"วีระ"บุกกองปราบ-ป.ป.ช. เอาผิด"สมชาย" ติดสินบนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ช่วย"พี่เมีย"ซุกหุ้น ขณะที่กกต.ส่อแยกตั้งอนุฯ สอบคุณสมบัติ "สมชาย" ชี้เทียบเคียงได้กับกรณี"ชิมไปบ่นไป" ด้าน ป.ป.ช.ใกล้สรุปสำนวนคดีที่ครม.ทั้งคณะมีมติแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เรื่องปราสาทพระวิหาร พร้อม เร่งตรวจสอบ นายกฯ-ลูกสาวไม่แจ้งทรัพย์สิน "เจ๊แดง"ร่ำรวยผิดปกติ
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (30 ก.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ ต่อมหล้า พงส. (สบ 3) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 167 โดยนำสำเนาเอกสารคำให้การ พยานจำเลยทั้ง 5 เมื่อวันที่ 11 ส.ค.47 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 2658/2545 รวม 9 แผ่น และสำเนาภาพถ่ายเอกสาร น.ส.พ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 14 ต.ค.47 จำนวน 3 แผ่น มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นายวีระ กล่าวว่า การเข้าแจ้งความครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนมิ.ย.44 ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ (คดีซุกหุ้นภาค 1) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้พานายอุระ หวังอ้อมกลาง 1 ในตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เข้าพบพ.ต.ท.ทักษิณ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ขอให้ช่วยลงคะแนนเสียง เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องรับโทษ ซึ่งการกระทำดังกล่าวของนายสมชาย เข้าข่ายเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐาน ให้ ขอให้ ประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ เพื่อจูงใจให้กระทำการใดอันมิชอบด้วยหน้าที่
นายวีระ กล่าวว่า สำหรับคดีซุกหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เมื่อวันที่ 22 ก.พ.49 ตนได้เข้าแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ในความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ มาแล้ว โดยทราบว่า คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ
เบื้องต้น พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ ได้สอบปากคำ นายวีระ และรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดมาประกอบการพิจารณา ก่อนรวบรวมส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายวีระ แจ้งความร้องทุกข์ที่กองปราบแล้ว ได้เดินทางไปยื่นร้องเรียนในเรื่องเดียวกันนี้ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย
**กกต.เทียบสมชายกับชิมไปบ่นไป
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการพิจารณาคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ที่ขอให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติ ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กรณีถือหุ้นในบริษัท ซี เอส ล็อกซอินโฟ จำกัด(มหาชน) ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 ว่า ในเบื้องต้นทางฝ่ายสำนักกฎหมายและคดี ของ กกต.จะรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอที่ประชุม กกต. พิจารณาว่า ควรจะมีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนี้หรือไม่ และหาก กกต.มีมติให้สอบสวน อาจใช้คณะอนุกรรมการฯ ที่มีอยู่แล้วหลายชุด โดยไม่จำเป็นต้องตั้งคณะอนุกรรมการฯชุดใหม่ขึ้นมา แต่ทั้งนี้คงต้องดูเนื้องานที่คณะอนุกรรมการฯแต่ละชุดรับผิดชอบอยู่ขณะนี้ว่ามีมากน้อยขนาดไหน หากเห็นว่ามีมากเกินไป ก็อาจจะตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อพิจารณาก็ได้
"กรณีดังกล่าวอาจเทียบเคียงได้กับกรณี ชิมไป บ่นไป ของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกร้องโดยอาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 และมาตรา 267 ในเรื่องของการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ได้ แต่กกต.ก็มีหน้าที่เพียงให้ความเห็นเบื้องต้น และเสนอให้กับศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเท่านั้น" เลขา กกต. กล่าว
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย และนายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม เห็นตรงกันว่า กรณีนี้มีแนวโน้มที่ กกต.จะต้องตั้งอนุกรรมการฯชุดใหม่ขึ้นมาสอบสวน แต่ในการประชุม กกต.ช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 30 ก.ย.) ยังไม่ได้มีการหารือเรื่องดังกล่าว
**ใกล้แจ้งข้อหาครม.กรณีเขาพระวิหาร
น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนคดีถอดถอนคณะรัฐมนตรี (ครม.)ทั้งคณะ กรณีกระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 มีมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 51 สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชา ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ได้กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ป.ป.ช.กำลังเร่งสอบคดีเขาพระวิหาร มีความคืบหน้าใกล้จะแจ้งข้อกล่าวหาได้แล้ว โดยวานนี้ (30 ก.ย.) ได้เชิญนายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ มาให้ปากคำ กรณีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 119 ที่นายไทกร ระบุว่า การลงแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน จึงต้องการทราบว่า เหตุใดการลงนามในแถลงการณ์ดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน และวันนี้ (1 ต.ค.) จะเรียกสอบผู้ร้องกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาให้ข้อมูล กรณีกล่าวอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประโยชน์จากการลงนามดังกล่าวอีกด้วย
**สั่งตรวจ"สมชาย"ไม่แจ้งทรัพย์สิน
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ตั้งข้อสังเกตเรื่องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แจ้งทรัพย์สินในส่วนของบ้าน ที่หมู่บ้านเบเวอรี่ ฮิลล์ ต่อป.ป.ช.ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอยู่ ถือเป็นการทำหน้าที่ปกติ ที่ภายหลังจากได้รับทราบข่าวจากสื่อมวลชน ก็ต้องเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นจะรายงานให้ที่ประชุม ป.ป.ช.ทราบอีกครั้ง จึงยังบอกไม่ได้ว่านายสมชาย ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินในส่วนนี้หรือไม่
**คดี"เจ๊แดง"รวยผิดปกติใกล้สรุป
นายเมธี ครองแก้ว ประธานอนุกรรมการไต่สวน กรณีการร่ำรวยผิดปกติของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยานายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ป.ป.ช.ได้ขอข้อมูลทางการเงินจากทุกธนาคารที่นางเยาวภา มีธุรกรรมทางการเงินอยู่ ซึ่งมีข้อมูลอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เสียเวลาตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้พอสมควร
ดังนั้นในที่ประชุม ป.ป.ช. จึงได้หารือกรณีนี้ และคดีใหญ่อื่นๆว่า ต่อไปจะต้องกำหนดเส้นตายของแต่ละคดีหรือไม่ โดยเฉพาะคดีร่ำรวยผิดปกติของนางเยาวภา ทำมาเกือบสองปี ก็ควรจะได้ข้อสรุปแล้ว โดยหลายคนเห็นด้วยว่า ควรกำหนดเส้นตายของคดี
นายเมธี ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีการจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ของบริษัทห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรและอาหารจำกัด (เซ็นทรัลแลป) ใกล้จะได้สรุปเช่นกัน เหลือเพียงการสรุปสำนวนคดีเท่านั้น
**ป.ป.ช.ตรวจบัญชีนายกฯ-ลูกสาว
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีปัญหาการแสดงบัญชีทรัพย์สินของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ามาเป็น ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชนว่า ยังไม่ทราบว่ามีการยื่นเรื่องนี้ให้ตรวจสอบหรือยัง เพิ่งทราบจากสื่อมวลชน แต่หากใครสงสัย และยื่นเรื่องมาก็อยู่ในกระบวนการตรวจสอบของป.ป.ช. แม้นายสมชาย จะแสดงบัญชีทรัพย์สินไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนเข้ามาเป็นส.ส.สัดส่วน แต่การยื่นบัญชีครั้งนั้น จะเป็นการตรวจสอบแคบ แต่เมื่อเข้ามาเป็นนายกฯ และมีการร้องเรียนเข้ามา ป.ป.ช. ก็ต้องตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง และต้องย้อนกลับไปดูการแสดงบัญชีทรัพย์สินตอนเป็น ส.ส. ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
ทั้งนี้ไม่ใช่เรื่องยากลำบากในการตรวจสอบ เพราะเจ้าหน้าที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถสืบสาวราวเรื่องได้ ซึ่งต้องดูการตรวจสอบของ คตส. และ สตง.ด้วย แม้จะมีการยุบสภาเกิดขึ้นก็หยุดตรวจสอบไม่ได้ จนกว่าการตรวจสอบจะเสร็จสิ้นหรือยุติลง
นายวิชา ยังกล่าวถึงการถือครองหุ้นของ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน บุตรสาวนายกรัฐมนตรี ที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ ว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเบื้องต้นอยู่ โดยการเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีเจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินดูแลอยู่ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน และขณะนี้ยังไม่มีการตั้งคณะอนุกรรมการฯ ทั้งนี้ต้องไปพิจารณาว่า สตง.และ คตส.ได้ตรวจสอบไว้เป็นเช่นใด เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา และต้องนำกรณีของ น.ส.ชินณิชาไปประกอบการพิจารณาในส่วนคำร้องของนายสมชายด้วย หากมีเข้ามา
**ตร.ยังไม่สอบแก๊งทนายแม้วติดสินบน
พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยถึงการสอบสวนคดีสินบน 2 ล้านบาท ที่ 3 ทนาย ถูกศาลฎีกาลงโทษจำคุกคนละ 6 เดือน เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายพิชิฏ ชื่นบาน อดีตทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ อดีตเสมียนทนายความ และนายธนา ตันศิริ ผู้ประสานงานคดี ญาติสนิทคุณหญิงพจมาน ข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 และความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงานนั้นว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำตัวมาประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อที่จะกำหนดวันให้ปากคำแล้ว คาดว่าประมาณต้นเดือน ต.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คนในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้ โดยตำรวจได้ประสานไปยังผู้บัญชาการเรือนจำดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ประเด็นการสอบปากคำจะมุ่งเน้นคลี่คลายปมเส้นทางของเงินสินบน 2 ล้าน และที่มาที่ไปของเงินได้มาอย่างไร ทำเพื่ออะไร โดยต้องเปิดให้ผู้ต้องหาให้การอย่างเต็มที่ในทุกเรื่อง หากได้ข้อเท็จจริงมาว่า เงินสินบนดังกล่าวมีความเกี่ยวโยงกับใคร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเดินหน้าสอบสวนขยายผลต่อไป
"อย่าห่วงกังวลกันเลย ตำรวจสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คนแน่ แม้ว่าจะเหลือเวลาติดคุกอีก 2 เดือนก็จะครบ 6 เดือนตาม โทษที่ได้รับ ผมก็มั่นใจผู้ต้องหาไม่หนีเมื่อพ้นโทษ แต่อย่างไรก็ตาม ทางเราก็จะสอบปากคำให้แล้วเสร็จก่อน 2 เดือนอยู่แล้ว เพราะได้ประสานไปที่เรือนจำแล้ว รอแค่ทนายฝ่ายผู้ต้องหานัดวันมา ในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ ว่าเป็นวันไหนเท่านั้น เพราะทนายเขาต้องร่วมฟังคำให้การด้วย" พ.ต.อ.รังสรรค์ กล่าว
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (30 ก.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ ต่อมหล้า พงส. (สบ 3) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 167 โดยนำสำเนาเอกสารคำให้การ พยานจำเลยทั้ง 5 เมื่อวันที่ 11 ส.ค.47 คดีอาญาหมายเลขดำที่ 2658/2545 รวม 9 แผ่น และสำเนาภาพถ่ายเอกสาร น.ส.พ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 14 ต.ค.47 จำนวน 3 แผ่น มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นายวีระ กล่าวว่า การเข้าแจ้งความครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนมิ.ย.44 ในขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ (คดีซุกหุ้นภาค 1) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้พานายอุระ หวังอ้อมกลาง 1 ในตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เข้าพบพ.ต.ท.ทักษิณ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ขอให้ช่วยลงคะแนนเสียง เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องรับโทษ ซึ่งการกระทำดังกล่าวของนายสมชาย เข้าข่ายเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐาน ให้ ขอให้ ประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ เพื่อจูงใจให้กระทำการใดอันมิชอบด้วยหน้าที่
นายวีระ กล่าวว่า สำหรับคดีซุกหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เมื่อวันที่ 22 ก.พ.49 ตนได้เข้าแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ในความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ มาแล้ว โดยทราบว่า คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ
เบื้องต้น พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ ได้สอบปากคำ นายวีระ และรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดมาประกอบการพิจารณา ก่อนรวบรวมส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายวีระ แจ้งความร้องทุกข์ที่กองปราบแล้ว ได้เดินทางไปยื่นร้องเรียนในเรื่องเดียวกันนี้ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย
**กกต.เทียบสมชายกับชิมไปบ่นไป
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการพิจารณาคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ที่ขอให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติ ของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กรณีถือหุ้นในบริษัท ซี เอส ล็อกซอินโฟ จำกัด(มหาชน) ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 ว่า ในเบื้องต้นทางฝ่ายสำนักกฎหมายและคดี ของ กกต.จะรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอที่ประชุม กกต. พิจารณาว่า ควรจะมีมติให้ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนี้หรือไม่ และหาก กกต.มีมติให้สอบสวน อาจใช้คณะอนุกรรมการฯ ที่มีอยู่แล้วหลายชุด โดยไม่จำเป็นต้องตั้งคณะอนุกรรมการฯชุดใหม่ขึ้นมา แต่ทั้งนี้คงต้องดูเนื้องานที่คณะอนุกรรมการฯแต่ละชุดรับผิดชอบอยู่ขณะนี้ว่ามีมากน้อยขนาดไหน หากเห็นว่ามีมากเกินไป ก็อาจจะตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อพิจารณาก็ได้
"กรณีดังกล่าวอาจเทียบเคียงได้กับกรณี ชิมไป บ่นไป ของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกร้องโดยอาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 และมาตรา 267 ในเรื่องของการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ได้ แต่กกต.ก็มีหน้าที่เพียงให้ความเห็นเบื้องต้น และเสนอให้กับศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเท่านั้น" เลขา กกต. กล่าว
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย และนายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม เห็นตรงกันว่า กรณีนี้มีแนวโน้มที่ กกต.จะต้องตั้งอนุกรรมการฯชุดใหม่ขึ้นมาสอบสวน แต่ในการประชุม กกต.ช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 30 ก.ย.) ยังไม่ได้มีการหารือเรื่องดังกล่าว
**ใกล้แจ้งข้อหาครม.กรณีเขาพระวิหาร
น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนคดีถอดถอนคณะรัฐมนตรี (ครม.)ทั้งคณะ กรณีกระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 มีมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 51 สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชา ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ได้กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ป.ป.ช.กำลังเร่งสอบคดีเขาพระวิหาร มีความคืบหน้าใกล้จะแจ้งข้อกล่าวหาได้แล้ว โดยวานนี้ (30 ก.ย.) ได้เชิญนายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ มาให้ปากคำ กรณีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 119 ที่นายไทกร ระบุว่า การลงแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน จึงต้องการทราบว่า เหตุใดการลงนามในแถลงการณ์ดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน และวันนี้ (1 ต.ค.) จะเรียกสอบผู้ร้องกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มาให้ข้อมูล กรณีกล่าวอ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประโยชน์จากการลงนามดังกล่าวอีกด้วย
**สั่งตรวจ"สมชาย"ไม่แจ้งทรัพย์สิน
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ตั้งข้อสังเกตเรื่องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แจ้งทรัพย์สินในส่วนของบ้าน ที่หมู่บ้านเบเวอรี่ ฮิลล์ ต่อป.ป.ช.ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. กำลังตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอยู่ ถือเป็นการทำหน้าที่ปกติ ที่ภายหลังจากได้รับทราบข่าวจากสื่อมวลชน ก็ต้องเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นจะรายงานให้ที่ประชุม ป.ป.ช.ทราบอีกครั้ง จึงยังบอกไม่ได้ว่านายสมชาย ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินในส่วนนี้หรือไม่
**คดี"เจ๊แดง"รวยผิดปกติใกล้สรุป
นายเมธี ครองแก้ว ประธานอนุกรรมการไต่สวน กรณีการร่ำรวยผิดปกติของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยานายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ป.ป.ช.ได้ขอข้อมูลทางการเงินจากทุกธนาคารที่นางเยาวภา มีธุรกรรมทางการเงินอยู่ ซึ่งมีข้อมูลอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เสียเวลาตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้พอสมควร
ดังนั้นในที่ประชุม ป.ป.ช. จึงได้หารือกรณีนี้ และคดีใหญ่อื่นๆว่า ต่อไปจะต้องกำหนดเส้นตายของแต่ละคดีหรือไม่ โดยเฉพาะคดีร่ำรวยผิดปกติของนางเยาวภา ทำมาเกือบสองปี ก็ควรจะได้ข้อสรุปแล้ว โดยหลายคนเห็นด้วยว่า ควรกำหนดเส้นตายของคดี
นายเมธี ยังกล่าวถึงความคืบหน้าคดีการจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ของบริษัทห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรและอาหารจำกัด (เซ็นทรัลแลป) ใกล้จะได้สรุปเช่นกัน เหลือเพียงการสรุปสำนวนคดีเท่านั้น
**ป.ป.ช.ตรวจบัญชีนายกฯ-ลูกสาว
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีปัญหาการแสดงบัญชีทรัพย์สินของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ามาเป็น ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชนว่า ยังไม่ทราบว่ามีการยื่นเรื่องนี้ให้ตรวจสอบหรือยัง เพิ่งทราบจากสื่อมวลชน แต่หากใครสงสัย และยื่นเรื่องมาก็อยู่ในกระบวนการตรวจสอบของป.ป.ช. แม้นายสมชาย จะแสดงบัญชีทรัพย์สินไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนเข้ามาเป็นส.ส.สัดส่วน แต่การยื่นบัญชีครั้งนั้น จะเป็นการตรวจสอบแคบ แต่เมื่อเข้ามาเป็นนายกฯ และมีการร้องเรียนเข้ามา ป.ป.ช. ก็ต้องตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง และต้องย้อนกลับไปดูการแสดงบัญชีทรัพย์สินตอนเป็น ส.ส. ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
ทั้งนี้ไม่ใช่เรื่องยากลำบากในการตรวจสอบ เพราะเจ้าหน้าที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถสืบสาวราวเรื่องได้ ซึ่งต้องดูการตรวจสอบของ คตส. และ สตง.ด้วย แม้จะมีการยุบสภาเกิดขึ้นก็หยุดตรวจสอบไม่ได้ จนกว่าการตรวจสอบจะเสร็จสิ้นหรือยุติลง
นายวิชา ยังกล่าวถึงการถือครองหุ้นของ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน บุตรสาวนายกรัฐมนตรี ที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบ ว่า เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเบื้องต้นอยู่ โดยการเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีเจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินดูแลอยู่ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน และขณะนี้ยังไม่มีการตั้งคณะอนุกรรมการฯ ทั้งนี้ต้องไปพิจารณาว่า สตง.และ คตส.ได้ตรวจสอบไว้เป็นเช่นใด เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา และต้องนำกรณีของ น.ส.ชินณิชาไปประกอบการพิจารณาในส่วนคำร้องของนายสมชายด้วย หากมีเข้ามา
**ตร.ยังไม่สอบแก๊งทนายแม้วติดสินบน
พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ชนะสงคราม เปิดเผยถึงการสอบสวนคดีสินบน 2 ล้านบาท ที่ 3 ทนาย ถูกศาลฎีกาลงโทษจำคุกคนละ 6 เดือน เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายพิชิฏ ชื่นบาน อดีตทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ อดีตเสมียนทนายความ และนายธนา ตันศิริ ผู้ประสานงานคดี ญาติสนิทคุณหญิงพจมาน ข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 และความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงานนั้นว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 ได้มอบหมายให้ทนายความประจำตัวมาประสานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อที่จะกำหนดวันให้ปากคำแล้ว คาดว่าประมาณต้นเดือน ต.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คนในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้ โดยตำรวจได้ประสานไปยังผู้บัญชาการเรือนจำดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ประเด็นการสอบปากคำจะมุ่งเน้นคลี่คลายปมเส้นทางของเงินสินบน 2 ล้าน และที่มาที่ไปของเงินได้มาอย่างไร ทำเพื่ออะไร โดยต้องเปิดให้ผู้ต้องหาให้การอย่างเต็มที่ในทุกเรื่อง หากได้ข้อเท็จจริงมาว่า เงินสินบนดังกล่าวมีความเกี่ยวโยงกับใคร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเดินหน้าสอบสวนขยายผลต่อไป
"อย่าห่วงกังวลกันเลย ตำรวจสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คนแน่ แม้ว่าจะเหลือเวลาติดคุกอีก 2 เดือนก็จะครบ 6 เดือนตาม โทษที่ได้รับ ผมก็มั่นใจผู้ต้องหาไม่หนีเมื่อพ้นโทษ แต่อย่างไรก็ตาม ทางเราก็จะสอบปากคำให้แล้วเสร็จก่อน 2 เดือนอยู่แล้ว เพราะได้ประสานไปที่เรือนจำแล้ว รอแค่ทนายฝ่ายผู้ต้องหานัดวันมา ในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ ว่าเป็นวันไหนเท่านั้น เพราะทนายเขาต้องร่วมฟังคำให้การด้วย" พ.ต.อ.รังสรรค์ กล่าว