธรรม กกต. ติดภารกิจไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ แม้ กกต.ที่เหลือ 4 คน จะถือว่าครบองค์ประชุมสามารถลงมติได้ แต่เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ประกอบกับที่ผ่านมา กกต.มีมติให้อนุกรรมการสอบสวนพยานเพิ่มเติมก็เป็นมติจากที่ประชุม กกต. 5 คน
ขอยืนยันว่า กกต.ไม่ได้ยื้อเรื่องให้ล่าช้า และไม่ได้มีความขัดแย้งภายใน กกต.5 คน และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรารอให้กกต.อยู่ครบทั้งหมดก่อนลงมติ คาดว่าจะวินิจฉัยได้ภายในเดือนต.ค.นี้ อีกทั้งนางสดศรีก็ไปแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น ไม่ได้เสียหายอะไร กลับมาจากสหรัฐอเมริกาก็คงจะวินิจฉัยได้เลยไม่มีปัญหา เพราะเรื่องดังกล่าวอยู่ในวาระแล้ว โดยที่ประชุมจะพิจารณาว่าจะยุติการสอบพยานหรือไม่ หลังจากให้สอบพยานเพิ่ม 7 ปาก แต่มาให้การจริงเพียง 3 ปากจากนั้นค่อยพิจารณาว่า สำนวนที่มีอยู่เพียงพอต่อการวินิจหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาที่ไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ เนื่องจากว่า ในแต่ละวันจะมีการบรรจุวาระในเรื่องต่างๆไว้แล้ว เช่น การพิจารณา ผลการเลือกตั้งท้องถิ่น สำนวนร้องเรียนและร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.
ทั้งนี้นางสดศรีมีกำหนดเดินทางไปดูงานการเลือกตั้งที่สหรัฐอเมริกาในช่วงวันที่ 5-16 ต.ค. เมื่อเดินทางกลับมาคาดว่าเรื่องดังกล่าวน่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมกกต.ในสัปดาห์ถัดไปคือประมาณวันที่ 21 ต.ค.
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ต. เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ ร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องการพิมพ์บัตรเลือกตั้งส.ส.เกิน ซึ่ง กกต.ได้มีการตั้งนายปกครอง สุนทรสุทธิ์ ผู้ตรวจการ กกต. เป็นประธานกรรมการ สอบข้อเท็จจริง ว่า การสอบเสร็จสิ้นแล้วและได้เสนอ กกต.พิจารณาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยกกต.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการฯเสนอโดยมีมติยกคำร้องและให้ยุติเรื่อง เนื่องจากว่า ไม่ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า มีเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง หรือผู้ใด กระทำการจงใจไม่ปฏิบัติต่อหน้าที่ ทุจริต หรือกระทำการอื่นใด เพื่อขัดขวางไม่ให้การเป็นไปตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ หรือคำสั่งของ กกต.และไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดทำลาย ทำให้เสียหาย ทำให้เปลี่ยนสภาพ หรือทำให้ไร้ประโยชน์ หรือนำไปซึ่งบัตรเลือกตั้ง โดยไม่มีอำนาจ โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีการกระทำอันฝ่าฝืนตามมาตรา 20 และมาตรา 80 พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มา ซึ่ง ส.ว.แต่อย่างใด
หลักจากนี้ก็จะมีการจัดทำสำเนาพร้อมยกร่างคำวินิจฉัยแจ้งกลับไปยัง พล.ต.ต.เสวก ป.ป.ช., สตง. พร้อมกันนี้จะมีการจัดทำวีซีดีขั้นตอนการจัดพิมพ์บัตรตั้งแต่การประกวดราคาที่กว่าจะได้บริษัทเข้ามาดำเนินการ การจัดเก็บควบคุมดูแล ความยาว 19 นาที แจกจ่ายให้ กกต.จังหวัดและสื่อทุกแขวง เพื่อให้สังคมได้รับทราบ และเข้าใจถึงความโปร่งใสในการปฏิบัติของ กกต. เพื่ออนาคตจะได้ไม่ถูกนำมาเป็นประเด็นการเมืองที่รุนแรงเหมือนในครั้งนี้
ส่วนที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ยังสอบเรื่องนี้อยู่ทางกกต.ก็ได้จัดทำเอกสารบางส่วนส่งตามที่ร้องขอมายังประธานกกต.แล้ว ไม่ได้ชักช้าอย่างที่ กล่าวหา ซึ่งกกต.ยังพร้อมให้ความร่วมมือแม้ว่าทางกกต.เองจะยุติการตรวจสอบ แล้วก็ตาม แต่ทั้งนี้ขอตั้งข้อสังเกตว่า ระยะเวลาในการตรวจสอบของดีเอสไอเกิน 30 วันนับจากวันที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่น่าจะมีอำนาจตรวจสอบ เรื่องดังกล่าวอีก
การทำงานต้องทำให้ถูกต้องทางกฎหมาย อย่าทำตามอำนาจทางการเมือง เพราะหน่วงงานใดที่ทำตามอำนาจทางการเมือง ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตาม ทางการเมือง หากหน่วงงานใดทำงานด้วยความโปร่งใส เมื่ออำนาจการเมือง พ้นไปแล้วหน่วงงานนั้นก็จะยังคงอยู่ แต่การหน่วยงานใดทำตามอำนาจการเมืองก็จะอยู่ไม่ได้”
สำหรับที่มีการร้องเรียนว่ามีบัตรเลือกตั้งหายไปจนเป็นเหตุให้มีการกล่าวหา กกต.ต่อดีเอสไอนั้น นายสมชาติ เจศรีชัย รองเลขาธิการ กกต.ด้านบริหารกลาง ในฐานะเป็นประธานในการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่า ผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย มีอยู่ด้วยกัน 2-3 คน ซึ่งได้เสนอผลสรุปถึง กกต.แล้ว ขึ้นอยู่ กับ กกต.ว่าจะดำเนินการอย่างไร จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยหรือไม่
เรื่องนี้จะเชื่อมโยงไปคนที่นำ เรื่องไปร้องต่อ ดีเอสไอ เนื่องจากบัตรเลือกตั้ง ที่ถูกนำไปร้องต่อ ดีเอสไอ นั้น ไม่ใช่บัตรเลือกตั้งใน กรุงเทพฯ แต่เป็นของจ.ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และนครราชสีมา เพราะฉะนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในกรุงเทพฯ
ขอยืนยันว่า กกต.ไม่ได้ยื้อเรื่องให้ล่าช้า และไม่ได้มีความขัดแย้งภายใน กกต.5 คน และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรารอให้กกต.อยู่ครบทั้งหมดก่อนลงมติ คาดว่าจะวินิจฉัยได้ภายในเดือนต.ค.นี้ อีกทั้งนางสดศรีก็ไปแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น ไม่ได้เสียหายอะไร กลับมาจากสหรัฐอเมริกาก็คงจะวินิจฉัยได้เลยไม่มีปัญหา เพราะเรื่องดังกล่าวอยู่ในวาระแล้ว โดยที่ประชุมจะพิจารณาว่าจะยุติการสอบพยานหรือไม่ หลังจากให้สอบพยานเพิ่ม 7 ปาก แต่มาให้การจริงเพียง 3 ปากจากนั้นค่อยพิจารณาว่า สำนวนที่มีอยู่เพียงพอต่อการวินิจหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาที่ไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ เนื่องจากว่า ในแต่ละวันจะมีการบรรจุวาระในเรื่องต่างๆไว้แล้ว เช่น การพิจารณา ผลการเลือกตั้งท้องถิ่น สำนวนร้องเรียนและร้องคัดค้านผลการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.
ทั้งนี้นางสดศรีมีกำหนดเดินทางไปดูงานการเลือกตั้งที่สหรัฐอเมริกาในช่วงวันที่ 5-16 ต.ค. เมื่อเดินทางกลับมาคาดว่าเรื่องดังกล่าวน่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมกกต.ในสัปดาห์ถัดไปคือประมาณวันที่ 21 ต.ค.
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ต. เสวก ปิ่นสินชัย อดีตผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ ร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องการพิมพ์บัตรเลือกตั้งส.ส.เกิน ซึ่ง กกต.ได้มีการตั้งนายปกครอง สุนทรสุทธิ์ ผู้ตรวจการ กกต. เป็นประธานกรรมการ สอบข้อเท็จจริง ว่า การสอบเสร็จสิ้นแล้วและได้เสนอ กกต.พิจารณาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยกกต.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการฯเสนอโดยมีมติยกคำร้องและให้ยุติเรื่อง เนื่องจากว่า ไม่ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า มีเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง หรือผู้ใด กระทำการจงใจไม่ปฏิบัติต่อหน้าที่ ทุจริต หรือกระทำการอื่นใด เพื่อขัดขวางไม่ให้การเป็นไปตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ หรือคำสั่งของ กกต.และไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดทำลาย ทำให้เสียหาย ทำให้เปลี่ยนสภาพ หรือทำให้ไร้ประโยชน์ หรือนำไปซึ่งบัตรเลือกตั้ง โดยไม่มีอำนาจ โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีการกระทำอันฝ่าฝืนตามมาตรา 20 และมาตรา 80 พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มา ซึ่ง ส.ว.แต่อย่างใด
หลักจากนี้ก็จะมีการจัดทำสำเนาพร้อมยกร่างคำวินิจฉัยแจ้งกลับไปยัง พล.ต.ต.เสวก ป.ป.ช., สตง. พร้อมกันนี้จะมีการจัดทำวีซีดีขั้นตอนการจัดพิมพ์บัตรตั้งแต่การประกวดราคาที่กว่าจะได้บริษัทเข้ามาดำเนินการ การจัดเก็บควบคุมดูแล ความยาว 19 นาที แจกจ่ายให้ กกต.จังหวัดและสื่อทุกแขวง เพื่อให้สังคมได้รับทราบ และเข้าใจถึงความโปร่งใสในการปฏิบัติของ กกต. เพื่ออนาคตจะได้ไม่ถูกนำมาเป็นประเด็นการเมืองที่รุนแรงเหมือนในครั้งนี้
ส่วนที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ยังสอบเรื่องนี้อยู่ทางกกต.ก็ได้จัดทำเอกสารบางส่วนส่งตามที่ร้องขอมายังประธานกกต.แล้ว ไม่ได้ชักช้าอย่างที่ กล่าวหา ซึ่งกกต.ยังพร้อมให้ความร่วมมือแม้ว่าทางกกต.เองจะยุติการตรวจสอบ แล้วก็ตาม แต่ทั้งนี้ขอตั้งข้อสังเกตว่า ระยะเวลาในการตรวจสอบของดีเอสไอเกิน 30 วันนับจากวันที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่น่าจะมีอำนาจตรวจสอบ เรื่องดังกล่าวอีก
การทำงานต้องทำให้ถูกต้องทางกฎหมาย อย่าทำตามอำนาจทางการเมือง เพราะหน่วงงานใดที่ทำตามอำนาจทางการเมือง ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตาม ทางการเมือง หากหน่วงงานใดทำงานด้วยความโปร่งใส เมื่ออำนาจการเมือง พ้นไปแล้วหน่วงงานนั้นก็จะยังคงอยู่ แต่การหน่วยงานใดทำตามอำนาจการเมืองก็จะอยู่ไม่ได้”
สำหรับที่มีการร้องเรียนว่ามีบัตรเลือกตั้งหายไปจนเป็นเหตุให้มีการกล่าวหา กกต.ต่อดีเอสไอนั้น นายสมชาติ เจศรีชัย รองเลขาธิการ กกต.ด้านบริหารกลาง ในฐานะเป็นประธานในการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ กล่าวว่า ขณะนี้ทราบแล้วว่า ผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย มีอยู่ด้วยกัน 2-3 คน ซึ่งได้เสนอผลสรุปถึง กกต.แล้ว ขึ้นอยู่ กับ กกต.ว่าจะดำเนินการอย่างไร จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยหรือไม่
เรื่องนี้จะเชื่อมโยงไปคนที่นำ เรื่องไปร้องต่อ ดีเอสไอ เนื่องจากบัตรเลือกตั้ง ที่ถูกนำไปร้องต่อ ดีเอสไอ นั้น ไม่ใช่บัตรเลือกตั้งใน กรุงเทพฯ แต่เป็นของจ.ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด และนครราชสีมา เพราะฉะนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งในกรุงเทพฯ