“วิฑูรย์” แจงอนุฯ กกต.ยันไม่มีแจกตั๋วภาพยนตร์ ช่วงมี พ.ร.ฏ.เลือกตั้ง แต่ไม่ยืนยันก่อนมี พ.ร.ฎ.เคยแจกหรือไม่ ซัดกลับ “หมัก” อย่าสวมบทหมอดู พยากรณ์องค์กรอื่นวินิจฉัย เพราะ ปชป.ไม่ได้ทำผิดเหมือน พปช.
วันนี้ (15 ส.ค.) นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นาย ศุภชัย ศรีหล้า นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ และนาย วิทวัส พันธ์นิกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขตเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าชี้แจงต่ออนุกรรมการสืบสวนสอบสวนสำนวนร้องคัดค้านการทุจริตเลือกตั้ง ในกรณีที่แจกคูปองเพื่อนำไปแลกบัตรชมภาพยนตร์ หรือนำไปขึ้นเงิน ในช่วงที่มีการปราศรัยในโรงหนังเนวาด้า จ.อุบลราชธานี โดยก่อนเข้าชี้แจง นายวิฑูรย์ ระบุว่า ที่มาชี้แจงต่ออนุกรรมการในวันที่ 15 ส.ค.ไม่ใช่เป็นการขอเลื่อนจากวันที่ 14 ส.ค.แต่ได้แจ้งกับอนุกรรมการไว้เช่นนั้น ดังนั้น ที่บอกว่า ตนยื้อเวลาจึงไม่ถูกต้อง เพราะได้ให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอด ทั้งระดับจังหวัดและส่วนกลาง อย่างไรก็ตามขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ระบุว่าได้จัดมหรสพ และมีการจัดฉายหนัง แจกตั๋วชมภาพยนตร์ เรื่องดังกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง ตนยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องและก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว
“ข้อกล่าวหาของ นายสมบัติ รัตโน เพื่อต้องการเชื่อมโยง ลากให้ผมเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้โดนใบแดง ยืนยันในวันดังกล่าว มีเพียงการแนะนำตัวผู้สมัคร นโยบายของพรรคเท่านั้น ไม่ได้มีการฉายภาพยนตร์ อื่นใด แต่ก็ยอมรับว่า ไม่ได้มี กกต.จังหวัดและสื่อมวลชนมาร่วมสังเกตการณ์ ที่ว่ามีการแจกตั๋วชมภาพยนตร์ ก็เป็นการนำตั๋วหนังตั้งแต่ปี 2518 มากล่าวอ้าง และเป็นช่วงก่อนที่ นายวิทวัส พันธ์นิกุล ผู้สมัครของพรรคที่ไม่ได้รับเลือกตั้ง จะเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยก่อนหน้านี้ นายวิทวัส เคยเป็นสมาชิกพรรคชาติไทย จึงขอยืนยันว่าไม่มีการแจกตั๋วหนังในช่วงที่พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง”
เมื่อถามว่า แล้วก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง มีการแจกตั๋วชมภาพยนตร์หรือไม่ นายวิฑูรย์ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว โดยยังคงยืนยันว่า ไม่มีการแจกตั๋วหนังในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง การกล่าวหาว่าตนอยู่ในเหตุการณ์ที่มีการแจกตั๋วหนังนั้นไม่เป็นความจริง ตนไม่มีส่วนรู้เห็น เพราะอยู่ไกลเหตุการณ์ อย่างไรก็ตาม ในการเข้าชี้แจงครั้งนี้ จะขอดูวีซีดีที่นายสมบัติ นำมาเป็นหลักฐานในการร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งของตน ว่า มีอะไรแตกต่างไปจากวีซีดีที่ตนนำมาหรือไม่ โดยภาพในวีซีดีที่ตนนำมาก็มีบันทึกภาพประมาณ 25 นาทีเช่นเดียวกันกับของ นายสมบัติ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวจะชัดเจน เพราะตนได้ฟ้องร้องดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทกับนายสมบัติแล้ว และศาลจะชี้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
นายวิฑูรย์ ยังฝากไปถึงรายการความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ที่เคยระบุว่า จะนำวีซีดีที่นายสมบัติอ้างถึงไปเปิดในรายการ แต่ก็ไม่มีการเปิดวีซีดีดังกล่าว ซึ่งตนเชื่อว่าที่รายการไม่กล้าเปิดเนื่องจากจะเป็นการโฆษณานโยบายให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือเป็นผลดีต่อพรรค
ส่วนการที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า จะมีใบแดงนั้น ตนเห็นว่า นายสมัคร เป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่ามาตีโพยตีพาย อย่ามาพยากรณ์ และตัดสินองค์กรอื่นว่าจะวินิจฉัยอย่างไร เพราะชัดเจนว่าไม่มีการกระทำตามที่พรรคพลังประชาชนร้องมา ที่บอกว่า มีหลักฐานเด็ดนั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีอะไรเด็ดแน่นอน เพราะความจริงมีเพียงเท่านี้
“ที่มีการกล่าวหาว่าผมไปข่มขู่พยานนั้น ยืนยันว่า ไม่มี มีแต่ฝ่ายนายสมบัติที่พยายามจะให้คนมาพูดเป็นพยานให้ แต่เขาไม่อยากมาพูดเรื่องไม่จริง เพราะนายสมบัติพยายามให้เขามาพูดในทางที่ไม่เป็นความจริง”
นายวิฑูรย์ ยังเชื่อมั่นว่า กกต.คงไม่ตัดสินไปตามกระแส แต่จะดูตามหลักฐาน และข้อมูลที่มี ทางพรรคก็ไม่ได้มีการเตรียมการอะไรไว้ เพราะเมื่อได้ชี้แจงให้พรรคทราบทุกคนก็สบายใจ รวมทั้งขอปฏิเสธกรณีมีข่าวว่าพรรคลอยแพ เพราะตั้งแต่ นายวิทวัส เข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ปฏิบัติตามระเบียบของพรรค มีหลักฐานชัดเจนว่านายวิทวัสไม่ได้แจกตั๋วหนังตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังให้สัมภาษณ์ นายวิฑูรย์ ได้นำวีซีดีความยาว 25 นาที แจกต่อสื่อมวลชน ซึ่งที่เป็นการบันทึกภาพการปราศรัยหาเสียงของผู้สมัครในโรงหนังเนวาด้า ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการแจกตั๋วชมภาพยนตร์
ต่อมา เวลา 18.20 น. วันนี้ นายวิฑูรย์ เปิดเผยหลังการให้การต่ออนุกรรมการฯ ว่า สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น จึงมั่นใจตนและ ส.ส.เขต 1 จ.อุบลฯ ของพรรค จะไม่โดนใบแดงตามที่พรรคพลังประชาชนสร้างข่าวกดดัน กกต.
นายสุธน แสงสายัณห์ ประธานอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งของนายวิฑูรย์ว่า คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนได้ภายในสัปดาห์หน้า เนื่องจากแม้ว่าวันนี้นายวิฑูรย์ พร้อมคณะจะมาชี้แจงแล้ว กก.ก็จะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบสำนวนอีกครั้งว่าจะต้องมีการเชิญบุคคลหรือขอหลักฐานเพิ่มจากทั้งสองฝ่ายอีกหรือไม่
