ผู้จัดการรายวัน – รมว.คลังบุกพบผู้บริหารตลาดหุ้น ขึงขังสั่งเร่งขยายวงเงินอาร์เอ็มเอฟ –แอลทีเอฟแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป กร้าวไม่มีการรื้อบอร์ดชุดที่หมอเลี้ยบแต่งตั้งทั้งตลาดหุ้นและแบงก์ชาติ “ภัทรียา” ชี้สัดส่วนนักลงทุนสถาบันเพิ่มเป็น 17% จากเดิม 10% เหตุหุ้นดิ่งซื้อกองทุนมากขึ้น เตรียมจัดงานตลาดนักกองทุนรวม 11-12 ต.ค.นี้ ประธาน ตลท.ชี้ ไอพีโอปีนี้เข้าระดมทุนปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20 บริษัท หวังตลาดหุ้นปีหน้าดี หนุนบริษัทใหม่เข้าเทรดไม่ต่ำกว่า30-40%
วานนี้ (1 ต.ค.) นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง เดินทางเยี่ยมชมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นายสุชาติเปิดเผยว่า การเดินทางมาที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้เพื่อมารับทราบข้อมูลการดำเนินงานและเพื่อที่จะได้ประสานการทำงานร่วมกันในการรับมือปัญหาในระยะสั้นจากวิกฤตสถาบันการเงินที่มีผลกระทบต่อตลาดทุนทั่วโลกปรับตัวลดลง ซึ่งจากนี้กระทรวงการคลังและตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด
สำหรับมาตรการต่างๆ ในการพัฒนาตลาดทุน เช่น มาตรการภาษีส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนใหม่ ก็ยังยืนยันนโยบายเดิมที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ดำเนินการไว้ รวมทั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ได้มีการแต่งตั้งไว้ก่อนหน้านี้ก็จะเดินหน้าต่อไป ไม่มีการแต่งตั้งชุดใหม่เข้าไปแทน
"แม้ว่าจะมีกระแสวิพาษ์วิจารณ์กรรมการบางคน แต่ก็ถือว่าเป็นแค่ความเห็นของคนส่วนหนึ่งในสังคม ดังนั้น การแก้ปัญหาวิกฤติทางการเงินของสหรัฐต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียว โดยรัฐบาลจะไม่ยกเลิกนโยบายที่มีมาในอดีต" นายสุชาติกล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมการที่นายสุชาติกล่าวถึงได้แก่ บอร์ดตลาดหลักทรัพย์และบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการสรรหาและผู้ที่ได้รับการคัดเลือกไม่เหมาะสม เนื่องจากกรรมการสรรหาและบอร์ดบางรายถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติกล่าวหาในคดีร่ำรวยผิดปกติ บางรายถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้องคดีหวยบนดิน บางรายเข่าข่ายขัด พ.ร.บ.ธปท.ในมาตรา 28/1 โดยเฉพาะบอร์ดแบงก์ชาติที่ขณะนี้ประธานบอร์ดไม่มีการโปรดเกล้าฯ หลังจากทูลเกล้าตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
การไปเยี่ยมตลาดหหลักทรัพย์วานนี้ นายสุชาติยังกล่าวถึงการขยายวงเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อสำรองเลี้ยงชีพ (RMF) ว่า จะเพิ่มจาก 500,000 บาท เป็นเท่าไหร่นั้น ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและต้องเสนอต่อที่ประชุม ครม. แต่จะเร่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย เพื่อให้ดำเนินการต่อเนื่องจากรัฐบาลที่แล้วซึ่งจะช่วยพัฒนาตลาดทุนเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีรากฐานแข็งแรงและรองรับการพัฒนาตลาดทุนให้ทันตามกระแสโลก
โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ วานนี้ ปิดลบ 0.35% มูลค่าการซื้อขายเบาบาง นักลงทุนยังขายนำหุ้นในกลุ่มพลังงาน แบงก์ เป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แม้จะมีการรีบาวด์ได้ในบางช่วง โดยดัชนีปิดลบ 2.09 จุด มาที่ 594.45 จุด ซึ่งใกล้ระดับต่ำสุดของวัน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 593.81 จุด ส่วนสูงสุดอยู่ที่ 602.78 ด้วยมูลค่าซื้อขาย 9,540.96 ล้านบาท
**หวังขยายฐานนักลงทุนเพิ่ม
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กล่าวว่า จากที่รัฐบาลจะมีการเพิ่มวงเงินการลงทุนในRMF และLTF นั้นก็จะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีการลงทุนในระยะยาวโดยใช้จังหวะที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงมากจากราคาเหมาะสม และเป็นการสร้างความต้องการในการลงทุนที่เพิ่มขึ้น จากที่นักลงทุนยังมีเงินออมเหลือที่จะมีการเพิ่มลงทุนได้ และในช่วงปลายปีนี้จะเป็นช่วงที่นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนมาก จากที่ได้รับประโยชน์จากภาษี โดยขณะนี้มีการลงทุนกองทุนดังกล่าวมูลค่า 80,500 ล้านบาท
ทั้งนี้สัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นเป็น 17% จากเดิมที่มีอยู่ที่ 10-11% ซึ่งเชื่อว่าสัดส่วนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากนักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุน RMF และ LTF มากขึ้น และสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนรายย่อย 50% ส่วนนักลงทุนต่างชาติลงทุนในตลาดหุ้นไทย 30%
สำหรับตลาดหลักทรัพย์ฯ จะจัดงาน ตลาดนัดกองทุนรวม Mutual Fund Fair ภายในแนวคิด FIT อีกครั้ง เพื่อรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และกระตุ้นการลงทุนใน LTF และ RMF ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับการลงทุนใน LTF และ RMF ที่จะได้รับ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนหลังของปี 2551 นี้ โดยจะระดมสุดยอดผู้จัดการกองทุน มาให้คำแนะนำแก่ผู้ลงทุน ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 11 – 12 ตุลาคมนี้ เวลา 9.00 – 17.00 น. ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งนับเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ผู้ลงทุนได้เลือกลงทุนใน LTF และ RMF พร้อมรับโปรโมชั่นจากบริษัทจัดการลงทุนต่าง ๆ ในงานเดียวอีกครั้ง
นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะจัดงานมหกรรมการลงทุนครบวงจรแห่งปี SET in the City ณ สยามพารากอน เพื่อให้ข้อมูลการลงทุนในตลาดทุนครบทุกด้าน ซึ่งจะเป็นอีกงานหนึ่งที่ผู้ลงทุนจะได้รับคำแนะนำด้านการลงทุนจากทั้งผู้ประกอบธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ซึ่งจะทำให้มีข้อมูลครบถ้วนในการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์การลงทุนในปีถัดไป
**สมาคม บลจ.ขอเพิ่มเพดานRMF-LTF
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)บัวหลวง และในฐานะนายกสมาคมบลจ.กล่าวว่า จากวงเงินลงทุนในRMFและLTFที่มีอยู่ 5 แสนล้านบาทได้มีการลงทุนครบวงเงินแล้วหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้เพราะ ไม่ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ แต่จากลูกค้าของบริษัทที่มีการลงทุนนั้น ได้มีการลงทุนเต็มจำนวนแล้ว
ทั้งนี้ทางสมาคมบลจ.จะมีการขอขยายวเงินการลงทุนของนักลงทุนที่มรายได้น้อยให้สามารถลงทุนได้มากขึ้น จากเดิมที่กำหนดให้ลงทุนในกองทุน LTF และ RMFได้เพียง 15%ของรายได้ จากที่ภาวะตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงนั้น มีนักลงทุนเข้ามาซื้อซื้อกองทุนRMF และ LTFเพิ่มขึ้นทุกวัน จากที่นักลงทุนมีการมองระยะยาวมากขึ้นซึ่งเข้ามาทยอยซื้อลงทุน
***"ปกรณ์" หดเป้าไอพีโอปีนี้
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯคาดปีนี้มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20 บริษัท ซึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)รวม 12 บริษัท แบ่งเป็น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 9 บริษัท และเข้าจดทะเบียนใน mai 3 บริษัท โดยเชื่อว่าในปีหน้า หากภาวะตลาดปรับตัวดีขึ้นจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียน ไม่ต่ำกว่า 30-40 บริษัท
ทั้งนี้จากที่มีบริษัทยื่นความจำนงในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 107 บริษัทนั้น จากที่ภาวะตลาดไม่เอื้อในการเข้าระดมทุนนั้นทำให้บริษัทมีการชะลอออกไป แต่บริษัทที่ยื่นความจำนงนั้นมีเวลาในการเตรียมตัวในการเข้าจดทะเบียน 1 ปี ซึ่งขณะนี้ บริษัทดังกล่าวได้มีการจัดทำแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)แล้ว ตอนนี้รอจังหวะภาวะตลาดเอื้อในการดำเนินการเข้าจดทะเบียนต่อไป
สำหรับก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการตั้งเป้าบริษัทเข้าจดทะเบียนในปีนี้รวม 37 บริษัท แบ่งเป็น ตลาดหลักทรัพย์ฯ 25 บริษัท และตลาดเอ็มเอไอ 12 บริษัท
**ต่างชาติยังคงถือหุ้น บล.
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทรีนีตี้ และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยย้อนหลัง 5-6 ปี นักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิ 2 แสนล้านบาท ซึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้ขายออกมาจำนวน 1.2 แสนล้านบาท เพื่อที่จะนำเงินไปคืนผู้ถือหน่วยลงทุน
ทั้งนี้ยังเหลือประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นในตลาดหุ้นซึ่งเป็นการเข้ามาลงทุนตรงโดยการซื้อหุ้นในลักษณะที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งหากนักลงทุนต่างประเทศนั้นไม่ต้องการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจก็จะมีการขายหุ้นออกไป จากที่มีนักลงทุนต่างประเทศมีการลงทุนใน บล.ต่างๆ นั้น ยังไม่มีการขายหุ้น.
วานนี้ (1 ต.ค.) นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง เดินทางเยี่ยมชมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นายสุชาติเปิดเผยว่า การเดินทางมาที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้เพื่อมารับทราบข้อมูลการดำเนินงานและเพื่อที่จะได้ประสานการทำงานร่วมกันในการรับมือปัญหาในระยะสั้นจากวิกฤตสถาบันการเงินที่มีผลกระทบต่อตลาดทุนทั่วโลกปรับตัวลดลง ซึ่งจากนี้กระทรวงการคลังและตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด
สำหรับมาตรการต่างๆ ในการพัฒนาตลาดทุน เช่น มาตรการภาษีส่งเสริมบริษัทจดทะเบียนใหม่ ก็ยังยืนยันนโยบายเดิมที่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ดำเนินการไว้ รวมทั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ได้มีการแต่งตั้งไว้ก่อนหน้านี้ก็จะเดินหน้าต่อไป ไม่มีการแต่งตั้งชุดใหม่เข้าไปแทน
"แม้ว่าจะมีกระแสวิพาษ์วิจารณ์กรรมการบางคน แต่ก็ถือว่าเป็นแค่ความเห็นของคนส่วนหนึ่งในสังคม ดังนั้น การแก้ปัญหาวิกฤติทางการเงินของสหรัฐต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียว โดยรัฐบาลจะไม่ยกเลิกนโยบายที่มีมาในอดีต" นายสุชาติกล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมการที่นายสุชาติกล่าวถึงได้แก่ บอร์ดตลาดหลักทรัพย์และบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการสรรหาและผู้ที่ได้รับการคัดเลือกไม่เหมาะสม เนื่องจากกรรมการสรรหาและบอร์ดบางรายถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติกล่าวหาในคดีร่ำรวยผิดปกติ บางรายถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้องคดีหวยบนดิน บางรายเข่าข่ายขัด พ.ร.บ.ธปท.ในมาตรา 28/1 โดยเฉพาะบอร์ดแบงก์ชาติที่ขณะนี้ประธานบอร์ดไม่มีการโปรดเกล้าฯ หลังจากทูลเกล้าตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
การไปเยี่ยมตลาดหหลักทรัพย์วานนี้ นายสุชาติยังกล่าวถึงการขยายวงเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อสำรองเลี้ยงชีพ (RMF) ว่า จะเพิ่มจาก 500,000 บาท เป็นเท่าไหร่นั้น ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและต้องเสนอต่อที่ประชุม ครม. แต่จะเร่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย เพื่อให้ดำเนินการต่อเนื่องจากรัฐบาลที่แล้วซึ่งจะช่วยพัฒนาตลาดทุนเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีรากฐานแข็งแรงและรองรับการพัฒนาตลาดทุนให้ทันตามกระแสโลก
โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ วานนี้ ปิดลบ 0.35% มูลค่าการซื้อขายเบาบาง นักลงทุนยังขายนำหุ้นในกลุ่มพลังงาน แบงก์ เป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แม้จะมีการรีบาวด์ได้ในบางช่วง โดยดัชนีปิดลบ 2.09 จุด มาที่ 594.45 จุด ซึ่งใกล้ระดับต่ำสุดของวัน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 593.81 จุด ส่วนสูงสุดอยู่ที่ 602.78 ด้วยมูลค่าซื้อขาย 9,540.96 ล้านบาท
**หวังขยายฐานนักลงทุนเพิ่ม
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กล่าวว่า จากที่รัฐบาลจะมีการเพิ่มวงเงินการลงทุนในRMF และLTF นั้นก็จะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีการลงทุนในระยะยาวโดยใช้จังหวะที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงมากจากราคาเหมาะสม และเป็นการสร้างความต้องการในการลงทุนที่เพิ่มขึ้น จากที่นักลงทุนยังมีเงินออมเหลือที่จะมีการเพิ่มลงทุนได้ และในช่วงปลายปีนี้จะเป็นช่วงที่นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนมาก จากที่ได้รับประโยชน์จากภาษี โดยขณะนี้มีการลงทุนกองทุนดังกล่าวมูลค่า 80,500 ล้านบาท
ทั้งนี้สัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นเป็น 17% จากเดิมที่มีอยู่ที่ 10-11% ซึ่งเชื่อว่าสัดส่วนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากนักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุน RMF และ LTF มากขึ้น และสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนรายย่อย 50% ส่วนนักลงทุนต่างชาติลงทุนในตลาดหุ้นไทย 30%
สำหรับตลาดหลักทรัพย์ฯ จะจัดงาน ตลาดนัดกองทุนรวม Mutual Fund Fair ภายในแนวคิด FIT อีกครั้ง เพื่อรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจ และกระตุ้นการลงทุนใน LTF และ RMF ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับการลงทุนใน LTF และ RMF ที่จะได้รับ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนหลังของปี 2551 นี้ โดยจะระดมสุดยอดผู้จัดการกองทุน มาให้คำแนะนำแก่ผู้ลงทุน ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 11 – 12 ตุลาคมนี้ เวลา 9.00 – 17.00 น. ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งนับเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ผู้ลงทุนได้เลือกลงทุนใน LTF และ RMF พร้อมรับโปรโมชั่นจากบริษัทจัดการลงทุนต่าง ๆ ในงานเดียวอีกครั้ง
นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะจัดงานมหกรรมการลงทุนครบวงจรแห่งปี SET in the City ณ สยามพารากอน เพื่อให้ข้อมูลการลงทุนในตลาดทุนครบทุกด้าน ซึ่งจะเป็นอีกงานหนึ่งที่ผู้ลงทุนจะได้รับคำแนะนำด้านการลงทุนจากทั้งผู้ประกอบธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ซึ่งจะทำให้มีข้อมูลครบถ้วนในการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์การลงทุนในปีถัดไป
**สมาคม บลจ.ขอเพิ่มเพดานRMF-LTF
นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.)บัวหลวง และในฐานะนายกสมาคมบลจ.กล่าวว่า จากวงเงินลงทุนในRMFและLTFที่มีอยู่ 5 แสนล้านบาทได้มีการลงทุนครบวงเงินแล้วหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้เพราะ ไม่ได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ แต่จากลูกค้าของบริษัทที่มีการลงทุนนั้น ได้มีการลงทุนเต็มจำนวนแล้ว
ทั้งนี้ทางสมาคมบลจ.จะมีการขอขยายวเงินการลงทุนของนักลงทุนที่มรายได้น้อยให้สามารถลงทุนได้มากขึ้น จากเดิมที่กำหนดให้ลงทุนในกองทุน LTF และ RMFได้เพียง 15%ของรายได้ จากที่ภาวะตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงนั้น มีนักลงทุนเข้ามาซื้อซื้อกองทุนRMF และ LTFเพิ่มขึ้นทุกวัน จากที่นักลงทุนมีการมองระยะยาวมากขึ้นซึ่งเข้ามาทยอยซื้อลงทุน
***"ปกรณ์" หดเป้าไอพีโอปีนี้
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯคาดปีนี้มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 20 บริษัท ซึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)รวม 12 บริษัท แบ่งเป็น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 9 บริษัท และเข้าจดทะเบียนใน mai 3 บริษัท โดยเชื่อว่าในปีหน้า หากภาวะตลาดปรับตัวดีขึ้นจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียน ไม่ต่ำกว่า 30-40 บริษัท
ทั้งนี้จากที่มีบริษัทยื่นความจำนงในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 107 บริษัทนั้น จากที่ภาวะตลาดไม่เอื้อในการเข้าระดมทุนนั้นทำให้บริษัทมีการชะลอออกไป แต่บริษัทที่ยื่นความจำนงนั้นมีเวลาในการเตรียมตัวในการเข้าจดทะเบียน 1 ปี ซึ่งขณะนี้ บริษัทดังกล่าวได้มีการจัดทำแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)แล้ว ตอนนี้รอจังหวะภาวะตลาดเอื้อในการดำเนินการเข้าจดทะเบียนต่อไป
สำหรับก่อนหน้านี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการตั้งเป้าบริษัทเข้าจดทะเบียนในปีนี้รวม 37 บริษัท แบ่งเป็น ตลาดหลักทรัพย์ฯ 25 บริษัท และตลาดเอ็มเอไอ 12 บริษัท
**ต่างชาติยังคงถือหุ้น บล.
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทรีนีตี้ และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า จากข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยย้อนหลัง 5-6 ปี นักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิ 2 แสนล้านบาท ซึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้ขายออกมาจำนวน 1.2 แสนล้านบาท เพื่อที่จะนำเงินไปคืนผู้ถือหน่วยลงทุน
ทั้งนี้ยังเหลือประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นในตลาดหุ้นซึ่งเป็นการเข้ามาลงทุนตรงโดยการซื้อหุ้นในลักษณะที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งหากนักลงทุนต่างประเทศนั้นไม่ต้องการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจก็จะมีการขายหุ้นออกไป จากที่มีนักลงทุนต่างประเทศมีการลงทุนใน บล.ต่างๆ นั้น ยังไม่มีการขายหุ้น.