xs
xsm
sm
md
lg

กกต.สวน “หมัก” ยันยังไม่ชักใบแดง ปชป.- “วิทูรย์” จวกตีปลาหน้าไซ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประพันธ์ นัยโกวิท กกต.
กกต.โต้ “หมัก” ยันยังไม่มติให้ใบแดง ปชป.อุบลฯ เผยแค่รับร้องเรียน สอบสวนแล้วข้อมูลไม่ครบถ้วน อยู่ระหว่างสอบใหม่ โดยสำนวนยังไม่มาถึง กกต.เชื่อนายกฯ พูดแค่โยนหินถามทาง ด้าน “วิทูรย์” จวก “หมัก” พูดโดยไร้ข้อมูล หวังตีปลาหน้าไซกดดัน กกต. ท้าเลิกเล่นการเมือง

วันนี้ (14ก.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร ว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจจะได้รับใบแดงจากการทุจริตเลือกตั้งใน จ.อุบลราชธานี ของนายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คำร้องคัดค้านนายวิฑูรย์ เคยนำเข้าสู่ที่ประชุม กกต.แล้วครั้งหนึ่ง แต่ที่ประชุมเห็นว่าข้อมูลยังไม่ครบถ้วน จึงมอบให้ฝ่ายสืบสวนไปสอบข้อเท็จจริงให้สมบูรณ์ ทราบว่าขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาในชั้นคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย

“ดังนั้นที่บอกว่าจะได้ใบแดงใบเหลืองอะไรนี่ ก็ยังไม่ทราบเลย เพราะสำนวนยังส่งมาไม่ถึงมือ กกต. ผมก็ยังไม่ได้รับ”นายประพันธ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กกต.จะพิจารณากรณีดังกล่าวด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรม เหมือนกับคดีอื่นที่ยึดพยานหลักฐานและข้อกฎหมายเป็นหลัก ไม่ได้ดูว่าผู้ถูกร้องเป็นพรรคใด บุคคลใด หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่ เพราะไม่ได้พิจารณาในประเด็นที่ว่าถ้านายวิฑูรย์ถูกสั่งเพิกถอนสิทธิแล้วจะส่งผลให้ต้องยุบพรรคไปด้วย

นายประพันธ์ ยังปฏิเสธว่า คำพูดของนายกฯ มีผลกดดัน กกต. และสิ่งที่นายกฯ พูดคงเป็นการปรารภ หรือ พูดเชิงโยนหินถามทาง ซึ่งไม่มีปัญหาอะไรกับ กกต. เราก็พิจารณาไปตามข้อเท็จจริง ถ้าถึงกับต้องเพิกถอนสิทธิ ก็จะทำ แต่ถ้าไม่ถึงก็ต้องยกคำร้อง เป็นตามขั้นตอนอ-1-ย่างนี้ทุกครั้ง เช่นนี้ทุกครั้ง

ส่วนกรณีที่นายกฯ ระบุว่า มาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรค ทำให้เกิดปัญหาทางการเมืองในขณะนี้ ก็เห็นว่าในรัฐธรรมนูญเดิมก็มีกฎหมายบังคับเรื่องใบเหลืองใบแดง และเรื่องยุบพรรคอยู่แล้ว เพียงแต่ในมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน เขียนไว้ให้ชัดเจนขึ้นว่าหากผู้มีอำนาจในพรรคการเมืองมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง พรรคจะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย แต่ไม่ใช่ว่าความผิดกฎหมายเลือกตั้งทุกกรณีของกรรมการบริหารพรรคจะส่งผลให้ยุบพรรคได้ หรือไม่ใช่ว่าเมื่อ กกต.ให้ใบแดงกับกรรมการบริหารพรรคใดแล้ว จะต้องยุบพรรคนั้นทุกกรณี แต่ศาลรัฐธรรมนูญผู้มีอำนาจวินิจฉัย จะต้องใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบว่าพรรคมีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ สมควรถูกยุบพรรคหรือไม่ เช่นเดียวกับสำนวนยุบพรรคไทยรักไทยในอดีต ที่จะต้องมีการทำสำนวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิจารณา โดยครั้งนั้นศาลเห็นว่าการจ้างพรรคการเมืองเล็กมาลงสมัครรับเลือกตั้ง ทำให้พรรคไทยรักไทยได้ประโยชน์อันจะส่งผลกระทบในวงกว้าง อย่างไรก็ตามแนวคิดเรื่องการแก้ไขมาตราดังกล่าวเป็นเรื่องของผู้มีอำนาจจะพิจารณา กกต.พร้อมจะปฏิบัติตามกฎหมาย

ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงกรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ จะถูกสั่งเพิกถอนสิทธิ ว่า ยังตรวจสอบว่าทำไมจึงมีข่าวเช่นนั้น ข้อมูลอาจจะรั่วไหล หรืออาจจะมีคนเข้ามาเจาะหาข้อมูลก็ได้ อย่างไรก็ดีแม้ว่าตนจะรับผิดชอบงานด้านสืบสวนสอบสวนฯ แต่ก็ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงสำนวนดังกล่าว และไม่กล้าจะเข้าไปถามรายละเอียดของสำนวน อีกทั้งไม่ทราบด้วยว่าคณะอนุกรรมการฯ ชุดใดรับผิดชอบสำนวนนี้ หากคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาแล้วเสร็จก็จะนำเสนอเข้าที่ประชุม กกต.เอง

เมื่อถามว่าการปล่อยข่าวนี้ออกมาจะถือว่าเป็นการกดดัน กกต.หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าเขาปล่อยข่าวหรือเขารู้เรื่องจริง และตอนนี้ก็ยังไม่อยากทราบด้วย
ส่วนนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวกรณีเดียวกันว่า สำนวนยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนของ กกต.จังหวัด และยังไม่สรุปเข้ามายัง กกต.กลาง ส่วนที่มองว่าสำนวนดังกล่าวอาจจะรั่วไหลออกไปจาก ตนก็ไม่ทราบว่ารั่วจากที่ไหน

“แต่ยืนยันไม่มีทางรั่วจาก กกต.แน่นอน เพราะเรามีมาตรการในการรักษาความลับของข้อมูล ประกอบกับสำนวนนี้ยังไม่เข้าสู่ที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณาและลงมติ จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่า กกต.คนใดจะลงมติอย่างไร รวมทั้ง กกต.แต่ละคนยังไม่เห็นสำนวน ที่นายกฯ พูดผมก็ไม่กังวล หรือกดดันเพราะทำงานตามเนื้อผ้า ตรงไปตรงมา ดูในเนื้อหาข้อมูลหลักฐาน พิจารณาไปตามกฎหมาย ไม่ฟังและไม่คำนึงหรือยึดตามนโยบายใครหรือพรรคการเมืองใด ยืนยันว่าไม่มีใครสามารถมาต่อรองกับผมหรือ กกต.คนใดได้"

เมื่อถามว่าจะเร่งรัดสรุปสำนวนส่งมายัง กกต.เพื่อพิจารณาโดยเร็วหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ทุกวันนี้เราเร่งรัดอยู่แล้ว และเราก็ทำเต็มที่ แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับขั้นตอนในการรวบรวมพยานหลักฐาน จึงต้องทำด้วยความรัดกุม ถูกต้องและเป็นธรรม

นายอภิชาต ยังกล่าวถึงขั้นตอนหลังจากที่คณะกรรมการร่วม กกต.และอัยการสูงสุด มีมติเอกฉันท์ให้ส่งสำนวนยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยให้กับศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ว่า ได้รับรายงานด้วยวาจาจากเลขาธิการ กกต.แล้ว แต่ยังไม่รับทราบรายงานที่เป็นเอกสารทางการ คาดว่าคงจะได้รับในวันนี้ และก็จะตรวจสอบมติสรุปดังกล่าวก่อนจะส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป แต่จะใช้เวลานานแค่ไหนนั้นไม่ทราบ แต่ก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคทราบว่ามีการร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวหาคนของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการสอบสวนของ กกต. ซึ่งพรรคไม่ได้แทรกแซงอะไร และตนพยายามที่จะไม่วิจารณ์ กกต.ตอนนี้ เพราะเกรงจะเป็นคู่กรณี แต่เท่าที่ทำงานการเมืองเกี่ยวเนื่องกับ กกต.มาเห็นว่าเจ้าหน้าที่ระดับล่างของ กกต.ยังไม่ใช่กลุ่มคนที่จะไว้วางใจได้ ส่วน กกต.กลางเห็นว่าทำงานได้ดี แต่ก็ทำยาก เพราะกลไกฟันเฟืองข้างล่างอยู่กับกลุ่มอำนาจเก่าเป็นส่วนใหญ่

ด้าน นายวิทูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และส.ส.สัดส่วน กล่าวว่าขณะนี้การพิจารณาคัดค้านผลเลือกตั้งอยู่ระหว่างการสืบสวนของ กกต.จึงไม่ขอพูดในรายละเอียด แต่อยากตั้งข้อสังเกตว่าทำไมนายกฯ จึงหยิบเรื่องนี้มาพูด ซึ่งแม้จะไม่ได้ระบุถึงตนโดยตรง แต่การพูดถึงกรรมการบริหารพรรคที่อุบลราชธานีก็คือตน ซึ่งอยากถามว่านายกฯ ทราบข้อมูลภายในของ กกต.ได้อย่างไร เพราะยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต.อยู่ และจะกลายเป็นการตีปลาหน้าไซ หรือไปกดดันการทำงานของ กกต.หรือไม่

นายวิทูรย์ กล่าวว่า ตามข้อเท็จจริงแล้วหลังทราบผลการเลือกตั้งแล้วมีผู้สมัครของพรรคพลังประชาชนไปร้องว่าตนและผู้สมัครของพรรคทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งพนักงานสอบสวนที่ กกต.แต่งตั้งได้ทำการสืบสวนสอบสวนแล้วปรากฏว่าคดีไม่มีมูล ให้ยุติเรื่องและส่งเรื่องดังกล่าวมาที่ กกต.กลาง แต่ กกต.กลางให้กลับไปสอบสวนใหม่ โดย กกต.จังหวัด และพวกตนได้ไปให้ถ้อยคำกับ กกต.จังหวัด พร้อมกับนำพยานหลักฐานไปอธิบายชี้แจงเรียบร้อยแล้ว เพราะการจัดกิจกรรมอะไรของ ส.ส.เขตนั้น ได้มีการกำชับตลอดว่าอย่าให้ผิดกฎหมายเลือกตั้งและการจัดกิจกรรมทุกครั้งได้แจ้ง กกต.จังหวัดให้รับทราบ ดังนั้นจึงเชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่ให้ไว้กับ กกต. และมั่นใจว่าพวกตนบริสุทธิ์และจะได้รับความเป็นธรรมจาก กกต.

“ผมเชื่อว่า กกต.คงพิจารณาตามพยานหลักฐาน คงไม่มีแรงกดดันอะไร เพียงแต่ต้องเรียนไปถึงท่านนายกฯ ว่า ถ้าผมทำผิดครั้งนี้ ผมไม่เล่นการเมืองอีกแล้ว แต่ท่านนายกฯ ออกมาพูดโดยไม่มีข้อมูล ไม่มีข้อเท็จจริง ทั้งๆ ที่เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณา ผมถามนายกฯ ว่ามันเกิดความเสียหาย ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร และผมไม่อยากท้าให้ท่านเลิกเล่นการเมือง เพราะท่านจะเลิกอยู่แล้ว” นายวิทูรย์ กล่าว

นายวิทูรย์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่ออะไรจาก กกต.กลาง เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา จึงไม่ทราบว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน เพราะต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ กกต.
กำลังโหลดความคิดเห็น